พอล โอเทลินี ซีอีโออินเทล
ผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ "อินเทล (Intel)" ยืนยันว่าสมาร์ทโฟนแพลตฟอร์ม MeeGo ซึ่งอินเทลเคยร่วมมือพัฒนากับโนเกียจะพร้อมลงตลาดปีหน้า (2012) เลื่อนจากกำหนดเดิมไตรมาส 3 ปี 2011 เพราะการเปลี่ยนแผนของโนเกียซึ่งหันไปหาแพลตฟอร์มวินโดวส์ของไมโครซอฟท์เต็มตัว ฟุ้งผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นสนใจและกำลังอยู่ระหว่างการออกแบบเพิ่มเพื่อตอบความต้องการของตลาดให้ได้สูงสุด
พอล โอเทลินี ซีอีโออินเทล แถลงต่อนักลงทุน พันธมิตร นักวิเคราะห์ และสื่อมวลชนในงานประชุมประจำปีที่สหรัฐอเมริกาเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า แม้การเป็นพันธมิตรในการพัฒนาแพลตฟอร์ม MeeGo สำหรับสมาร์ทโฟนร่วมกับโนเกียจะผิดแผนไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แต่อินเทลไม่ได้หยุดนิ่งและได้นำผลงานการพัฒนาที่อินเทลทำงานร่วมกับโนเกียมานานหลายปีมาพัฒนาต่อ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดี
"อินเทลได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจำนวนหนึ่งแล้ว คาดว่าจะได้เห็นสมาร์ทโฟนแพลตฟอร์ม MeeGo ออกสู่ตลาดภายในครึ่งแรกของปีหน้า"
ข้อมูลจากอินเทลระบุว่า สมาร์ทโฟนแพลตฟอร์ม MeeGo จะมาพร้อมชิป Medfield โดยการผิดแผนในเดือนกุมภาพันธ์ที่ซีอีโออินเทลพูดถึง คือการประกาศความร่วมมือระหว่างโนเกียและไมโครซอฟท์ ซึ่งมีผลให้โนเกียหยุดการพัฒนาสมาร์ทโฟนแพลตฟอร์ม MeeGo ลง แล้วมาพัฒนาสมาร์ทโฟนแพลตฟอร์ม Windows Phone 7 แทนอย่างจริงจัง
ความพยายามในการแจ้งเกิดสมาร์ทโฟน MeeGo ของอินเทลนั้นถูกมองว่าเป็นความพยายามในการรุกตลาดโทรศัพท์มือถือซึ่งอินเทลไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร โดยชิปที่เป็นเจ้าตลาดนี้คือชิปเทคโนโลยี ARM (Advanced RISC Machine) ซึ่งมีราคาถูกกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่าชิปประเภทอื่น ผู้ผลิตชิป ARM ในตลาดขณะนี้ได้แก่ Qualcomm, IBM, Samsung, Globalfoundries และบริษัท ARM เอง
จุดนี้ซีอีโออินเทลยืนยันว่า อินเทลไม่มีแผนการพัฒนาชิป ARM ของตัวเอง โดยย้ำว่าแม้อินเทลจะมีลิขสิทธิ์สถาปัตยกรรมเทคโนโลยีชิป ARM อยู่แล้วในขณะนี้ แต่อินเทลมองว่า ARM ยังไม่ใช่สถาปัตกรรมชิปที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับอินเทลได้ แถมการต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เทคโนโลยีให้ ARM ยังไม่เป็นผลดีต่อผลประกอบการอินเทลในระยะยาว ทั้งหมดนี้ทำให้อินเทลมีความเชื่อมั่นในสถาปัตยกรรมชิป IA (Intel Advantage) ซึ่งอินเทลพัฒนาขึ้นเองมากกว่า
คำพูดของซีอีโออินเทลนั้นสวนทางกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยปัจจุบัน ชิป ARM 32 บิตซึ่งมีราคาต่ำนั้นถูกใช้ในโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพามากกว่า 90% ทั่วโลก ทั้งเครื่องเล่นเพลงพกพา เครื่องเกมคอนโซล เครื่องคิดเลข และอุปกรณ์ต่อพ่วงอย่างเราท์เตอร์และฮาร์ดไดร์ฟ บนจุดเด่นคือการสื่อสารข้อมูลภายในชิปที่ง่าย ไม่ซับซ้อน และใช้พลังงานต่ำ ซึ่งยักษ์ใหญ่โลกไอทีอย่างแอปเปิล แอลจี ไมโครซอฟท์ เอ็นวิเดีย รวมถึงชาร์ป ล้วนมีชื่อติดหนึ่งในทำเนียบผู้เสียเงินค่าลิขสิทธิ์เทคโนโลยีให้กับ ARM ทั้งสิ้น
สำหรับความคืบหน้าในการพัฒนาคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต ซีอีโออินเทลระบุว่ากำลังติดตามดูการพัฒนาแท็บเล็ตซึ่งใช้ชิปอินเทลราว 35 รุ่นในขณะนี้ ทั้งหมดมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการหลากหลายทั้งวินโดวส์และแอนดรอยด์
"ศึกแท็บเล็ตยังดำเนินไปได้อีกยาวไกล ไม่มีใครสามารถรู้ขนาดที่แท้จริงของตลาดแท็บเล็ต สิ่งที่รู้ชัดเจนคือทุกคนทุ่มเทกำลังลงมาเล่นในตลาดนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งเชื่อว่าจะมีการทดลองใหม่ๆอีกมากในตลาดแท็บเล็ตนับจากนี้"
ซีอีโออินเทลเชื่อว่าตลาดกล่องรับสัญญาณทีวีอัจฉริยะหรือ Smart TV คือตลาดที่มีอนาคตสดใสนับจากนี้ โดยเฉพาะในตลาดยุโรปซึ่งอินเทลเปิดเผยว่ามียอดจำหน่ายเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 10,000 เครื่องต่อวัน โดยอิตาลีและฝรั่งเศสคือแชมป์ตลาดที่นิยมอุปกรณ์เสริมซึ่งทำให้ทีวีสามารถรับสัญญาณภาพแบบเรียลไทม์และคอนเทนต์อินเทอร์เน็ตได้แบบไร้รอยต่อมากที่สุด
Company Related Link :
Intel
ที่มา: manager.co.th