Author Topic: ทัชโฟนมาแรง คนอินเทรนด์ห้ามพลาด  (Read 1306 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline IT

  • Moderator
  • Gold Member
  • *
  • Posts: 1175
  • Karma: +6/-0
  • Gender: Male
  • Assist. I.T. Manager
    • mv

*ถึงเวลาตรวจเทรนด์โทรศัพท์มือถือในไทยก่อนตกยุคโซเชียลเน็ตเวิร์กกิ้ง
       
       * ค่ายผู้ผลิตมือถือโลกจุดกระแส 'ทัชโฟน' อีกระลอก หลังระลอกแรกแรงเกินคาด
       
       * ซัมซุง ชิงความเป็นผู้นำ ประเดิมทัชโฟนเจาะตลาดพรีเมียมแมสก่อนใคร
       
       * แฟนพันธุ์แท้โนเกียรอก่อน อีกไม่นานมีหมัดเด็ดโต้ตอบ
       
       เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทวิจัยตลาดชื่อดัง 'การ์ทเนอร์' ได้เปิดเผยยอดเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์มือถือทั่วโลกประจำไตรมาสแรกของปีนี้ว่า มียอดขายอยู่ที่ 269.1 ล้านเครื่องทั่วโลก ลดลง 8.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว แต่ทว่าในกลุ่มมือถือที่เป็นสมาร์ทโฟนกลับขายได้ 36.4 ล้านเครื่อง เติบโต 12.7% จากไตรมาสแรกของปี 2008 โดยที่ 'โนเกีย' ยังคงเป็นแชมป์ด้วยส่วนแบ่งตลาด 36.2% ลดจากจากเดิม 39.1% ในไตรมาสแรกของปี 2551 ขณะที่ 'ซัมซุง' มีส่วนแบ่งตลาดตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 19.1% อันดับ 3 เป็นของแอลจี อันดับ 4 โมโตโรล่า และอันดับ 5 โซนี่ อีริคสัน
       
       ถึงแม้จะไม่มีตัวเลขยอดขายของโทรศัพท์มือถือที่ใช้เทคโนโลยีทัชสกรีนที่ชัดเจน แต่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้โทรศัพท์มือถือที่เป็นสมาร์ทโฟนมียอดขายเติบโตขึ้น เฉพาะมือถือ ไอ-โฟน 3จี ไตรมาสแรกของปีนี้มียอดขายทั่วโลก 3.79 ล้านเครื่องเข้าไปแล้ว ขณะที่ตัวเลขยอดจัดจำหน่ายของโนเกีย 5800 XpressMusic ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีทัชสกรีน ในไตรมาสแรกมีถึง 2.7 ล้านเครื่อง สะท้อนให้เห็นถึงกระแสตอบรับมือถือที่เรียกว่า 'ทัชโฟน' เป็นอย่างดี
       
       สำหรับทิศทางการตอบรับกระแสมือถือ 'ทัชโฟน' ในประเทศไทยนั้น เหนือความคาดหมายของนักการตลาดเป็นอย่างมาก
       
       'ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา เฉพาะมือถือทัชโฟนของซัมซุงเองมีอัตราเติบโตที่สูงขึ้นถึง 730% หรือประมาณ 130,000 เครื่อง ซึ่งเติบโตกว่าที่คาดไว้มาก เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซัมซุงประเมินขนาดตลาดทัชโฟนทั้งปีไว้ที่ 100,000 กว่าเครื่องเท่านั้น แต่นี่เฉพาะยอดขายทัชโฟนของซัมซุงเท่ากับตัวเลขทั้งปีแล้ว' มนาเทศ อันนวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท ไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวถึงกระแสตอบรับทัชโฟนของตลาดเมืองไทยให้ฟัง
       
       ขณะที่ภาพรวมตลาดมือถือในไตรมาสแรกปีนี้นั้น ในเชิงปริมาณมีอัตราการเติบโต 20% แต่การเติบโตในเชิงมูลค่ากลับลดลงเล็กน้อย หากเทียบกับปีที่ผ่านมา
       
       มนาเทศ กล่าวถึงยอดขายมือถือโดยรวมในไตรมาสแรกของปีนี้ว่า ไตรมาสแรกปี 2552 ยอดขายมือถือมีอัตราการเติบโตทั้งมูลค่าและปริมาณอยู่ที่ 120% จากสิ้นปี 2551 ที่มีการเติบโตอยู่ที่ 60% โดยมีมือถือระบบสัมผัสประมาณ 2-3 หมื่นเครื่องของตลาดรวมทัชโฟนปี 2551
       
       ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดมือถือทัชโฟนในประเทศไทยเติบโตอย่างมากนั้น มีสาเหตุด้วยกัน 2 ปัจจัย
       
       ปัจจัยแรก บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ๆ ต่างพากันพัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีทัชสกรีนเข้ามาสู่ตลาดมากขึ้น หลังจากที่ 'ไอ-โฟน' เจ้าแรกที่ปลุกกระแสทัชโฟนให้เกิดขึ้นในตลาด ตามมาด้วย 'ซัมซุง' ที่ทุ่มเทพัฒนาโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นใหม่ที่เป็นทัชสกรีนออกมาอย่างต่อเนื่อง เฉพาะในปีที่แล้ว ซัมซุงเปิดตัวทัชโฟนเข้าสู่ตลาดรวมทั้งสิ้น 4 รุ่น ไม่รวมถึงพีดีเอโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ 'วินโดวส์ โมบาย' หรือ 'แอนดรอยด์' ที่มีไม่ต่ำกว่า 3 รุ่นในตลาด แถมยังมี 'โนเกีย' ที่เคยสงวนท่าทีในการโดดเข้าร่วมเทรนด์ใหม่ของตลาดนี้ด้วย โนเกีย 5800 XpressMusic
       
       มนาเทศ กล่าวเสริมว่า ผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่มีการเปลี่ยนหน้าจอมือถือที่เป็นแป้นพิมพ์ ให้เป็นระบบสัมผัสมากขึ้น
       
       ปัจจัยที่ 2 เป็นผลจากที่ผู้บริโภคมองหาโทรศัพท์ที่เป็นทัชโฟนมาใช้เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของตนเองมากขึ้น
       
       ชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท ไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า การที่ซัมซุงประสบความสำเร็จในตลาดทัชโฟนนั้น เป็นผลมาจากการให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยี และดีไซน์ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเพื่อนำเสนอโทรศัพท์มือถือครบทุกระดับในแบบ Full Line up ให้สามารถตอบสนองความต้องการทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
       
       ในปีนี้ซัมซุงเตรียมสร้างปรากฏการณ์ 'แมสทีจ ทัชโฟน' ซึ่งเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่กับวงการทัชโฟนด้วยการนำเสนอโทรศัพท์มือถือหน้าจอสัมผัสที่มีฟังก์ชั่นครบ ตั้งแต่การใช้งานพื้นฐาน มัลติมีเดียและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต รวมทั้งลูกเล่น Online Widget รูปแบบใหม่ให้การใช้งานโทรศัพท์เป็นเรื่องสนุกมากขึ้นด้วยคุณภาพระดับพรีเมียมรับประกันคุณภาพ ด้วยศักดิ์ศรีผู้นำนวัตกรรมโทรศัพท์มือถือระดับโลก
       
       ล่าสุดได้จุดชนวนกระแสทัชโฟนในตลาดอีกครั้งด้วย 'ซัมซุง สตาร์' ซึ่งทางซัมซุงมั่นใจว่าเป็นทัชโฟนที่มีดีไซน์สวยบวกกับฟังก์ชั่นมัลติมีเดียสมบูรณ์แบบ ในราคาที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้เพียง 8,900 บาท
       
       มนาเทศ กล่าวว่า แต่เดิมทัชโฟนส่วนใหญ่ราคาอยู่ที่ 10,000 กว่าบาทขึ้นไป แต่ด้วยความได้เปรียบที่ทางซัมซุงเป็นบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์เอง เป็นบริษัทผู้ผลิตจอภาพเอง ทำให้ซัมซุงสามารถนำเสนอราคาทัชโฟนที่ต่ำกว่า 10,000 บาทได้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของตลาดที่ทางซัมซุงนำเสนอทัชโฟนเข้าสู่ตลาดพรีเมียมแมส
       
       ซัมซุง สตาร์ มาพร้อมตัวเครื่องดีไซน์สวยเด่นในระบบหน้าจอสัมผัสขนาดบางเพียง 11.9 มิลลิเมตร พร้อมหน้าจอกว้างขนาด 3 นิ้ว และเทคโนโลยีระบบสัมผัส TouchWiz 1.0 ที่ทำให้สั่งงานเมนูต่างๆ ง่ายด้วยปลายนิ้วสัมผัส ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ผ่านวิดเกตอย่างสะดวก รวดเร็ว ไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการออนไลน์ให้เข้าสู่เว็บบล็อกหรืออัปโหลดรูปภาพ พร้อมส่งให้เพื่อนได้ทันที บน MySpace หรือ Facebook แถมยังสามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่น วิดเกต เพิ่มเติมได้ตามความต้องการ อาทิ การตรวจเช็กสภาพอากาศ ค้นหาข้อมูลด้วยกูเกิล ข่าวกีฬา หรือดาวน์โหลดเกมใหม่ๆ
       
       นอกจากนี้ ซัมซุง สตาร์ ยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานมัลติมีเดียมาให้ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น กล้องดิจิตอลความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล พร้อมระบบจับภาพรอยยิ้ม 'Smile Shot' โปรแกรมบันทึกวิดีโอภาพเคลื่อนไหวความละเอียด QVGA เครื่องเล่นเอ็มพี3 และวิทยุเอฟเอ็มคุณภาพเสียงระดับสูงด้วยเทคโนโลยี DNSe สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 8 กิกะไบต์ แถมยังมี 'Gesture Lock' เทคโนโลยีที่ใช้เพียงปลายนิ้วเขียนจออักษรแสดงผล ก็สามารถปลดล็อกการใช้งานหน้าจอ หรือสั่งงานโทร.ออกได้ทันที
       
       'ในปี 2552 ตลาดรวมมือถือระบบสัมผัสคาดว่าจะมีประมาณ 5% หรือ 500,000 เครื่อง จากตลาดรวมโทรศัพท์มือถือที่คาดไว้ว่าจะมีประมาณ 9 ล้านเครื่อง เชื่อว่า ซัมซุง สตาร์รุ่นนี้ซึ่งถือเป็นแฟลกชิปในไตรมาส 2 นี้จะมียอดจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 150,000 เครื่อง ซึ่งถือว่าเป็นทัชโฟนที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดของซัมซุง ซึ่งจะทำให้ซัมซุงมีส่วนแบ่งตลาดทัชโฟนมากที่สุด'
       
       ปัจจุบัน ซัมซุงมีทัชโฟนวางจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 10 รุ่น โดยในปีนี้ทางซัมซุงมีแผนที่จะเปิดตัวทัชโฟนในเซกเมนต์ต่างๆ รวมทั้งสิ้น 15 รุ่น ซึ่งนั่นจะทำให้ซัมซุงมีทัชโฟนให้เลือกมากที่สุดในตลาด
       
       ส่วนความเคลื่อนไหว 'ทัชโฟน' ในส่วนของบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น ส่วนใหญ่มักจะมีทัชโฟนวางจำหน่าย 1-2 รุ่นในตลาดเท่านั้น เมื่อไม่กี่อาทิตย์มานี้ ทางแอลจีเพิ่งส่งทัชโฟนรุ่นใหม่ที่เรียกว่า 'ARENA'
       
       เจ้าตลาดอย่าง 'โนเกีย' ก็เตรียมที่จะเปิดตัว 'เอ็น97' มือถือที่ใช้เทคโนโลยีทัชสกรีนตัวที่ 2 ในตลาดกลางเดือนมิถุนายนนี้ จุดเด่นนอกเหนือจากเทคโนโลยีทัชสกรีนแล้ว เอ็น97 มาพร้อมกับคีย์บอร์ดเต็มรูปแบบซึ่งเป็นครั้งแรกที่โนเกียนำฟังก์ชั่นนี้มาใส่ในผลิตภัณฑ์รุ่นที่ทำตลาดกลุ่มคอนซูเมอร์ ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในรุ่นอีซี่ที่ออกแบบมาสำหรับนักธุรกิจ
       
       'กลุ่มเป้าหมายของโนเกีย เอ็น97 เป็นกลุ่มที่เรียกว่า เท็กซ์ยูสเซอร์ที่ต้องการเชื่อมต่อเข้าใช้งานกับโซเชียลเน็ตเวิร์กกิ้ง สิ่งที่ทำให้โนเกีย เอ็น97 ไม่เหมือนใครก็คือ การเข้าถึงวิดเจตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไฮ5 เฟซบุ๊ก Accuweather รอยเตอร์ อเมซอน หรือบริการ Ovi ต่างได้รับการออกแบบมาให้สอดคล้องกับโลกของผู้ใช้งานโดยเฉพาะ' ชูมิท คาพูร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
       
       นอกเหนือจากการทำตลาดทัชโฟนโดยบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือแล้ว ทางบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เองก็มีส่วนผลักดันตลาดทัชโฟนให้เติบโตมากยิ่งขึ้น ทางบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ได้ร่วมมือกับ เอชทีซี นำทัชโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยท์ เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้นอีกราย ส่วนโมเดลการทำตลาดนั้นยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นรูปแบบใด
       
       จากกิจกรรมในช่วง 7-8 เดือนที่ผ่านมา ในการผลักดันตลาดทัชโฟนในเมืองไทย ส่งผลให้เห็นชัดเจนว่า ตลาดตอบรับกับกระแสดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้เทรนด์การใช้โทรศัพท์มือถือตลาดบนในประเทศไทยก้าวสู่ยุคทัชโฟนอย่างเต็มตัวแล้ว

 
ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)