“แอน สิเรียม” ลั่นไม่คิดลงเล่นการเมือง และก็ไม่มีใครทาบทาม สนใจทำธุรกิจมากกว่า ส่วนความสัมพันธ์กับ “พายัพ” แค่พี่ที่เคารพ ยืนยัน “นนนี่” ไม่ได้ท้องจนต้องพาหนีไปเมืองนอก แต่เป็นแพลนที่วางเอาไว้นานแล้ว เผยยังไม่ทิ้งวงการบันเทิงแต่ที่ผ่านมายังไม่มีใครติดต่อให้ไปร่วมงาน
หายหน้าหายตาไปเป็นปีเลยทีเดียวสำหรับ “แอน สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์” หลังจากที่มีข่าวว่ามีความสัมพันธ์แนบชิดกับกับ “พายัพ ชินวัตร” ถึงขั้นเส้นใหญ่ลัดคิวเข้าไปดูหมีที่เชียงใหม่จนเป็นข่าวฮือฮา กระทั่งมีกระแสข่าวว่า “นนนี่ นนลนีย์” ลูกสาวเกิดตั้งครรภ์ ก็เลยต้องหอบลูกหนีไปอยู่ต่างประเทศพร้อมกับประกาศลาวงการ
ระหว่างนั้นก็มีข่าวว่าแอนไปเป็นโยมอุปัฎฐากที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษ จนเจ้าอาวาสเปลี่ยนชื่อวัดเป็น “สิเรียมพุทธาวาส” กลายเป็นที่ถกเถียงไปทั่วประเทศถึงความเหมาะสม ล่าสุดแอนก็ปรากฏตัวอีกครั้ง เพื่อเปิด Slimming Plus สาขาเซ็นทรัลเวิร์ด ที่เจ้าตัวนั่งแท่นผู้บริหาร พร้อมกับเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ อยู่ดีๆ ก็โผล่มาในช่วงหลายๆ พรรคเปิดตัวสส.แบบนี้ ก็เลยมีข่าวว่าแอนอาจจะลงเล่นการเมือง
“การเมืองแอนคงไม่เล่นหรอกค่ะ ไม่ใช่เห็นว่าแอนออกมาตอนนี้เลยคิดว่าแอนจะลงเล่นการเมือง คือแอนกลับมาตั้งนานแล้ว(หัวเราะ) แล้วก็ไม่ได้มีความสนใจด้านนี้เลยค่ะ แอนสนใจเรื่องธุรกิจมากกว่า ก็ไม่ได้มีคนชวนอะไรนะคะ คงไม่เล่นการเมืองอยู่แล้วค่ะ”
“ก็ต้องบอกเลยว่าจริงๆ ไม่ได้หายไปไหนนะคะ เรียกได้ว่าเราไปพัฒนาตัวเองให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มมากขึ้น แล้วก็กำลังเรียนปริญญาโทอยู่ด้วยใกล้จบแล้ว อีกอย่างก็คือเราย้ายคุณลูกไปอยู่ที่ต่างประเทศ ดังนั้นก็ต้องไปๆ มาๆ ค่อนข้างบ่อยนิดนึง แต่ว่าช่วงหลังๆ ทุกอย่างมันเซ็ทอัพค่อนข้างที่จะเรียบร้อย อย่างตอนที่ไคร์เชิร์ทมีแผ่นดินไหว เราก็เลยย้ายลูกมาอยู่ที่โอ๊คแลนด์ แล้วงานที่บริษัทเราก็ต้องดูแลต่างๆ นานา ก็เลยคิดว่าในส่วนแค่นี้มันก็มากพอแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ยังต้องบินไปบินมาบ้างค่ะ เพราะนี่ก็เพิ่งกลับมาเพราะลูกเพิ่งปิดเทอม แต่เราก็บอกลูกว่าไม่ต้องกลับมา แต่เดี๋ยวว่าจะชวนแม่ไปเยี่ยมลูกเอง”
“ส่วนข่าวกับคุณพายัพ จริงๆ แล้วกับเขาไม่ได้มีอะไร ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกัน แล้วก็เป็นข่าวที่เก่ามากแล้วนะคะ นอกจากความเคารพนับถือแล้วเราไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันเลย ซึ่งข่าวที่ว่าเขาตามราวีจนทำให้แอนต้องหอบลูกหนีเนี่ย จริงๆ แล้วโครงการที่จะส่งลูกเรียนต่อต่างประเทศก็เป็นอะไรที่อยู่ในใจอยู่แล้วนะคะ(หัวเราะ) แล้วลูกก็ไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว และก็ถึงวัยที่อายุสมควรที่จะไปเรียนต่างประเทศแล้ว เราก็ถามเขาว่าถ้าไปอยู่เลยจะได้ไหม นนนี่เขาก็บอกว่าได้ เขาโอเค ฉะนั้นถ้าโอเคก็ได้เลยไม่มีปัญหา”
“ก็อย่างที่เรียนว่ามันไม่มีเรื่องอะไร แล้วก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้อง ไม่มีอะไรที่เกี่ยวสัมพันธ์อะไร มีแต่ความเคารพนับถือ จริงๆ แล้วแอนเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนอยู่แล้วนะคะ ดังนั้นโดยธรรมชาติแอนก็จะไม่รู้สึกอะไรมาก เพราะแอนถือว่าความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ ตอนนี้ก็โสดสนิทเลยค่ะ”
“ส่วนข่าวที่ว่าน้องนนนี่ท้อง ขอถามกลับนักข่าวจริงๆ ว่าเชื่อกันเหรอคะ เพราะก็เห็นกันมาตั้งแต่เล็กนะ อันนี้มันเป็นเรื่องที่เราก็ไม่อยากจะมาพูดตรงนี้นะคะ เรามองว่ามันเป็นข่าวเก่าและมันเป็นข่าวที่ไม่จริง และถ้าเกิดว่าเรามานั่งขุดคุ้ยนั่งพูดเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ซากๆ แอนมองว่ามันไม่ใช่ประเด็นที่จะนำมาพูดกันตรงนี้ จริงๆ แล้วการนำเสนอบางทีก็นำเสนอในแง่ที่มันดีบ้างก็ได้ใช่มั้ยคะ(หัวเราะ)”
“สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญเลยก็คืออยากจะให้ลูกเรียนจบ(หัวเราะ) เพราะตอนนี้น้องนนนี่ก็เรียนอยู่ year 11 แล้วค่ะ(โชว์รูปให้ดู) ดูร็อคๆ ไหม(หัวเราะ) แอนอาจจะเลี้ยงลูกผิดหรือเปล่า(หัวเราะ) เขาก็ออกร็อคๆ นิดหน่อยค่ะ อาจจะด้วยภูมิประเทศ(หัวเราะ) แต่ถามว่ามีอะไรหนักใจไหม ก็คงเป็นไปตามวัยนะคะ เพราะว่าตอนเราเป็นวัยรุ่นเราก็เซี้ยวพอสมควร ดังนั้นเขาก็จะเป็นแนวแจ็คเก็ตหนังอะไรนิดนึง คงไม่มาใส่ลูกไม้แบบแม่อย่างนี้(หัวเราะ) ชีวิตใครก็ต้องเลือกวิธีการดำเนินชีวิต แต่ว่าให้อยู่ในกรอบหรือในแนวทางที่ไม่เกินเลย ไม่ก้าวร้าว ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีค่ะ”
“การดูแลน้องนนนี่ก็คงเป็นหน้าที่หลักโดยทั่วๆ ไป อย่างที่สองก็คุยกัน ตอนนี้ก็คือคุยกันผ่านทางเอ็มเอสเอ็น ก็จะได้พัฒนาเราด้วยจากที่เราโลว์เทค(หัวเราะ) ก็จะได้ดูไฮเทคด้วยนิดหน่อย ก็ติดต่อกันตลอดค่ะ แต่ไม่ทุกวัน เพราะเขาก็ไปนานแล้ว นนนี่ไปเรียนที่นิวซีแลนด์ตอนซัมเมอร์ก็ตั้งแต่ 3 ขวบแล้วค่ะ แต่ถ้าเรียนจริงๆ year 9-11 ก็ 3 ปีแล้ว แต่ปกติแอนก็ให้กลับมาเมืองไทยทุกปีอยู่แล้วนะคะ ปีละ 2 ครั้งด้วยซ้ำในปีแรกๆ แต่ไม่ได้กลับมารับงานอะไร เขากลับมาก็เฮฮากับเพื่อนที่โรงเรียนเก่าบ้าง”
“แอนไม่ค่อยหวงลูกนะ แต่เป็นห่วงมากกว่าเพราะว่าเดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป วิถีชีวิตมันก็เปลี่ยนไป เด็กเราก็เลี้ยงให้เป็นตัวของตัวเอง ก็ต้องยอมรับสภาพความเป็นไปตรงนี้ค่ะ(หัวเราะ) เขาก็มีมาคุยให้ฟังเรื่องหนุ่มๆ บ้าง มาบอกว่ามีหนุ่มเกาหลีมาจีบเขา แอนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเราเป็นแม่ก็ต้องทำตัวเป็นทั้งแม่ด้วย เป็นทั้งเพื่อนด้วย แต่ก็สอนเขาด้วย แต่เขาเรียนโรงเรียนหญิงล้วน และเป็นโรงเรียนอันดับ 3 ของประเทศ เป็นโรงเรียนรัฐบาล ดังนั้นเรื่องของการเรียนเขาก็จะมีเช็คชื่อว่าต้องเข้าเรียนกี่ชั่วโมงๆ มันก็ไม่หมูนะคะ(หัวเราะ) ที่นิวซีแลนด์เป็นอะไรที่อนุรักษ์นิยมมาก สะพายแบรนด์เนมไปนี่เขาเชิดใส่เลยนะ เขาแอนตี้มาก นนนี่บอกแม่ปล่อยหนูไปอยู่ป่าอยู่เขาเหรอเนี่ย(หัวเราะ) เขาเป็นประเทศเน้นกิจกรรม”
“กับคุณพ่อเขาก็คงมีเยี่ยมกันทางเฟสบุ๊คมั้งคะ(หัวเราะ) อันนี้ต่างคนต่างอยู่ก็เลยไม่ได้ใกล้ชิดในส่วนตรงนี้เท่าไหร่ค่ะ ก็ไม่สามารถบอกได้ แต่ที่เขาแต่งงานใหม่ไปก็ไม่ได้คุยกันเลยค่ะ ไม่ได้ติดต่อค่ะ”
เผยเป้าหมายหลักตอนนี้คือทำธุรกิจขยายกิจการไปเรื่อยๆ และยังคงไม่มีงานในวงการตอนนี้ เพราะไม่มีผู้ใหญ่ค่ายไหนติดต่อมา แต่ถ้ามีโอกาสและเวลาเหมาะสมก็ยินดี
“ถ้าถามว่ากลับมาคราวนี้ตั้งเป้ายังไงบ้าง ก็คือสิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจที่จะเปิดสาขาที่เซ็นทรัลเวิลด์ มันก็ใจกลางเมืองนะคะ เราเลยอยากจัดงานแล้วก็แนะนำพรีเซ็นเตอร์ด้วย สำหรับงานในวงการก็ถ้ามีโอกาสที่ดี มีจังหวะที่ดีและมันสามารถที่จะควบคู่กันไปได้กับการที่เราทำธุรกิจก็โอเคค่ะ ไม่มีปัญหา แต่ก็ยังไม่มีใครทาบทามมาค่ะ”
“งานพิธีกรตอนนี้ก็คงยังค่ะ คงขอเดินหน้าตรงนี้ก่อน อยากทำให้ดีๆ เพราะว่าปีนี้ทั้งปีเราก็มีโครงการที่จะเปิดสาขาอีกหลายสาขานะคะ แต่จริงๆ วงการบันเทิงเรารักกันน่ะก็คงทิ้งกันไม่ลงหรอก ยังมีโอกาสค่ะ ตามความเหมาะสม จริงๆ งานพิธีกรก็มีติดต่อมาบ้าง แต่ส่วนมากจะเป็นงานอีเว้นท์ซะเยอะ แต่ก็อยากจะทำตรงนี้ให้ดี เราก็อยากจะทำตรงนี้ให้มันชัดเจนด้วยค่ะ”
“งานในวงการบันเทิงก็ยังไม่ถือว่าทิ้งนะคะ แอนแค่บอกว่าอยากจะหยุดพักสักระยะนึงสำหรับวงการบันเทิง เพราะเราจะได้มีเวลาทำอะไรส่วนตัวของเราด้วย ก็คงเบรกไปเรื่อยๆ(หัวเราะ) แต่ถามว่าคิดถึงไหม ก็คิดถึงทุกคนนะคะ แต่เส้นทางชีวิตต่างคนก็ต่างเลือกนะคะว่าเราถนัดอย่างไหน แล้วเราอยากจะดำเนินต่อไปเป็นอย่างไร เราก็ต้องกำหนดวิถีชีวิตของตัวเอง”
ที่มา: manager.co.th