“อ่ำ อัมรินทร์” ทุ่ม 80 ล้าน สร้างหนังไตรภาคแนวฮังกริ คอมเมดี้ เรื่อง “บึ๋ง” เน้นแหวกแตกต่างแต่ดูได้ทั้งครอบครัว เผย เขียนบท-เล่นและกำกับเองทั้งหมด บอก พล็อตเรื่องมาจากประสบการณ์ชีวิตจริงของตัวเอง พร้อมดึงเพื่อนนักร้องยุคเดียวกันลงจอเพียบ แพลนฉายต.ค.ปีนี้พร้อมกัน 2 ภาค
ลงทุนเขียนบทเอง เล่นเอง และกำกับเองทั้งหมด สำหรับอดีตนักร้องมาดกวน “อ่ำ อัมรินทร์ นิติพน” ที่งานนี้ท่าทางจะเอาจริงเอาจังกับการทำภาพยนตร์ของตัวเองที่มีชื่อสุดเก๋ว่า “บึ๋ง” งานนี้ได้เจอเจ้าตัวในงานบวงสรวงภาพยนตร์ที่ต้นรักสตูดิโอ ย่านทองหล่อ นักร้องหนุ่มได้เปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากเพื่อนพ่อตา ที่นำรถมอเตอร์ไซด์มาปรับแต่งพ่วงข้างทำเป็นร้านขายแฮมเบอร์เกอร์จนขายดิบขายดี ประกอบกับนำเรื่องชีวิตการแข่งรถของตัวเองมาปรับให้เข้ากัน ซึ่งเจ้าตัวเรียกมันว่าเป็นหนังแนวฮังกริ คอมเมดี้(Hungry Comedy) ที่ทุกคนดูแล้วจะรู้สึกหิว โหยหามิตรภาพและตลกโปกฮาครบรส เชื่อถึงแนวหนังจะแปลก แต่ก็คิดว่าน่าจะสร้างความแตกต่างได้ พร้อมบอกจะสร้างทั้งหมด 3 ภาค ทุนไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท
“จุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้คือตอนนั้นไอทีวีปิด เราก็ไม่รู้จะทำมาหากินอะไร ผมก็เลยไปออกรถกระบะมาคันหนึ่งจะทำก๋วยเตี๋ยวขาย แต่คิดว่าก๋วยเตี๋ยวขั้นตอนอะไรมันเยอะมากเลย ก็เลยคิดว่าเป็นอย่างอื่นดีกว่า พอดีไปที่หัวหินไปร้านพ่อตา พ่อตามีร้านอาหารอยู่ที่นั่น เผอิญไปเจอเพื่อนพ่อตาชื่อคุณอรัญ เขาคนนั้นเลยเป็นแรงบันดาลใจให้ผมได้คิดพล็อตเรื่องนี้ คือเขาเป็นคนไทย แล้วเอามอเตอร์ไซค์ดัดแปลงมาทำเป็นรถขายเบอร์เกอร์ที่หัวหินขายได้ตั้งวันละ 7-8 พันบาท”
“พอเวลามีงานอีเว้นท์งานมิวสิคแจ๊สอะไรต่างๆ เขาไปขายได้ประมาณ 5-6 หมื่น ผมก็เลยเป็นแนวทางว่าเออถ้าเราทำค้าขาย แทนที่เราจะตั้งร้านเฉยๆ เราไปขายตามงานอีเว้นท์ ตามร้านอาหารประเภทไหนที่มันง่ายดายต่อการที่เข้าไปจัดงานปาร์ตี้ตรงนั้น ก็คิดว่าน่าจะเป็นเบอร์เกอร์น่าจะเหมาะ จัดทำนั่นนี่ติดต่อ ก็เลยเป็นเรื่องเป็นราวมา บวกกับเรื่องการแข่งรถ เพื่อทำการโฆษณาเบอร์เกอร์ของตัวเอง ก็อย่างที่ผมอยู่วงการมอเตอร์สปอร์ตมา 14 ปีแล้ว เลยเป็นพล็อตเรื่องของเราออกมา ก็เรียกว่าเอาประสบการณ์จริงๆ มาทำครับ มันจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับมอเตอร์สปอร์ต แล้วก็การทำมาหากิน รวมไปถึงมิตรภาพแล้วก็เพลงเอามารวมกัน”
“แนวหนังเรื่องนี้เรียกว่าเป็นฮังกริ คอมเมดี้ดีกว่า ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นการโหยหาความหิว ประเภทสนุกๆ แบบนี้อยู่ ผมว่าคงจะมีหนังหลายเรื่องที่ให้ความบันเทิงแตกต่างกันไป แต่หนังผมก็น่าจะเป็นอีกแนวหนึ่งซึ่งแตกต่าง เพื่อนๆ ผมก็เป็นนักร้องหมดเลย ก็น่าจะแตกต่างแล้ว แล้วก็เรื่องของเพลงที่จะประกอบก็เหมาะสมสอดคล้อง เพราะผมเขียนบทไปด้วย แล้วเขียนดนตรีไปด้วยทุกขั้นตอนผมทำเองหมด จนภรรยาว่าเดี๋ยวจะบ้าแล้ว หน้าซูบหน้าเซียวไปหมด แต่วันนี้มีความสุขมาก”
“ส่วนชื่อภาพยนตร์ที่ตั้งไว้เรื่องบึ๋งครับ ก็ตอนแรกมันจะเป็นหนังสนุกๆ เพื่อนๆ จะทะลึ่งๆ หน่อย พอดีภรรยาเขาบอกว่ามันมากไปก็ไม่ดีนะ เพราะว่าลูกก็เล่นด้วยและคิดว่าถ้าคนอื่นมาดูครอบครัวของคนอื่นที่มีลูกมีหลานเป็นเพื่อนเอลลี่ ถ้าเราทำอะไรไม่ดีไปก็คงเสียกับเรา แล้วก็หน้าตาในสังคมเราก็เป็นครอบครัวที่น่าเป็นครอบครัวที่หรรษา เป็นภาพลักษณ์ที่ดี ก็เลยต้องปรับลงมาอีก”
เผย เรื่องการทำหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ไม่ยากเพราะได้ผู้กำกับมืออาชีพหลายคนช่วยดูแลภาพยนตร์เรื่องนี้ เชื่อไม่น่ายากที่จะกำกับ
“เรื่องการกำกับตอนแรกก็ตื่นตระหนกว่าจะทำได้หรือเปล่า ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาจากการชมภาพยนตร์ จากการแสดง และจากการที่ผมได้มีที่ปรึกษาดีอย่างพี่อังเคิล(อดิเรก วัฏลีลา) ขอบคุณมากครับ ขอบคุณพี่ปื้ด(ธนิตย์ จิตนุกูล)มากๆ ที่คอยให้คำแนะนำดีๆ มาตลอด ขอบคุณผู้กำกับหลายๆ คน รวมถึงทางพี่ปิ่นทาง บ.จีพีเอส ที่กรุณาช่วยดูแลแล้วก็ขัดเกลาบทและเรื่องราวขั้นตอนให้เป็นระบบขึ้น ส่วนเรื่องกำกับผมคิดว่าไม่ยากเพราะผมเองก็ได้ฝึกฝนจากการตัดต่อ จากการตัดต่อเอาหนังเรื่องอื่นมาตัดแปะๆ จนเป็นเรื่องได้ ผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหา เราคนเพลงคนแสดงอยู่แล้ว”
“การกำกับนักแสดงในเรื่องนี้ที่เป็นเพื่อนๆ ของผมทั้งหมด ผมคิดว่าไม่ยากเพราะสนิทกันแล้วรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนผมทำไว้หมดแล้ว ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันบวงสรวงยังไม่เปิดกล้อง แต่ผมก็เตรียมถ่ายอะไรเก็บไว้แล้วเหมือนกัน ในเรื่องก็จะมีเรื่องมิตรภาพระหว่างเพื่อนด้วย แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องความขัดแย้งในประเทศชาติ ผมจะพูดถึงเรื่องของผมอยากจะแสดงให้เห็นถึงว่ามิตรภาพที่แท้จริงนำพาเราไปสู่เป้าหมายได้แน่นอน”
เบื้องต้นเรื่องงบประมาณต้องควักเองก่อน โว เรื่องนี้งบ 80 ล้านบาท แต่โชคดีที่สามารถหาสปอนเซอร์ได้ แจง จะทำเป็นหนังไตรภาค แพลนลงโรงฉายเดือนตุลาคมปีนี้ และจะฉายพร้อมกัน 2 ภาค ส่วนเรื่องนางเอกของเรื่องกำลังดูอยู่
“เรื่องการลงทุนผมต้องลงทุนเองก่อน ก็พอดีภรรยาเขาเข้าใจว่าผมอยากจะทำภาพยนตร์มานานแล้ว ผมก็เลยขอโอกาสเขา พูดแล้วจะหาว่าโม้มันเยอะมาก ดูรถแต่ละคันที่ทำสิ ถ้าบอกว่า 80 ล้าน จะโม้ไหม เดี๋ยวคอยดูละกันเพราะคนเดี๋ยวนี้จะบอกหนังประมาณ 10 ล้าน 8 ล้านก็พอแล้ว กะโหลกกันไปป๊องแป๊งๆ แต่ผมเปล่ามันมีฉากแข่งรถนะ ซึ่งเราต้องเซ็ทต้องเตรียมฉากสถานที่เยอะแยะ เรื่องนี้มันได้โอกาสเวลาเหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องของสปอนเซอร์ที่จะเข้ามาสนับสนุนด้วย มีอีกหลายๆ ท่านหลายหน่วยงานที่น่าจะให้การสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึงเอ็มพิคเจอร์ที่ให้โอกาสผมได้เข้าไปเสนอ แล้วเขาก็เห็นด้วยกับภาพยนตร์เรื่องนี้ แล้วจะไม่มีคำหยาบคาย เรื่องรายได้ผมไม่ได้คาดหวัง แค่มาแค่นี้ก็พอแล้ว แค่ใครที่ได้ไปดูออกจากโรงแล้วคิดถึงเพื่อนเท่านั้นก็พอ”
“เรื่องนี้ 3 ภาคนะครับ เป็นหนังแตกภาค อันนี้ที่จะถ่ายภาค2 แล้วก็ภาคหนึ่งก็บทเสร็จแล้ว กำลังคุยกับเอ็มพิคเจอร์ว่าเป็นไปได้ไหมที่ผมจะฉายภาค 1 และ 2 พร้อมกันเลย ดูภาค 1 ก่อนก็แล้วค่อยดูภาค 2 จะได้ดูง่ายๆ ไม่ต้องรอนานเดี๋ยวคนดูจะลืม ตอนนี้กำลังเตรียมงานภาค 2 อยู่”
“เรื่องคิวฉายผมคุยกับทางเอ็มพิคเจอร์ ตอนแรกผมวางไว้วันที่ 20 ต.ค.ปีนี้ คิดว่าจะทำให้เสร็จให้ทันให้ได้ แต่ทางเอ็มพิคเจอร์บอกว่าถ้าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดูได้ทั้งครอบครัว มีคอนเซ็ปต์ที่ดี ก็น่าจะเป็นวันที่ 6 ต.ค. แต่ว่าจะมีคอนเสิร์ต ผมเตรียมงานว่าจะมีคอนเสิร์ตก่อนแล้วก็จะมีหนังฉายตามเพราะว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เป็นนักดนตรีหมดเลย แล้วเพลงประกอบเรื่องนี้ก็เตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว ก็คิดว่าจะไปฟังเพลงกันก่อนเป็นเพลงเก่าๆ ที่เคยสนุกสนานกันมา ใครอายุสัก 42 ก็คงจำเพื่อนอ่ำได้นะ ใครที่เป็นแฟนเพลงของผมที่ใช้เพลงรักอ้ำอึ้งจีบหญิงอยู่ก็คอยเตรียมไว้จะมีอะไรมันๆ ให้ได้ดูกัน”
“ส่วนนางเอกก็กำลังดูอยู่เหมือนกัน ก็คงหาญาติๆ เพราะว่ายังไงยังคุยกันได้ แล้วก็ภาค3 คิดว่าน่าจะสนุกมาก ภาคแรกๆ จะเป็นมิตรภาพอะไรสนุกๆ สนานเบาๆ ภาค 3 เอาให้เต็มๆ คาดว่าจะเชิญคุณกีกี้ นานา นักแข่งรถมาเล่นด้วย ตอนนี้ที่ติดต่อน้องเขาไปแข่งที่เมืองนอก เดี๋ยวเขากลับมาค่อยคุยกัน ก็คิดว่าน่าจะเป็นหนังไตรภาคที่สนุกสนานและคิดว่าน่าจะทำสำเร็จเพราะเพื่อนเยอะและกำลังใจสำคัญที่สุด”
ที่มา: manager.co.th