“ตุ๊ก ญาณี” เปิดใจเลิกกับสามี “แซม” มา 3 เดือนแล้ว หลังอยู่กินกันมา 20 ปี บอก สาเหตุหลักเป็นเรื่องของความห่าง จนชีวิตคู่ขาดความหวือหวา เผยแบบตรงไปตรงมาอดีตสามีเป็นฝ่ายขอเลิกก่อน รับ รู้สึกงง แต่จากกันด้วยดี พูดติดตลกไม่รู้ฝ่ายชายมีคนใหม่หรือเปล่า วานให้สืบ ถ้ารู้จะตามไปด่าให้เละ เจ้าตัวลั่นไม่ปิดกั้นตัวเอง แต่ไม่คิดแต่งงานใหม่
เตียงหักอีกคู่ สำหรับพิธีกรและนักแสดงชื่อดัง “ตุ๊ก ญาณี จงวิสุทธิ์” ที่ออกมายอมรับว่าได้เลิกรากับสามีหนุ่มชาวอิตาเลียน “แซม เซอร์จิโอ อาร์เมนิโอ” ปิดฉากชีวิตครอบครัว 20 ปี เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเจ้าตัวได้แถลงเปิดใจเมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา ที่ ร้านพิชซ่า พิชซ่า บาย ญาณี ทองหล่อ ซอย18 โดยเผยว่า สาเหตุหลักเป็นเพราะความห่างที่ต่างคนต่างทำงานจนทำให้ชีวิตคู่ขาดความหวือหวา อีกทั้งทัศนคติก็ต่างกัน อย่างไรก็ตามเจ้าตัวยืนยันว่า จากกันด้วยดี ยังทำธุรกิจร่วมกัน รวมถึงยังช่วยกันดูแล “แฟร้งกี้” ลูกชายคนเดียวอยู่เหมือนเดิม
"เราแยกทางกันแล้วจริงค่ะ แยกกันอยู่มา 3 เดือนแล้ว สาเหตุของการแยกทางถ้าให้พูดสวยๆ คือทัศนคติไม่ตรงกัน แต่อยู่กันมา 20 ปี แ_ ่งเพิ่งรู้ว่าทัศนคติไม่ตรงกัน(หัวเราะ) เอาเป็นว่ามันเกิดขึ้นด้วยเรื่องของความห่าง ความห่างมันทำให้คนเราต้องไกลกัน ตุ๊กว่าทุกคนย่อมต้องเคยมีแฟน มีผัว มีเมีย ครอบครัวของเราไม่เหมือนครอบครัวอื่นที่เย็นๆ กลับมาบ้านเจอกัน อย่างตุ๊กเองก็มีงานเยอะ ลูกก็เรียน ไหนจะมีกิจกรรมอีก คุณพ่อก็เดินทางบ่อยเดี๋ยววันนี้พัทยา พรุ่งนี้หัวหิน 3-4 วัน เหล่านี้มันทำให้เราเกิดความห่าง"
"อันนี้พูดจากใจจริงไม่มีสวยงามแล้วมันเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น จากการที่เราขาดความหวือหวาในชีวิต อยู่ไปแล้วมันแห้งแล้งลงเรื่อยๆ ด้วยความที่เราไม่ได้ทะเลาะกัน ไม่โกรธไม่ได้มีปัญหากัน มันเลยเกิดความแห้งแล้งแล้วไหนจะความห่างอีก โดยปกติเราผัวเมียกินข้าวกันอาทิตย์ละครั้ง เดี๋ยวนี้ไม่มีเวลาไปกิน หรือแม้แต่เดือนละวันก็ยังไม่มีเลย มันเลยเกิดความห่างแล้วพอเริ่มห่างจากการที่เราเป็นคู่กันมันก็เลยกลายเป็นเพื่อนกัน เจอกันก็ตบไหล่ เฮ้ย!เดี๋ยวไปดูหนังกันข้างบน จะนอนแล้วนะ เออๆ ขอไปกินข้าวกับเพื่อนนะ มันกลายเป็นอย่างนี้เพราะด้วยความห่าง"
"ความรู้สึกกลายเป็นเพื่อนมากกว่าสามีภรรยาถูกใจนึงจริงๆ ก็ลังเล แต่ก็คิดว่าตอนนี้ลูกโตแล้ว ที่ไม่ได้ออกมาบอกใครเพราะลูกเราเองก็เรียนอยู่เมืองนอก อยากให้ลูกรู้จากปากเราเองมากกว่าไปรู้จากข่าว อยากให้ลูกรู้จากปากแม่เองมากกว่า พอคุยกันลูกก็เข้าใจ เขาโตแล้วเขารับได้ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร คุยกันเสร็จเขาก็เข้ามาตบบ่า คือเขาเข้าใจไง เขารู้ว่าพ่อแม่ไม่ได้ทะเลาะกัน ร้านพิซซ่าก็ยังทำด้วยกัน แต่เป็นด้วยความห่าง เอาง่ายๆ อยู่ด้วยกันเอากันบ้างไหม(หันไปถามนักข่าว)"
"3 เดือนคือที่เลิกกันจริงๆ ค่ะ แต่คิดว่ามันคงเป็นมานานแล้ว แต่เราไม่สังเกตตัวเอง นี่เป็นอุทาหรณ์นะคะ คุณผู้หญิงทั้งหลาย มันเหมือนเป็นเรื่องของการละเลยในการดูแลซึ่งกันและกัน แม้กระทั้งเพื่อนเรายังต้องโทร.หากันทุกวัน แต่นี่เรากลับละเลยเขาเพราะคิดว่าเขาอยู่ในมือเรา เขาเองก็คิดว่าเราอยู่ในมือเหมือนกัน พอเราละเลยกันไปนานๆ เข้าความห่างมันก็เลยเยอะ เขาถึงบอกว่ารักแท้แพ้ระยะทาง ความรู้สึกที่เกิดมันกลายเป็นเฉยๆ เนือยๆ”
“ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการทำเรื่องหย่าค่ะ ตอนนี้ต่างคนต่างอัปเปหิตัวเองไปอยู่คนละมุมแยกกันอยู่แล้ว แต่ร้านพิซซ่าเราก็ยังทำด้วยกันอยู่ ส่วนเรื่องลูก เราก็ไม่ได้กีดกันลูกสามารถอยู่กับพ่อก็ได้กับแม่ก็ได้เหมือนเดิมทุกอย่าง เพียงแต่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันเท่านั้นเอง"
เผยแบบตรงไปตรงมาว่าอดีตสามีเป็นฝ่ายบอกเลิกก่อน ยอมรับนาทีนั้นรู้สึกงงๆ
"ไปถามผู้ชายดีกว่าตุ๊กไม่รู้ เขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ด้วยความที่เขาเป็นฝรั่ง เข้าใจใช่ไหมว่าวัฒนธรรมเขากับเราต่างกัน อย่างของเราไปเยอะๆ กับใครก็ได้แล้วเทิดทูนคนนั้นไว้ แต่เพื่อนตุ๊กเขาบอกว่าเมียหลวงไม่ใช่หิ้งพระนะ แต่เมียหลวงเป็นวอลเปเปอร์ติดตามไปตลอดแต่ไม่ได้ทำอะไร แต่วัฒนธรรมฝรั่งเขาเป็นอะไรที่ต้องจริงใจว่าวันนี้ฉันยุ่งนะอะไรนะ แต่ความผูกพันเรา 2 คนก็ยังมีอยู่ แต่ความหวือหวาจับมือกันแล้วสปาร์คมีความสุขเขาอาจจะไม่มีอันนี้แล้ว เขาก็เลยตัดสินใจพูดออกมา"
"ความรู้สึกมันก็มีงงๆ แต่ไม่มีน้ำตาไหลอะไร ไม่เฮิร์ตแค่ตกใจเฉยๆ ความรู้สึกเหมือนเพื่อนรักมาบอกว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอกแล้วนะ ไม่รู้สึกเฮิร์ตเพราะในที่สุดแล้วเรายังเป็นเพื่อนกัน เข้าใจไหมว่าทำไมคนบางคนเราอยากจับมือด้วย จับมือแล้วมันมีอารมณ์ที่หวือหวา ฮือฮา แต่กับบางคนแค่นั่งอิงๆ แล้วมีความสุข”
ผู้สื่อข่าวแย็บถามว่าทางฝ่ายอดีตสามีมีคนอื่นหรือเปล่า? เจ้าตัวก็ตอบทันควันว่า…
"เรื่องนี้พี่ก็อยากรู้นะ ไปสืบมาหน่อยได้ไหมเดี๋ยวพี่เอารูปผัวพี่ให้(หัวเราะ) ฝากสืบหน่อยแล้วมาบอกพี่ด้วยว่าเขามีรึยัง ที่ผ่านมาไม่เคยสงสัยอะไรเลย ตุ๊กเป็นผู้หญิงที่ผู้ชายทุกคนต้องอยากได้เป็นเมีย เพราะตุ๊กไม่เคยตาม ไม่เคยสืบ ไม่เคยสังเกตระแวดระวัง เพราะด้วยความเชื่อใจ พอโดนคำถามนี้เอาจริงๆ แต่ถ้าใครรู้....ขอรูปหน่อย(หัวเราะเสียงดัง) กูจะไปด่าซะให้หนำ ไม่รู้จริงๆ ค่ะ”
ส่วนโอกาสกลับมารีเทิร์นนั้น ตุ๊ก ญาณี บอกชัดเจนว่าคงยาก…"มันคงยากค่ะ คิดว่าคงไม่เพราะพอเราถอยออกมา 3 เดือน เราได้ลองอยู่คนเดียวเราก็คิดว่ามันจริงอย่างที่เขาพูด ใจเราก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เมื่อเราได้สำรวจตัวเองแล้ว ด้วยความที่เราอยากเอาชนะ ใครพูดยังไงกูก็คิดว่ากูดี แต่พอเราได้ถอยออกมา เราก็เข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เขาพูดถูกต้อง วันนั้นเราพูด เราทำไม่ดีกับเขาจริงๆ”
“ณ วันนี้ผ่านมา 3 เดือนตุ๊กรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขดีแล้ว ไม่ได้รู้สึกขาดอะไร มีปัญหาเรื่องงานเราก็ยังคุยกันได้ เพราะมันไม่ได้ร้าว แต่มันดันเปลี่ยนสถานภาพ ถ้าเราทะเลาะกันสามีไปมีเมียน้อย ด่ากันเขวี้ยงของใส่กันนั่นคือรอยร้าว ซึ่งแบบนั้นมันมีโอกาสกลับมาได้ แต่นี่เราไม่ได้ทะเลาะกัน แต่มันกลายเป็นจากสามีภรรยาเปลี่ยนสถานภาพมาเป็นเพื่อนสนิท”
“เราก็ไม่รู้จะโกรธอะไร ไม่โกรธค่ะ เราไม่มีปัญหาเรื่องเงินเรื่องทองกัน แต่ถ้าต่อไปเขามาบอกว่าอยากจะไปทำร้านอื่นก็เป็นเรื่องของเขา ตุ๊กเองก็ทำร้านนี้เองได้ หรือถ้าเขาอยากเอาสาขาไหนไปทำเองเราก็ต้องมาคุยกัน เราไม่มีเรื่องเงินเรื่องทองเรามีแค่เรื่องของใจที่มันเปลี่ยนสถานภาพไปก็เท่านั้นเอง คนบางคนจากเพื่อนยังกลายเป็นผัว วันนี้คนนึงคนที่เคยจับมือกันก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทก็แค่นั้นเอง"
ไม่ปิดกั้นหากจะมีคนเข้ามาจีบ แต่คงไม่แต่งงานใหม่แล้ว
"ต่อไปไม่รู้ แต่ถามว่าตอนนี้มีความสุขไหม มีความสุขมาก เพราะมีเพื่อนที่รักเยอะแยะมาก ถามว่าปิดกั้นตัวเองไหมถ้าใครจะเดินเข้ามา ก็ไม่ปิดกั้น แต่คิดว่าคงจะไม่แต่งงานใหม่แล้ว"
ตุ๊ก ญาณี กับ แซม อดีตสามี
ที่มา: manager.co.th
