ณัฐวัชร์ วรนพกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอชทีซี (ไทยแลนด์) กับเหล่าพริตตี้
เอชทีซี เผยแผนลุยศึกหนักตลาดสมาร์ทโฟนช่วงกลางปี เตรียมขนทัพสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเข้าทำตลาดรวม 7 รุ่นภายในไตรมาส 2 หวังปูพรมทุกช่วงราคามัดใจผู้บริโภคจากงบการทำตลาดกว่า 30 ล้านบาท มั่นใจสิ้นปีได้ส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟน 20%
นายณัฐวัชร์ วรนพกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอชทีซี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนปัจจุบันจะไม่ได้แข่งขันภายในระบบปฏิบัติการเดียวกัน แต่เป็นการชิงพื้นที่ตลาดของระบบปฏิบัติการที่เคยเป็นผู้นำตลาด ซึ่งยังมีพื้นที่การเติบโตในตลาดสมาร์ทโฟนอีกเป็นจำนวนมาก
"เป็นครั้งแรกที่เอชทีซี เปิดตัวผลิตภัณฑ์พร้อมกันถึง 7 รุ่น เพื่อวางจำหน่ายภายในไตรมาส 2 นี้ โดยตั้งเป้าว่าจนถึงปลายปีนี้จะมีส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟน 20% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 10% เนื่องจากเอชทีซีเป็นแบรนด์เดียวในตลาดที่ทำสมาร์ทโฟนทั้งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และวินโดวส์โฟน 7"
โดยบริษัทวิจัยอย่างไอดีซี (IDC) คาดการณ์ว่าจำนวนสมาร์ทโฟนที่จำหน่ายในประเทศไทยปี 2011 ว่าจะมีจำนวนราว 3 ล้านเครื่อง หรือเติบโตจากปีที่ผ่านมา 20% ขณะที่บริษัทวิจัย คานาลิส (Canalys) คาดว่าจะสูงถึง 3.5 ล้านเครื่องจากปัจจัยที่แต่ละแบรนด์เริ่มเข้ามาทำตลาดสมาร์ทโฟนอย่างเต็มตัว
ทั้ง 7 รุ่นที่เอชทีซีจะขนมาทำตลาดในช่วงไตรมาส 2 ประกอบไปด้วยสมาร์ทโฟน 6 รุ่น ได้แก่ Incridible S ที่ประเดิมวางจำหน่ายไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Desire S, Wildfire S, Chacha, Salsa และ Sensation ส่วนแท็บเล็ตในชื่อรุ่น Flyer ที่คาดว่าจะเป็นรุ่นเดียวที่เข้ามาจำหน่ายในปีนี้ เครื่องทั้งหมดนี้จะมีราคาขายตั้งแต่ 8,000 บาท ไปจนถึง 20,000 บาท เพื่อให้ครอบคลุมทุกตลาด โดยเอชทีซีมีงบทำการตลาดกว่า 30 ล้านบาท
"ภายใน 7 รุ่นจะมี 3 รุ่นที่รองรับการใช้งาน 3G บนคลื่นความถี่ 850 MHz ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของเอชทีซีที่นำเข้ามาจำหน่าย เพื่อให้สามารถเข้าไปร่วมมือกับโอเปอเรเตอร์ทั้ง 2 รายที่รองรับในคลื่นดังกล่าว"
ตัวเครื่องที่ถูกจับตามองมากที่สุดในตลาดสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ขณะนี้คือ Sensation ที่ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนดูอัลคอร์รุ่นแรกจากเอชทีซี มีกำหนดวางจำหน่ายในแถบประเทศยุโรปในช่วงปลายเดือนมิถุนายนและคาดว่าจะวางจำหน่ายในประเทศไทยในช่วงเดียวกัน
"ที่ผ่านมาเราขยายตลาดผ่านความร่วมมือกับดิสทริบิวเตอร์รายใหม่ ทำให้เกิดช่องทางจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น มีการวางงบประมาณไว้ 15 ล้านบาทสำหรับปรับหน้าร้านให้กลายเป็น เอชทีซี คอนเซ็ปต์สโตร์ ซึ่งมีการออกแบบให้เป็นมาตรฐานเดียวกับทั่วโลกรวมถึงพยายามลงทุนในเรื่องของนำเครื่องจริงเข้าไปให้ทดลองใช้มากขึ้น"
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเปิดบริการมาร์เก็ตเพลสสำหรับนักพัฒนาชาวไทย ให้กับเครื่องเอชทีซีที่อยู่ในเมืองไทย ซึ่งยังอยู่ระหว่างการจัดหาระบบเก็บเงินว่าจะผ่านทางบัตรเครดิตหรือระบบบิลลิ่งร่วมกับทางโอเปอเรเตอร์
Company Related Links :
HTC
ที่มา: manager.co.th