เอเซอร์ แตกไลน์พีซีสู่ "สมาร์ทโฟน" เปิดตัวรุกไทยอย่างเป็นทางการ นำร่อง 5 รุ่นรวดจับตลาดล่าง-บน ก่อนส่งเพิ่มอีก 5 รุ่นภายในปีนี้
นายเอมาร์ เด ลางเกอแซล รองประธานอาวุโส และประธานกลุ่มธุรกิจสมาร์ท แฮนด์เฮลด์ เอเซอร์ อิงค์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าติดอันดับผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุด 1 ใน 5 ของโลกภายใน 3-5 ปี เพื่อสานวิสัยทัศน์การปรับบทบาทแบรนด์เอเซอร์เป็นผู้ให้บริการ "โมบาย ดาต้า ดีไวส์" ครบวงจร
ล่าสุด ได้เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการต่อจากสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และฮ่องกง โดยเริ่มวางจำหน่ายด้วยแพลตฟอร์มวินโดว์ทั้งหมด 5 รุ่น ราคาเริ่มต้น 14,900 บาท ก่อนจะวางตลาดเพิ่มอีก 5 รุ่นภายในเดือนมิ.ย.นี้ ครอบคลุมการใช้งานตั้งแต่ระดับแมสถึงไฮเอนด์
เขาระบุว่า บริษัทตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจสมาร์ทโฟน เนื่องจากมีความพร้อมที่จะเป็นผู้ให้บริการหลังจากประสบความสำเร็จในกลุ่มสินค้าโน้ตบุ๊ต และเน็ตบุ๊คในตลาดโลก ทั้งบริษัทยังมีเป้าหมายทำตลาดสมาร์ทโฟนอย่างจริงจัง
"เราไม่ได้ทำตลาดตามกระแส แต่เป็นเพราะเรามีความพร้อม และประสบความสำเร็จในตลาดพีซีแล้ว โดยโน้ตบุ๊คเราเป็นอันดับ 2 ของโลก ขณะที่เน็ตบุ๊คเราเป็นอันดับ 1 ทำให้ต้องมองก้าวต่อไปเลยต่อยอดมาที่ตลาดสมาร์ทโฟน ซึ่งช่วงแรกจะเริ่มจากวินโดว์ส แต่ก็กำลังพิจารณาจะขยายไปแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วย" นายลางเกอแซลกล่าว
นอกจากนี้ เขาเชื่อว่า สมาร์ทโฟนยังเป็นตลาดที่มีโอกาสขยายตัวได้อีกมากอัตราเติบโต 15% ต่อปี ขณะที่ อุตสาหกรรมมือถือโดยรวมหดตัวลง โดยผลสำรวจล่าสุดพบว่า จำนวนผู้ใช้มือถือทั่วโลกกว่า 4,000 ล้านรายมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนเพียง 300 ล้านเครื่อง
ด้านนายโรเจอร์ หยวน รองประธานกรรมการ ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก กลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ท แฮนด์ เฮลด์ เอเซอร์ อิงค์ กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญกับธุรกิจใหม่อย่างจริงจัง โดยลงทุนซื้อกิจการบริษัท "อีเท็น" ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาสมาร์ทโฟนรายใหญ่ มูลค่า 300 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่ผ่านมา
ล่าสุด เอเซอร์ ยังจัดตั้งหน่วยงานสมาร์ท แฮนด์เฮลด์ เพื่อดูแลธุรกิจนี้โดยเฉพาะ ซึ่งสำหรับไทยจะมีพันธมิตรคือ บมจ.ไอที ซิตี้ เป็นไดเร็ค รีเทล และบริษัท คิวดิสท์ ในเครือของเอสไอเอสเป็นดิสทริวเบอร์หลัก โดยดีลตรงกับหน่วยงานสมาร์ท แฮนด์เฮลด์ สำนักงานใหญ่ของภูมิภาคที่สิงคโปร์
ส่วนการดูแลหลังการขายจะใช้ทรัพยากรทั้งหมดของเอเซอร์ คอมพิวเตอร์ โดยจะให้การอบรม และเทรนนิ่งด้านงานบริการลูกค้ากลุ่มสมาร์ทโฟนเพิ่ม
ทั้งนี้ บริษัทยังไม่มีการตั้งทีมงานไทยเพื่อดูแลธุรกิจใหม่นี้โดยเฉพาะ โดยจะประเมินจากความต้องการตลาดในอนาคตต่อไป
ที่มา: bangkokbiznews.com
