“เคน” โล่งใจ ตำรวจจับคนร้ายที่เขียนจดหมายมาขู่ฆ่า พร้อมรีดเงิน 1 แสนบาทได้แล้ว เผย เจอแบบนี้ทำให้เป็นห่วงลูกชายทั้งสองคนมาก บอก ตอนนี้ได้ติดกล้องวงจรปิดรอบบ้านเพิ่มเป็น 8 ตัว เพื่อความสบายใจ ยัน ไม่คิดเอาเรื่องคนร้าย ปล่อยให้กฎหมายจัดการเอง
หลังจากเมื่อกลางเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา เกิดเหตุอกสั่นขวัญแขวนกับครอบครัวของพระเอก “เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์” กรณีมีคนร้ายเขียนจดหมายขู่ฆ่า “น้องคุน” ลูกชายคนโต รวมถึงคนในครอบครัว พร้อมเรียกเงิน 1 แสนบาท จนตกเป็นข่าวใหญ่ไปแล้วนั้น ล่าสุดถึงแม้ตำรวจจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แล้ว แต่หนุ่มเคนในฐานะหัวหน้าครอบครัวก็ยังไม่วางใจซะทีเดียว ตอนนี้เจ้าตัวก็เลยจัดการซื้อกล้องวงจรปิดมาติดเพิ่มอีก 4 ตัว จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 4 ตัว กะวางกับดักโจรให้รอบบ้านเลยทีเดียว
“เรื่องคดีผมอาจเข้าไปขอบคุณทางกองปราบอีกทีหนึ่ง น่าจะภายในอาทิตย์นี้ จริงๆ วันที่ทางตำรวจจับตัวคนร้ายได้พอดีผมอยู่ต่างประเทศ ก็ได้แค่ฟังข่าว ส่วนในเรื่องคดีผมไม่ได้ตามขนาดนั้น แค่รู้ว่ามีคนเขียนจดหมายมาหาเราจุดประสงค์ไม่ดี เราก็เอาเรื่องไปแจ้งความ ซึ่งก็ไม่คิดว่าทางตำรวจจะสามารถหาตัวคนร้ายมาได้ ในช่วงแรกๆ ตอนนั้นรู้สึกตกใจมากกว่า เพราะเราไม่รู้ว่าเขียนเล่นเขียนจริงหรือคนที่เขาเขียนเขาต้องการอะไร เราก็เลยแจ้งความ พอสักพักเราก็ถือว่าเราทำใจให้สบายดีกว่า อย่าไปเครียด เราไม่ได้ห่วงตัวเองเท่าไหร่ แต่ห่วงลูกเพราะลูกจะอยู่ที่บ้าน อย่างถ้าวันไหนผมออกมาทำงาน ที่บ้านก็จะมีแต่ผู้หญิงอยู่ ไม่มีผู้ชายเราจะห่วงตรงนั้นมากกว่า”
“ถ้าคนรู้จักบ้านเรามันอันตรายมากกว่า คือนับตั้งแต่วันที่เขาเขียนจดหมายมาขู่ เราก็ลืมไปแล้วด้วย เราก็ไม่ได้ติดต่อเขากลับไป แต่ไปแจ้งความเลยตำรวจก็จัดการเอง ส่วนเรื่องการดูแลลูกๆ ก็คือที่บ้านเราจะมีกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว ส่วนหนึ่งพอวันที่เกิดเรื่องเราก็เพิ่มกล้องอีก ปกติมี 4 ตัวในบ้าน แล้วก็เพิ่มอีก 4 ตัวบริเวณรอบๆ บ้านเพื่อความสบายใจของเรา ใครเดินผ่านบ้านเราก็ติดไว้ คือเรากังวลแค่วันแรกๆ วันหลังๆ ก็ทำใจให้สบาย”
“ถามว่าจะเอาเรื่องไหม คือผมก็ไม่รู้นะ ในทางกฎหมายจะเอายังไงเพราะว่าเขาแค่ข่มขู่ ผมก็คงไม่ทำอะไรหรอกแต่เห็นเขาก็ทำแบบนี้กับอีกหลายๆ คน บางคนก็เคยให้เงินไปแล้วด้วย มันเป็นสิ่งที่เขาไม่ควรจะทำกับใครก็ตามมันน่าจะเป็นบทเรียนสำหรับเขาอยู่แล้วด้วย เราก็ไม่อยากเอาเรื่องเอาราว แต่ที่ไปแจ้งความก็เพื่อความปลอดภัยสำหรับบ้าน เราปกป้องชีวิตทรัพย์สินของเรามากกว่า”
ที่มา: manager.co.th
