อุตฯ ซอฟต์แวร์ปลุกแรงซื้อ ชูไฮไลต์ ธุรกิจเอสเอ็มอีซื้อในงานลด50% นายกเอทีเอสไอ คาดหวัง 3 วัน ฟันรายได้เป็นกอบเป็นกำ
อุตฯซอฟต์แวร์ไทย-เทศ ยกทัพยึด"พารากอน" โชว์เทคโนโลยีช่วยองค์กรฝ่าวิกฤติ นายกเอทีเอสไอ คาด 3 วัน คนแห่ร่วมงาน 50,000 คน เงินสะพัด 50 ล้านบาท พร้อมเกิดการซื้อต่อเนื่องนับ 100 ล้านบาท เผยไฮไลต์ ธุรกิจเอสเอ็มอีได้ส่วนลดซื้อซอฟต์แวร์ 50% ซอฟต์แวร์บัญชี -บริหารบุคคล ราคาชุดละ 50 บาท
นายสมเกียรติ อึงอารี นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย หรือ เอทีเอสไอ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ทั้งไทยและเทศ พร้อมใจกันนำผลิตภัณฑ์ และโซลูชันซอฟต์แวร์ เข้าร่วมแสดงในงานไทยแลนด์ซอฟต์แวร์แฟร์ 2552 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 ก.พ.2552 ที่ ลานรอยัลพารากอนฮอลล์ แล้วร่วม 100 บูธ คิดเป็นจำนวนโซลูชันซอฟต์แวร์ทั้งหมด 1,000 โซลูชัน ซึ่งมองว่ามีปริมาณมากพอให้กับองค์กรธุรกิจ ธุรกิจขนาดกลางและเล็ก หรือเอสเอ็มอี องค์การบริหารงานส่วนท้องถิ่น เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการนำซอฟต์แวร์ไปประยุกต์ใช้งานในองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพ และสามารถเลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพ
"คาดว่าในงานดังกล่าวจะมีองค์กรภาครัฐ เอกชน ตลอดจนประชาชนเข้าร่วม 50,000 คน โดยช่วงภาวะเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัวเช่นนี้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่ภาคธุรกิจจะมีการนำเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ไปประยุกต์ใช้"
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่ากลุ่มผู้เข้าร่วมงานจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ยังไม่เคยมีซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่คาดว่าให้เข้ามาในงาน โดยเชื่อว่าซอฟต์แวร์ที่นำเสนอภายในงานน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ อีกกลุ่มคือ กลุ่มผู้เคยใช้ซอฟต์แวร์ ซึ่งซอฟต์แวร์ที่นำเสนอน่าจะเข้าไปช่วยทดแทน เพื่อให้องค์กรมีประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น และช่วยลดต้นทุน
ทั้งนี้ในยุคนี้เอสเอ็มอี ต้องมีเครื่องมือใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจ ฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการดำเนินธุรกิจ ต้องมีซอฟต์แวร์ และกระบวนการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ อาทิ ธุรกิจท่องเที่ยว แม้ว่าจะได้รับผลกระทบ แต่ก็จำเป็นต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ปรับเปลี่ยนกระบวนการดำเนินธุรกิจ อาทิ การเพิ่มช่องทางด้านอี-คอมเมิร์ซ ซึ่งในงานก็มีโซลูชันอี-คอมเมิร์ซมานำเสนอ ขณะที่โครงการครัวไทยครัวโลก ซึ่งต้องทำทั้งซัพพลายเชน ในงานนี้ก็มีซอฟต์แวร์บริหารห่วงโซ่อุปทาน หรือ ซัพพลายเชน มานำเสนอ หรือในเรื่องของการขนส่ง ที่ต้นทุนการขนส่งของไทยค่อนข้างสูง ซึ่งในงานดังกล่าวจะมีโซลูชันด้านการขนส่ง มานำเสนอ
"วันนี้วิกฤติที่เกิดขึ้นไม่ใช่ยุคของอีโคโนมีออฟสเกล ที่มุ่งผลิตสินค้าปริมาณมากๆ แต่เป็นอีโคโนมี ครีเอชัน ซึ่งองค์กรต้องมาพิจารณาว่าสามารถนำซอฟต์แวร์ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจได้อย่างไร โดยซอฟต์แวร์สามารถนำไปประยุกต์สร้างแนวทางใหม่ๆ ครบทั้ง 4 P ทั้งบุคลากร, โปรโมชัน, ผลิตภัณฑ์ และกระบวนการทำงาน ทั้งนี้คาดว่าตลอดระยะเวลา 4 วัน จะเกิดการซื้อขายซอฟต์แวร์ภายในงาน ประมาณ 50 ล้านบาท และคาดว่าจะเกิดการซื้อต่อเนื่องในระยะเวลา 6 เดือนถัดไปมูลค่านับร้อยล้านบาท"
สำหรับไฮไลต์หลักภายในงานปีนี้ ประกอบด้วย สิทธิพิเศษสำหรับเอสเอ็มอีที่กำลังมองหาซอฟต์แวร์เพื่อช่วยบริหารกิจการ, ลดต้นทุนการผลิต และควบคุมคุณภาพสินค้า ซึ่งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะให้การสนับสนุนกับเอสเอ็มอี โดยจะได้รับส่วนลด 50% หรือไม่เกิน 10,000 บาท จากการสั่งจอง หรือซื้อซอฟต์แวร์ภายในงาน นอกจากนี้ยังมีการนำซอฟต์แวร์โปรแกรมแชร์แวร์บัญชี และบริหารงานบุคคล/เงินเดือน มาจำหน่ายในราคาโปรแกรมละ 50 บาท ขณะเดียวกันผู้เข้าร่วมงานยังได้รับฟรี โปรแกรม I can speak สำหรับผู้ต้องการฝึกพูดภาษาอังกฤษให้เหมือนเจ้าของภาษา และโปรแกรมพจนานุกรมอังกฤษ-ไทย, ไทย-อังกฤษ กับโปรแกรม i Dictionary
นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ยังได้นำเสนอเทคโนโลยี "Unified Communications" ซอฟต์แวร์สื่อสารแบบเรียลไทม์สำหรับใช้ในองค์กร ไมโครซอฟท์ระบุว่าสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายการโทรศัพท์ผ่านอินเตอร์เน็ตหรือ VoIP ลงกว่าครึ่งหนึ่ง โดยไมโครซอฟท์จะโชว์การสื่อสารซอฟต์แวร์ดังกล่าวร่วมกับหุ่นยนต์ "Microsoft Robotic Studio" หุ่นยนต์ที่สื่อสารและขยับได้เหมือนมนุษย์ ด้วยการสั่งงานจากซอฟต์แวร์ ซึ่งได้รับการพัฒนาบนเทคโนโลยีไมโครซอฟท์ ขณะที่ไอบีเอ็มจะเข้าร่วมนำเสนอนิทรรศการ"IBM Software for a Greener World" เพื่อเป็นแนวทางให้บริษัท, โรงงานอุตสาหกรรม, หน่วยงานต่าง ๆ และเอสเอ็มอี ได้ศึกษาแผนสำหรับช่วยองค์กรปรับแต่งอินฟราสตรักเจอร์ โหลดภาระงานและทรัพยากรบุคคลของตนเพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
