จากซ้าย Larry Page, Eric Schmidt และ Sergey Brin สามทหารเสือของกูเกิล
กูเกิลเปลี่ยนตัวซีอีโอตามกำหนดการ 4 เมษายน 2554 แล้วเรียบร้อย ดึงผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิลอย่าง"แลร์รี่ เพจ"นั่งแท่นประธานบริหารเต็มตัวแทน"อีริค ชมิดต์"ซีอีโอซึ่งเปลี่ยนกูเกิลให้เป็นบริษัทหมื่นล้านดอลลาร์ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา นักวิเคราะห์มั่นใจ สุดยอดมือวิศวกรคอมพิวเตอร์อย่างเพจจะพากูเกิลจะบุกหนักในตลาดอุปกรณ์พกพาหรือโมบายเต็มตัวนับจากนี้
ทิม บาจาริน (Tim Bajarin) นักวิเคราะห์ของบริษัทวิจัย Creative Strategies เชื่อว่าการเปลี่ยนตำแหน่งซีอีโอกูเกิลครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกูเกิล ตรงกันข้าม การนั่งเก้าอี้ซีอีโอซึ่งจะทำให้เพจ (Larry Page) มีอำนาจตัดสินใจในการบริหารกูเกิลมากขึ้นจะยิ่งทำให้กูเกิลมีความโดดเด่นด้านนวัตกรรมยิ่งขึ้นอีก
"เมื่อแลร์รี่ เพจมีสิทธิ์กำหนดกลยุทธ์โดยรวมของกูเกิล เพจจะสามารถมุ่งเติบโตในตลาดอุปกรณ์พกพาซึ่งเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น จนทำให้ตลาดโมบายกลายเป็นตลาดหลักที่กุมอนาคตของกูเกิล"
อีริค ชมิดต์ (Eric Schmidt) ออกแถลงการณ์สละตำแหน่งให้แลร์รี เพจ ตั้งแต่กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมาและจะมีผลบังคับใช้วันที่ 4 เมษายน 2554 โดยให้สัมภาษณ์ว่าค่อนข้างมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะส่งผลดีกับกูเกิล เพราะเพจนั้นมีความพร้อมมากพอที่จะรับผิดชอบตำแหน่งนี้แทน
ที่ผ่านมา ชมิดต์ในวัย 55 ปีนั้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหารให้กับกูเกิลมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2001 ประวัติศาสตร์กูเกิลบันทึกไว้ว่าชมิดต์ถูกเสนอให้นั่งเก้าอี้ซีอีโอภายใต้แรงดันของไคลเนอร์ เพอร์คินส์ (Kleiner Perkins) หนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ของกูเกิลที่ต้องการให้ชมิดต์เป็น"ผู้ใหญ่"ที่คอยดูแล 2 หนุ่มผู้ก่อตั้งกูเกิลอย่างแลร์รี่ เพจ และเซอร์เก บริน ซึ่งยังมีอายุไม่ถึง 30 ปีในช่วงเตรียมการนำกูเกิลเข้าสู่ตลาดหุ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนด้วยภาพลักษณ์ความรับผิดชอบและความอุดมด้วยวุฒิภาวะของชมิดต์ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด IPO ของกูเกิลได้รับความสำเร็จถล่มทลายในปี 2004 และชมิดต์ได้รับหน้าที่เป็นผู้ดูแล 2 ผู้ก่อตั้งมาอีกนานหลายปี
สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ชมิดต์แถลงว่าเป็นเพราะต้องการปรับโครงสร้างเพื่อให้การตัดสินใจของกูเกิลเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น แสดงความมั่นใจว่าเพจนั้นมีความพร้อมมานานแล้ว โดยชมิดต์จะยังทำงานร่วมกับกูเกิลในฐานะประธานบริหาร (Executive Chairman) และจะดูแลในส่วนของภาพรวมธุรกิจ การดูแลพันธมิตร และลูกค้า พร้อมจะยังคงรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับแลร์รี เพจ ซึ่งเพิ่งมีอายุครบ 38 ปีเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเซอร์เก บริน (Sergey Brin) ผู้ก่อตั้งบริษัทอีกรายหนึ่งวัย 37 ปีด้วยเช่นกัน
สำหรับเพจ หลังจากสร้างกูเกิลร่วมกับเซอร์เก บริน ตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเมื่อราว 13 ปีที่แล้ว เพจเคยดำรงตำแหน่งซีอีโอคนแรกของกูเกิลในช่วงก่อตั้ง (ปี 1998 ถึงปี 2001) นำพาบริษัทในยุคที่มีพนักงานเพียง 2 คน (ตัวเพจเองและเซอร์เก บริน) จนถึงยุคที่มีพนักงานมากกว่า 200 คน และด้วยดีกรีวิศวกรคอมพิวเตอร์ บาจารินเชื่อว่าเพจคือผู้อยู่เบื้องหลังของการพัฒนาระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ซึ่งกูเกิลสนับสนุนให้นักพัฒนาสามารถออกแบบนานาแอปพลิเคชันที่สนุกสนานและทันสมัยได้ง่ายขึ้น
ในเบื้องต้น นักลงทุนตอบรับแผนการผลัดใบซีอีโอนี้ในแง่ดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเพจนั้นเป็นผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งซีอีโอคนแรกของกูเกิลในช่วงก่อตั้ง (ปี 1998 ถึงปี 2001) และมีบทบาทสูงในการบริหารกูเกิล ขณะเดียวกัน กูเกิลได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2010 ที่ผ่านมาว่าสามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 2,540 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจาก 1,970 ล้านเหรียญในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า บนรายได้รวม 8,440 ล้านเหรียญ คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นราว 26% ทั้งหมดนี้ทำให้มูลค่าหุ้นของกูเกิลเพิ่มขึ้นอีก 2% เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ปัจจุบัน กูเกิลมีพนักงานทั้งสิ้น 25,000 คน บนรายได้มากกว่า 3 หมื่นล้านเหรียญต่อปี กลายเป็นบริษัทเจ้าตลาดบริการค้นหาข้อมูลออนไลน์ของโลก และกำลังอยู่ท่ามกลางแรงกดดันจากตลาดเครือข่ายสังคมเช่นเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ในขณะนี้
Company Related Link :
Google
ที่มา: manager.co.th