Author Topic: เปิดใจ "ต่าย สายธาร" : คนสวยกับศพ!  (Read 1598 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


แม้จะมีการรณรงค์ป้องกันออกมามากมาย ทว่าก็ยังมีผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลักหลายร้อยอยู่เช่นเดิมสำหรับช่วงเทศกาลวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา
       
          และหนึ่งในคนที่เข้าไปมีส่วนร่วมกับการทำงานตรงนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นบรรดาอาสาสมัครจากมูลนิธิต่างๆ ซึ่งวันนี้ Super บันเทิงจะพาไปคุยกับอดีตดาราสาวชื่อดังคนหนึ่งที่ได้พาตนเองเข้ามาทำงานที่ว่านี้มานานกว่า 10 ปีเข้าไปแล้ว
       
          เธอคนนี้มีชื่อ "ต่าย สายธาร นิยมการณ์"
       
          "ต่ายได้มาเป็นประชาสัมพันธ์ของทางมูลนิธิร่วมกตัญญูมา 10 กว่าปีแล้ว ซึ่งมันได้ช่วยเหลือสังคม พอเข้ามาเราก็รู้สึกว่าสังคมให้อะไรเราเยอะแล้ว เราก็อยากให้อะไรคืนกลับสังคมบ้าง ฉะนั้นการที่เป็นดาราด้วยหรือมาทำเป็นอาสากู้ภัยไปด้วย ความเป็นดารานักแสดงมันก็เป็นใบเบิกทางอย่างหนึ่ง เวลาคนเห็นเขาก็รู้สึกเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ หรือรู้สึกสบายใจที่เราจะเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ”
       
          “ตอนทำแรกๆ ก็กลัวเลือดนะ อย่างเคสแรกที่ไปเขาโดนรถชน กระดูกขาก็โผล่ออกมา เราเห็นเลือดก็จะเป็นลม เพราะมีทั้งกลิ่นคาวกลิ่นอะไร เราก็ถือทิชชู่มา ก็มานึกได้ว่ามียาหม่องน้ำเลยหยิบจากกระเป๋าเสื้อแล้วมาให้คนเจ็บดม เราก็ดึงสำลีออกมาปรากฎว่ายาหม่องน้ำไหลเข้าตาคนเจ็บ(หัวเราะ) จากที่เขาจะปวดขาก็บอกว่าผมแสบตาๆ ก็กลายเป็นเรื่องขำๆ มาคุยกัน"
       
          "จากนั้นเราก็จะอยู่ฝ่ายทิชชู่ตลอด เพราะรู้สึกว่าในเมื่อเราเห็นเลือดเรายังรู้สึกขนาดนี้ ถ้าคนอื่นเห็นจะเป็นยังไง เราก็จะเช็ดหมดเลยตรงไหนที่มีเลือดไม่อยากให้คนอื่นเห็น พอหลังจากได้ไปอบรมเบื้องต้นมาบ้างแล้วก็ด้วยประสบการณ์ 10 กว่าปีที่ทำมามันก็ช่วยเราได้เยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตอย่างมีสติ การแก้ปัญหาอย่างมีสติ การอยู่อย่างไม่ประมาทด้วย”
       
          ฟากหนึ่งได้ช่วยเหลือสังคม ทว่าฟากหนึ่งก็เป็นการฝึกฝนตนเอง
          “แต่ก่อนที่จะเข้าไปทำกับมูลนิธิต่ายเป็นคนที่อารมณ์ร้อนมาก ไฟที่ว่าร้อนสายธารร้อนกว่าจริงๆ (หัวเราะ) เป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้โมโห หงุดหงิดง่าย แล้วก็เป็นคนที่เอาแต่ใจ แต่สมัยก่อนยังไม่มีคำว่าเหวี่ยงนะคะ(หัวเราะ) แต่อาจจะมีเกเรบ้างตามประสาเด็กๆ ตื่นสายบ้าง ที่หนักสุดก็คงเป็นแบบน็อคไปทำงานไม่ไหว อาจจะเพราะไปเที่ยวไปปาร์ตี้มา ตอนนั้นก็ต้องยอมรับจริงๆ แล้วก็ต้องบอกกับน้องๆ ว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำตาม เพราะว่าถ้าการที่จะอยู่ในวงการเรื่องของการตรงต่อเวลาและการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญมาก”
       
          “เพราะเรารู้สึกว่าเมื่อก่อนก็มีใช้ชีวิตประมาท อย่างเรื่องการใช้จ่ายก็เป็นหนึ่งสาเหตุ และประมาทในเรื่องการใช้ชีวิต คือเลือดร้อน อารมณ์ร้อน ไม่ยอมใคร ใครขวางหูขวางตาไม่ได้ โมโหร้าย ขึ้นแล้วลงยากด้วย แต่ทุกอย่างที่เป็นนั้น ณ วันนี้เราแก้ไขได้ เพราะต่ายเชื่อว่าทุกคนมีปัญหาชีวิตกันหมด แต่ปัญหาก็เหมือนบททดสอบของปัญหา ถ้าเราเจอสถานการณ์ที่แย่ๆ ก็จะเป็นบททดสอบที่เราจะต้องคิดว่าจะผ่านไปได้ยังไง เราก็ต้องมองสองมุม เรียงลำดับของปัญหาว่าเราสมควรจะแก้อันไหนก่อน คือปัญหามีไว้ให้แก้อย่างมีสติค่ะ”
       
          ย้อนกลับไปในอดีตดาราสาวคนนี้ได้ฝากผลงานเอาไว้มากมายและเป็นนักแสดงรุ่นราวคราวเดียวกันกับดาราอย่าง "แอน ทองประสม", "นัท มีเรีย", "มอส ปฏิภาณ ปฐวีกานต์","สายฟ้า เศรษฐบุตร", "แจ๊บ เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล" ฯลฯ แต่แล้วจู่ๆ “ต่าย สายธาร” ก็ตัดสินใจละทิ้งวงการไปอย่างกะทันหัน ทั้งๆ ที่ถือว่าเจ้าตัวกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นเลยก็ว่าได้
       
          “ถ้าจะให้ย้อนกลับไปพูดถึงดาราในยุคเดียวกันก็จะเป็นกลุ่มนิวคิดไฟว์สตาร์ ก็จะเป็นคุณสายฟ้า เศรษฐบุตร คุณแอน ทองประสม คุณแคทรียา อิงลิช คุณแนน ปรางวลัย แล้วก็ยังมีอีกหลายท่านเหมือนกัน แต่จริงๆ ก็ไม่อยากใช้คำว่าออกจากวงการนะ เดี๋ยวเขาไม่จ้าง(หัวเราะ) ใช้คำว่าเฟสตัวเองดีกว่า ก็กลับไปอยู่ที่เชียงใหม่ค่ะ คือด้วยภาระหน้าที่ที่เราต้องรับผิดชอบ แต่ก็ไม่อยากเรียกว่าเป็นภาระด้วยการที่เราจะต้องดูแลคุณแม่ ซึ่งท่านก็ป่วย แล้วก็ลูกสาวที่โตขึ้น อายุเพิ่งเต็ม 15 ปีนี้เองค่ะ เป็นลูกสาวบุญธรรมนะคะ(หัวเราะ)”
       
          “เพราะคุณแม่ของน้องเขาเคยเลี้ยงต่ายตอนเด็กๆ ค่ะ แล้วไปทำอะไรในสิ่งที่มันไม่ค่อยถูก เราก็เลยขอไว้ว่าเดี๋ยวต่ายเลี้ยงเอง ก็มีเพื่อนๆ พี่ๆ มาช่วยกันเลี้ยง แล้วคุณแม่เขาไปบวช จนคุณแม่เขาเสียในชุดพราหมณ์ เราก็เลยให้สัจจะไว้ว่าเราจะเลี้ยงน้องต่อ ก็เลยกลายเป็นซิงเกิ้ลมัม(หัวเราะ) ก็เลี้ยงเองเลยค่ะ ฉะนั้นก็ต้องมีตัวแปลหรือว่าตัวหลักที่จะต้องคอยประสาน นั่นก็คือสิ่งที่เราจะต้องกลับไปรับผิดชอบ”
       
       ช่วงเวลาสมัยมีชื่อเสียงโด่งดังทำงานทุกวัน แต่ไม่รู้จักเก็บเงิน
          “ซึ่งถ้าย้อนกลับไปช่วงนั้นถามว่าฮอตไหม ก็ถ้าเกิดอาทิตย์นึงมี 8 วันก็คงทำงานเต็มทั้ง 8 วัน(หัวเราะ) ตอนนั้นงานเข้ามาเยอะมาก 7 วันก็คือ 7 วันจริงๆ แต่ถามว่ามีเงินเก็บพอไปเลี้ยงครอบครัวไหม มันก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะว่าตัวต่ายเองไม่ได้เป็นคนที่เก็บเงิน เพราะเราต้องดูแลแม่กับลูก แต่ตอนที่ทำงานก็ต้องยอมรับว่าเราเข้ามาในวงการ เงินได้มาง่ายแล้วก็ใช้ง่าย"
       
          "อันนี้เป็นเรื่องจริงที่ไม่ควรทำตาม อาจจะมีใช้กับเพื่อนเฮฮาปาร์ตี้ด้วย ก็เลยไม่มีเงินเก็บเลยของตัวเองน่ะไม่มี แต่เราก็ยังสามารถส่งให้แม่กับลูกได้นะ แต่ในขณะเดียวกันเราก็มีอสังหาริมทรัพย์เป็นบ้านให้แม่ได้ รถของตัวเองก็ไม่มีขับเพราะไม่มีเงินเก็บ และเราป่วยด้วยเวลาไปทำงานก็จะใช้แท็กซี่ ต่ายจะมีแท็กซี่ส่วนตัว ตุ๊กๆ ส่วนตัว(หัวเราะ)”
       
          “ดังแล้วเหลิงไหม ตัวต่ายเองไม่ค่อยเหลิงนะแต่จะติดเพื่อนมากกว่าสนุกสนานเฮฮากันไป แล้วก็ใช้เงินซื้อคอนโดฯ อะไรไว้บ้าง แต่พอผ่อนคอนโดฯ อยู่แล้วเพื่อนจะไม่อยู่ด้วยก็เลยไม่ผ่อนต่อแล้วให้เขายึดไปเลย อย่างมีรถขับแล้วมันต้องซ่อมบ่อยๆ ก็คิดว่าไม่ขับมันละ (หัวเราะ) คือเป็นคนไม่เอาอะไรเลย หรือบางทีนั่งขับรถอยู่เพื่อนคนนึงบอกซ้าย คนนึงบอกขวา เราก็ขับชนมันซะเลย”
       
          “แต่กับทีมงานหรือกับนักแสดงด้วยกันต่ายไม่เคยมีปัญหานะคะ ไปถามได้เลย ปัญหาที่มีส่วนใหญ่ก็จะตื่นสาย เพราะมีช่วงนึงที่ออกอัลบั้มด้วย ถ่ายละครด้วย แถมไปเรียนด้วยตอนเที่ยงถึงห้าโมงเย็น จากนั้นก็เข้าห้องอัดจนถึงเช้า พอวันศุกร์ก็จะมีรถตู้มารับแล้วก็ไปกาญจนบุรีเพื่อไปปางช้างถ่ายละคร 5 เดือนชีวิตจะเป็นแบบนี้ตลอด"
       
          "แต่จะบอกว่าอย่างต่าย สายธารไม่เคยเสียงานแน่นอน ถ้าจะมีผู้ใหญ่ตักเตือนก็จะเตือนในเรื่องของการวางตัว เพราะเราเป็นคนที่ห้าวมาก จะนิสัยผู้ชายมาก อย่างที่บอกตอนนั้นเราทำงานเหนื่อยมากจนบางทีเคยท้อจนขนาดอยากออกจากวงการเลยก็มี เพราะเราทำงานหนักมาก และด้วยความคิดเราที่มันเด็กมากก็อยากจะออก แต่คนในอยากออก คนนอกก็อยากเข้านะ พอเราเห็นเด็กๆ เข้ามากันเร็วมาก เราก็คิดว่าจะออกไปได้ยังไง ก็ต้องเหลือพื้นที่ไว้ให้เรานิดนึง”
       
          เคยผ่านมาหมดทั้งข่าวมีเสี่ยเลี้ยง-ท้อง- ติดยา
          “ตอนนั้นเราน้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ บ่อยจนคนเข้าใจผิดบอกว่าเราท้องบ้าง มีเสี่ยเลี้ยงบ้าง ก็เคยไปออกรายการอยู่รายการหนึ่ง เราก็บอกไปแล้วว่าถ้าจะเลี้ยงก็มาเลยนะคะ มีแม่หนึ่งลูกหนึ่ง หมา 4 กระต่ายอีก 1 แค่นี้เอง เบาๆ ซอฟท์ๆ แต่ข่าวนี้อาจจะเป็นเพราะเราอวบๆ ด้วยมั้งคะ ถ้าเสี่ยเลี้ยงป่านนี้ก็สบายไปแล้ว นี่ยังต้องทำงานอยู่เลย ทุกวันนี้ก็เลี้ยงตัวเองอยู่คนที่อยู่รอบข้างต่ายจะทราบดี”
       
          “ส่วนข่าวที่ว่าติดยาก็เพราะเวลาที่ผอมลง อย่างสมัยก่อนเราอาจจะไปอยู่ในกลุ่มเฮฮาปาร์ตี้ หรืออาจจะเห็นภาพเราดื่มสังสรรค์คนก็สามารถมองได้ทุกอย่าง ฉะนั้นเราก็ต้องบอกว่าเราเคยเฮฮาปาร์ตี้อยู่ช่วงนึงนะ ถึงขั้นจอดรถไว้สถานที่เที่ยวเลยก็มีอยู่เหมือนกัน คอนเซ็ปต์ในชีวิตคือต่าย สายธารไม่เสียงาน ฉะนั้นในเรื่องของการติดยาไม่มีค่ะ แม้จะไปเที่ยวแล้วอยู่ในกลุ่มใช้ยาเราก็ไม่เคยใช้ค่ะ มากสุดก็แค่กินเหล้าสูบบุหรี่แค่นั้นก็หนักสุดแล้ว แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้สูบแล้ว ยิ่งเหล้านี่ไม่ได้เลยเพราะเป็นความดันด้วยมันคงเป็นอะไรที่ยาก ทุกวันนี้เป็นคนที่ดูแลตัวเองไม่งั้นน้ำหนักคงไม่ขึ้นมาเป็น 10 กิโล(หัวเราะ)”
       
          ทั้งประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ทั้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอย่างหนักบริเวณหลัง ส่งผลให้การใช้ชีวิตของหญิงสาวคนนี้ ณ ปัจจุบันตั้งมั่นอยู่บนความไม่ประมาท
          "คือต่ายเคยรถคว่ำครั้งนึงที่รถประสานงากันที่สี่แยกขอนแก่น แต่ตอนนั้นปิดข่าวเพราะอยู่ในช่วงออกเทปพอดี ก็จะมีแผลที่จมูก ช่วงนั้นเลยต้องปิดข่าวก็เลยจะไม่มีใครทราบ แต่อุบัติเหตุครั้งนั้นแรงมาก เราก็เลยไม่รู้ว่ามันเป็นผลต่อเนื่องจากที่เรายกคนเจ็บด้วยหรือเปล่า คือพอเป็นชีวิตประจำวันสืบต่อกันมามันก็เป็นผลเหมือนกันจากการที่เรายกของหนัก และยกโดยผิดท่าด้วย พอได้อบรมถึงรู้ว่าเรายกผิดท่าจริงๆ”
       
          “ตอนนั้นรู้สึกปวดหลังมากจนน้ำตาไหล แล้วก็ปวดมากจนชา ก็ทานยาคลายกล้ามเนื้อมาตลอดประมาณ 1 - 2 ปี ไม่เคยหาหมอเลย เพราะมนุษย์ส่วนมากจะคิดแค่นี้ว่าไม่สบายก็ทานยาพาราฯ จบ ปวดกล้ามเนื้อก็ทายานวดหรือกินยาคลายกล้ามเนื้อจบ คนก็จะคิดแค่นี้ แต่มันถึงขั้นที่ปวดจนขยับไม่ได้ เริ่มปวดลงขาแล้วก็ขึ้นหลัง"
       
          "ก็นึกว่าตัวเองจะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตแล้ว นอนร้องไห้อยู่ประมาณ 2 วันเต็มๆ ก็ให้เพื่อนๆ พาไปหาคุณหมอ พอตรวจก็พบกระดูกหลังข้อที่ 5 อักเสบ ก็เลยมานั่งคิดว่ามันไม่ใช่กล้ามเนื้อ เพราะว่าวันที่ตัดสินใจไปหาหมอเราก็คิดว่ามันปวดหนักที่สุดในชีวิตแล้วเท่าที่ปวดมา แล้วมันเริ่มจะขยับไม่ได้ นอนร้องไห้ตลอด”
       
          “แต่พอรู้ว่าเป็นที่กระดูกก็ทั้งดีใจและเสียใจ ดีใจที่รู้ว่าเป็นตรงไหนเราจะได้แก้ไขให้ถูก แต่ก็เสียใจว่ามันจะเป็นอะไรอีกไหม แต่เราก็ปฏิบัติตัวตามคำของคุณหมอมาตลอด แล้วมันก็ค่อยๆ ดีขึ้น เพราะคุณหมอก็บอกว่ามันอันตราย ไปถึงเส้นประสาทและหมอนรองกระดูกได้เหมือนกันถ้าเรายังไปทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ อยู่ แต่ก็ยังกลับไปทำงานที่มูลนิธิได้เหมือนเดิมค่ะ"
       
          "ทุกวันนี้ก็ยังมีปวด มีเจ็บอยู่บ้างประปราย แต่เราก็จะมีทานยาควบคุมไปด้วย และมีเรื่องของโรคความดันสูงอยู่ด้วย ตอนนี้ก็ยังทานยาอยู่ตลอด แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าเราควรใช้ชีวิตยังไง จากที่ใจร้อนสุดๆ ตอนนี้ก็ใจเย็นลงมาก ไม่เหวี่ยงอะไรเลย ใช้ชีวิตเรื่อยๆ โกรธคือโง่โมโหคือบ้า ใครด่าใครว่าก็ไม่สนใจ แต่อย่ามาด่าพ่อแม่แล้วกัน(หัวเราะ) แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเราชอบเข้าวัดทำบุญ มันก็เลยเป็นสิ่งที่ช่วยได้ด้วย”
       
          เผยเตรียมกับมารับงานในวงการบันเทิงอีกครั้ง
          "เห็นเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันไปได้ดีเราก็รู้สึกยินดีนะ แต่ไม่เคยรู้สึกว่าฉันก็ควรจะอยู่ตรงนี้ ไม่เลย เพราะด้วยชีวิตเราเป็นคนติดดิน สมถะมาก งานปูพรมแดงแทบจะไม่ไปกับเขาเลย แต่งตัวสายเดี่ยวไม่เคยได้เห็นสายธารแต่งแน่ น้อยมาก นอกจากเวลาทำงาน เราเห็นเพื่อนเราก็ยินดีด้วย บางคนก็แต่งงานกันไปแล้ว เราก็รู้สึกชื่นชมกับการที่เขารักษาตรงนี้ไว้ได้นานมาก"
       
          "เพราะเราก็เป็นศิษย์มีครูเหมือนกัน ผ่านการครอบครูมาเหมือนกัน เราก็รู้สึกชื่นชมในใจ แม้กระทั่งเด็กรุ่นใหม่ที่เข้ามา เรากลายเป็นคนที่นั่งอยู่ที่บ้านแล้วดูละคร ก็รู้สึกว่าชอบเด็กคนนั้นคนนี้จัง บางทีถ้ามีเวลาที่ได้นั่งดูละครกับแม่ก็จะชื่นชม หรือกับบางคนที่เขากลับมาเล่นเราก็จะคิดถึง ก็มีความรู้สึกชื่นชมและดีใจและปลื้มไปกับเขาด้วยมากกว่า”
       
          “แต่ตอนนี้ก็พร้อมรับงานในวงการนะคะ ที่กลับมาในช่วง 3 เดือนนี้ต่ายก็มาเล่นละครเวทีโครงการสายใยรัก แล้วก็จะมีภาพยนตร์เรื่อง รักละไม อันนี้รับเชิญค่ะ ก็อาจจะเห็นกันแว้บๆ บ้าง และเร็วๆ นี้ก็อาจจะมีละครสั้นหรือรายการแว้บๆ ค่ะ ช่วงนี้ที่ผ่านมาก็จะไปช่วยเหลืองานราชการตลอด แต่ตอนนี้งานราช งานหลวงรับหมดค่ะ งานบุญก็เอา(หัวเราะ)"
       
          "คราวนี้จะไม่หายไปไหนแล้วค่ะ จะมีถ่ายหนังสือด้วยต่อไป...คือรอต่ายผอมนิดนึง(หัวเราะ) ก็ถ้าไม่เซ็กซี่ก็แท็กซี่ล่ะค่ะ(หัวเราะ) ต้องรอดู ก็มีแน่ๆ ค่ะ ส่วนละครต้องรอติดตามจากข่าวหรือจากการทวิตบอกอีกทีละกัน หรือในเฟสบุ๊คนะคะ”
       
          ปลื้มยังมีแฟนคลับให้กำลังใจอยู่เสมอ บอกทุกวันนี้พอใจกับการได้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
          “ทุกวันนี้แฟนคลับที่เข้ามาเขาก็เชียร์อยากให้เรากลับมาทำงานในวงการ ทุกวันนี้ต้องบอกว่ากำลังใจที่ดีมาจากแฟนคลับจริงๆ เวลาที่เราท้อเราก็จะมาขอพลัง ขออ้อนแฟนคลับสักหน่อย คนที่เขาไม่เคยเห็นเราเลยเขาก็อยากจะเห็นเราตามสื่อบ้าง เพราะส่วนใหญ่ก็จะเห็นเราตามตลาดนัด ตามจุดเกิดเหตุต่างๆ บ้างเท่านั้นเอง"
       
          "แต่ถามว่าอยากจะใช้จุดตรงนี้ทำให้เรากลับมาอีกไหม คือด้วยชื่อของเรามันอาจจะเป็นใบเบิกทางนะคะ มันอาจจะไม่เหมือนสมัยยุคแรก งานที่ทำอยู่ตอนนี้มันก็พอจะเลี้ยงครอบครัวไปได้ ถามว่าพอใจไหมเราพอใจ เราอยู่อย่างเพียงพอและพอเพียง เราได้ช่วยสังคมก็รู้สึกดีแล้ว เราจะไปคิดว่าเราจะต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมมันเป็นไปไม่ได้ แค่ผู้ใหญ่ให้โอกาสและให้เราได้กลับมาแว้บๆ ไปมาบ้างแค่นี้เราก็รู้สึกดีแล้วค่ะ”
       
          ก่อนแนะดารารุ่นใหม่ต้องตรงต่อเวลา เชื่อฟังผู้ใหญ่ ถึงจะอยู่วงการได้นาน
          “ถ้าจะให้ฝากถึงน้องๆ รุ่นใหม่ ก็ถ้าได้ฟังจากที่ต่ายพูดไปแล้วก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ของน้องๆ กันไปสำหรับน้องๆ หน้าใหม่ที่ขึ้นมากันทุกวันๆ นะคะ ก็ต้องบอกว่าของชื่นชมทุกคนจริงๆ น้องๆ ทุกคนเก่งมาก และวงการบันเทิงยินดีต้อนรับและเปิดโอกาสให้เด็กที่เก่งเสมอ"
       
          "ก็จะฝากบอกน้องๆ ทุกคนว่าการที่จะอยู่ในวงการได้นาน เรื่องของการตรงต่อเวลาและการเคารพในหน้าที่ของตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะฉะนั้นก็อยากฝากให้น้องๆ ทุกคนรักในสิ่งที่เราทำ แล้วก็เคารพศรัทธาและเชื่อฟังผู้ใหญ่ รับรองว่าจะอยู่ในวงการนี้ได้นานแน่ ที่สำคัญคือตรงต่อเวลานะคะ”
          ...
          หมายเหตุ:เรียบเรียงจาก รายการ "เปิดหมดเปลือก" ทางช่อง Super บันเทิง ทางทรูวิชั่นส์ ช่อง 70


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
6883 Views
Last post June 10, 2010, 02:08:06 PM
by Nick
0 Replies
6196 Views
Last post October 21, 2010, 05:59:35 PM
by Nick
0 Replies
5880 Views
Last post October 21, 2010, 10:23:15 PM
by Nick
0 Replies
7838 Views
Last post October 23, 2010, 12:51:34 PM
by Nick
0 Replies
6354 Views
Last post December 22, 2010, 09:47:59 PM
by Nick
0 Replies
4390 Views
Last post January 11, 2011, 01:45:43 PM
by Nick
0 Replies
7571 Views
Last post January 13, 2011, 04:29:26 PM
by Nick
0 Replies
5272 Views
Last post February 27, 2011, 11:13:31 PM
by Nick
0 Replies
6735 Views
Last post March 11, 2011, 04:59:35 PM
by Nick
0 Replies
3136 Views
Last post April 16, 2011, 03:17:14 PM
by Nick