“เคน” โต้แหลก เคลิ้มจูบ “ชมพู่” จนกิ๊กกันนอกจอ งงปิดกล้องและละครก็จบไปนานแล้วทำไมเพิ่งมีข่าว ยัน ไม่มีอะไรในกอไผ่ เป็นแค่เพื่อนร่วมงาน รับ “หน่อย” และ “น้องคุน” มาหาที่กองถ่ายจริง แต่ไม่ได้มาตามเฝ้า เข้าใจแต่งงานแล้วไปคุยเล่นกับคนอื่นก็เลยคิดว่านอกใจ เจ้าตัวลั่น ถึงเรื่องต่อไปจะได้เล่นกับ “ชมพู่” อีกก็ไม่มีปัญหา
เรียกว่ากระแสละครเรื่อง “รหัสทรชน” แรงตั้งแต่เปิดกล้องยันละครอวสานเลยทีเดียว เพราะมีเรื่องให้พระเอกหนุ่มพ่อลูกสองอย่าง “เคน ธีรเดช วงษ์พัวพันธ์” ต้องออกมาเคลียร์ตลอด โดยเฉพาะฉากเลิฟซีนที่ต้องจูบจริงกับนางเอก “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ที่มีเยอะซะจนหลายคนพูดถึง เนื่องจากไม่ค่อยมีเรื่องไหนกล้าขนาดนี้มาก่อน จนมีข่าวลือหนาหูตามมาว่า คู่นี้แอบเคลิ้มถึงขนาดกิ๊กกั๊กกันนอกจอตั้งแต่ตอนที่ยังถ่ายทำ ส่งผลให้ศรีภรรยาอย่าง “หน่อย บุษกร” ถึงกับต้องส่งลูกชายคนโต “น้องคุน คุนธรรม” ไปตามเฝ้าถึงกองถ่าย แถมน้องคุนโพล่งออกมาแบบไร้เดียงสาว่า “ไม่อยากมีแม่ใหม่” จนทำเอาคนในกองอึ้งกิมกี่แอบเม้าท์กันกระจาย
งานนี้พอได้เจอตัวหนุ่ม “เคน” ในงานแถลงข่าว “2011 VIERA AT THE BOOTH” ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม ชั้น2 โรงแรมมิลเลเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ เจ้าตัวก็เผยแบบงงๆ ปนขำว่าข่าวนี้รู้สึกจะออกมาช้าเหลือเกิน เพราะทั้งถ่ายทำไปตั้งแต่ปีที่แล้ว และตอนนี้ละครก็จบไปร่วม 2 สัปดาห์แล้ว
“จริงๆ ข่าวกับชมพู่ถ้าถามความรู้สึกผมก็คือละครเรื่องนี้ถ่ายกันตั้งแต่ปีที่แล้วนะครับ ถ่ายพร้อมกับเรื่อง 365 วันฯ ซึ่งมันก็นานแล้วนะ แล้วก็ปิดกล้องไปพร้อมๆ กัน จนเรื่อง 365 วันฯ ออกจบไป จนผมไปบวช ปีใหม่ผมสึกออกมา ละครเรื่องนี้ฉายจนจบไป แล้วทำไมข่าวมันยังอยู่อีก(หัวเราะ) คือถ้าในทางข่าวผมว่าก็ค่อนข้างดีเลย์นะ”
“ผมไม่รู้ว่าเนื้อข่าวเป็นยังไง แต่แค่มีคนมาเล่าให้ฟังว่าผมไปกุ๊กกิ๊กกับชมพู่ที่กองละคร ผมก็คิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมไม่ออกมาตั้งแต่แรก ตั้งแต่ตอนที่เราเล่นด้วยกัน หรือออกมาตอนที่ละครฉาย คือมันเหมือนกับว่าตอนนี้ทุกอย่างมันจบไปหมดแล้ว แต่อยู่ๆ ก็มีข่าวนี้ออกมา ก็แปลกดี และฮาๆ ตรงที่มีพูดถึงน้องคุนด้วย อันนี้ก็ตลก(หัวเราะ) บอกว่าน้องคุนเดินไปบอกชมพู่ว่าอะไรอย่างนั้น ผมอ่านก็คิดว่านี่ตัวอิจฉาเด็กในละครมาก ผมไม่แน่ใจนะว่าเขาดูละครเยอะไปหรือเปล่า(หัวเราะ)”
“แต่น้องคุนก็ไปเล่นที่กองจริงครับ คุณหน่อยก็ไป ก็แฮปปี้ดี เพราะว่ากองนี้น้องคุนกับคุณหน่อยไปบ่อยเพราะเป็นกองของคุณยุวดี ซึ่งเราทุกคนก็สนิทกันถึงได้ไป แล้วที่บอกว่าคุณหน่อยหึงมากถึงกับต้องส่งน้องคุนไปคุมนี่ ต้องบอกว่าเขาเขียนข่าวดูแล้วไม่ค่อยมีเหตุผลนะ ให้น้องคุนมาคุมเนี่ยนะ คือลูกผมเขายังเพิ่งอายุ 2 ขวบ อายุแค่นี้เขายังไม่เข้าใจเลย แต่เขาเขียนเหมือนเป็นตัวอิจฉาเด็กในละคร(หัวเราะ) เขาเขียนบอกน้องคุนไปพูดว่าไม่อยากได้แม่ใหม่(หัวเราะ) ก็เข้าใจนะว่าลูกผมฉลาดแล้วก็คุยเก่ง แต่เขาก็ไม่ใช่อย่างนั้น”
บอก “หน่อย” รับรู้เรื่องทุกอย่าง และไม่เคยมีอาการหึงหวงเลย แถมยังเข้าใจตนมากกว่าใครซะอีก และส่วนตัวก็ไม่ได้เครียด เพราะคนที่แคร์ที่สุดก็คือภรรยา
“อย่างที่บอกว่างงเพราะเรื่องนี้มันนานมากแล้ว ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว พอละครจบกับชมพู่ก็ได้เจอกันบ้างถ้ามีงาน แล้วก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย แต่เวลาไปงานที่ช่อง 3 ก็เจอกัน แต่แค่คิดว่าเรื่องมันดีเลย์ หรือเขาอาจจะคิดว่ามันมีเลิฟซีนเยอะ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าประเด็นของเขาคืออะไรทำไมถึงเพิ่งมาออกตอนนี้ แต่คุณหน่อยทราบแล้วครับ คือผมโชคดีที่ภรรยาค่อนข้างจะรู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไรและเข้าใจ สมมติมีข่าวที่คนเขียนเรื่องไม่ดีถึงครอบครัวเรา ผมไม่ต้องไปนั่งอธิบายว่าอะไรเป็นยังไง คุณหน่อยเขาไม่สนใจ ไม่อยากฟังด้วย”
“แต่เขากลับบอกว่าวันนี้เคนจะมางาน ยังไงก็อย่าอารมณ์เสียนะ เพราะเขาก็กลัวว่าพอมีข่าวแบบนี้แล้วผมมาเจอสื่อทำให้ผมอารมณ์เสีย เขากลับเป็นห่วงความรู้สึกผมมากกว่า ผมก็รู้สึกโอเคที่คนที่เขาอยู่ข้างๆ เราให้กำลังใจเรา และจริงๆ เรื่องแบบนี้ผมพูดไปมันก็เท่านั้น เหมือนกับถ้าคนอ่านแล้วพื้นฐานเขาอยากจะเชื่ออย่างนั้นเขาก็จะเชื่อ ต่อให้ผมแก้ตัวแค่ไหนเขาก็จะไม่ฟัง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่อ่านแล้วมองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ ผมไม่ต้องพูดเขาก็รู้สึกว่ามันไร้สาระ แต่สุดท้ายแล้วคนที่ผมต้องแคร์ที่สุดก็คือภรรยาผม ถ้าภรรยาโอเคมันก็จบ”
“แต่ถ้าบอกว่าคนในกองเป็นคนปล่อยข่าว ซึ่งผมกับคนในกองนี้ก็ถือว่าสนิทกันนะ จริงๆ ก็ว่าไม่ได้นะ เพราะคนเขียนเขาก็มีสิทธิเขียน เพราะมันเป็นเรื่องมุมมองแต่ละคนไม่เหมือนกัน เขาอาจจะมองว่าผมเป็นผู้ชายที่แต่งงานมีลูก 2 คนแล้ว และขอบเขตของคนแบบนี้ไปคุยเล่นกับคนอื่นถือว่านอกใจ ผมไม่รู้นะในมุมมองของคนเขียนเขาเป็นอย่างนี้หรือเปล่า เขาอาจจะรู้สึกว่าการที่คุณแต่งงานแล้วก็ห้ามไปคุยเล่นกับผู้หญิงคนอื่นนั่นถือว่าผิด แต่สำหรับผมมันไม่ใช่ ผมไม่ได้ไปทำอะไร ผมทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ แล้วผมเป็นพระเอกผมก็ต้องเล่นละครกับนางเอก”
“ถ้าใครทำงานกองถ่ายก็จะรู้ว่าเราต้องอยู่ด้วยกัน 4-5 เดือน บางเรื่องอาจจะนานกว่านั้นก็ต้องสนิทกัน และบางทีโอกาสที่เราต้องวนมาเจอกันอีกล่ะมันก็ต้องมี ฉะนั้นถ้าเกิดว่าใครอยู่กองถ่ายแล้วไม่คุยเล่นกับคนอื่นก็คงผิดปกติ แสดงว่าเขาอาจจะต้องมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ไม่ชอบหน้าใครหรือมีอะไรในใจหรือเปล่าถึงต้องไปเก็บตัวอยู่คนเดียว ซึ่งผมไม่ใช่คนแบบนั้น ผมก็สนุกสนานของผมปกติ และคิดว่าคงต้องเป็นอย่างนี้ต่อไป ใครจะพูดถึงเราก็ต้องให้เขาพูดไป ผมไม่ห้าม เขาก็มีสิทธิที่จะคิด แต่คนที่ผมแคร์ก็คือภรรยาผม”
“กับชมพู่ผมเชื่อว่าเขาก็คงรู้สึกปกติ คงเหมือนกัน เพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นอย่างนี้ ถ้าไปถามเขาเขาก็คงต้องให้แฟนเขามาห่วงเขา ผมคงไม่ต้องไปห่วงเขาหรอกครับ ยืนยันว่าไม่มีอะไร เป็นเพื่อนกันครับ แต่ถ้าเรื่องต่อไปได้เล่นด้วยกันอีก ก็ต้องเล่นได้ถึงได้บอกว่าไม่มีอะไร ถึงได้บอกว่าคนที่อยู่ตรงนี้ก็ต้องวนมาเจอกันอีกเป็นเรื่องปกติ แล้วผมก็จะไม่ระวังเพราะผมถือว่าคนมีสิทธิที่จะคิด ผมก็ไม่ว่าเขาว่าใครอยากจะพูด อยากจะเขียนอะไรถึงผม เขามีสิทธิ ผมไม่ได้ต้องการจะไปฟ้องร้องไปห้ามไปบอกว่าไม่ใช่ ใครอยากจะพูดอะไรก็พูด เพราะผมไม่ได้สนใจ แต่เรื่องใหม่น่าจะเปิดหลังสงกรานต์ครับ เรื่องกลรักลวงใจเล่นกับเจนี่”
ที่มา: manager.co.th