เอกชนร่วมหนุนรัฐ เพิ่มบทลงโทษคนซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ปรับ 1,000 บาท หรือลงโทษทำงานบริการสังคม
นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมรับฟังความคิดเห็นการยกร่างปรับปรุงแก้ไขพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ และพ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า ร่วมกับภาคเอกชน 100 ราย ว่า ที่ประชุมมีความเห็นพ้องให้เพิ่มบทลงโทษในการแก้ไขร่างกฎหมาย โดยเอาผิดกับผู้ซื้อหรือผู้ครอบครองสินค้าเครื่องหมายการค้าหรือละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ให้มีความผิดปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทำงานบริการสังคมเพื่อสาธารณประโยชน์
สำหรับผู้เช่าพื้นที่ ผู้จำหน่าย และผู้นำเข้า หากกระทำผิดปลอมเครื่องหมายการค้าหรือบริการ มีความผิดจำคุก 2-4 ปี หรือปรับ 2-4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเป็นความผิดลอกเลียนเครื่องหมายการค้าหรือบริการ จำคุก 6 เดือนถึง 2 ปี หรือปรับ 5 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ค้าละเมิดลิขสิทธิ์ มีความผิดจำคุก 3 เดือนถึง 2 ปี หรือปรับ 5 หมื่นบาทถึง 4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อลงกรณ์ พลบุตร
ทั้งนี้ ผู้ให้เช่าพื้นที่ มีฐานะเป็นนิติบุคคล จะมีโทษแค่ปรับ ซึ่งกำลังพิจารณาว่าจะเป็นเท่าไหร่ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกฎหมายของกรมทรัพย์สินทางปัญญาไปปรับปรุงถ้อยคำในกฎหมายภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนเสนอให้คณะกรรมการกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์พิจารณา หลังจากนั้นจะเสนอต่อนาง พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ และนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ ก่อนส่งเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรต่อไป คาดว่ากฎหมายปรับปรุงใหม่ จะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2553 หากไม่มีปัญหาทางการเมือง
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ในที่ประชุมได้ถกเถียงคำนิยาม “ผู้ซื้อ ผู้ครอบครอง หรือเจตนา” ว่ามีขอบเขตขนาดไหน ซึ่งมีการยกตัวอย่างประเทศมาเลเซีย ที่ระบุว่าผู้ครอบครองสินค้าละเมิดเกิน 3 ชิ้น ถือว่ามีความผิด โดยบางส่วนเห็นด้วยที่จะให้ใช้รูปแบบเดียวกับมาเลเซีย
พร้อมกันนี้ ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ จะมีการเปิดรับฟังความคิดการยกร่างกฎหมาย 2 ฉบับในประเด็นองค์กรจัดเก็บ ที่ภาคเอกชนขนาดใหญ่ไม่ต้องการให้มีองค์กรจัดเก็บกลาง แต่ให้บังคับใช้โดยกฎกระทรวงแทน ขณะที่เจ้าของลิขสิทธิ์ทั่วไปต้องการให้มีองค์กรกลางที่มีตัวแทนจากทุกค่ายและกระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่ออกใบอนุญาตและกำหนดหลักเกณฑ์ ซึ่งมีการถกเถียงกันอย่างรุนแรงในการเข้าหารือกับนายอลงกรณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ที่มา: posttoday.com
