ทิปปิงพอยท์ ผู้นำระบบป้องกันการบุกรุกเครือข่ายรับเจอพิษเศรษฐกิจการเมืองทำเป้าไม่ถึงยอด ปิดไตรมาสสุดท้ายของปีที่ 80% แต่เชื่อไตรมาสถัดไปองค์กรขนาดใหญ่จะหันมาให้ความสำคัญด้านการป้องกันเครือข่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะรัฐบาลที่ต้องการปิดงบประมาณในรอบปีที่จะถึงนี้ ผู้บริหารเผย การ์ทเนอร์ อิงค์ จัดอันดับให้ทิปปิงพอยท์อยู่ในกลุ่มผู้นำตลาดด้านอุปกรณ์ระบบป้องกันเครือข่าย
นายการุณ เตชาบูรพานนท์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยของทิปปิงพอยท์ กล่าวว่า ทิปปิงพอยท์จะปิดไตรมาสสุดท้ายของปี 2009 ที่สิ้นเดือน พฤษภาคมนี้ ซึ่งจากตัวเลขที่สรุปออกมาพบว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ทางบริษัทได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศทำให้ไม่สามารถทำยอดได้ถึงเป้าที่ตั้งไว้
"ในช่วง 3 ไตรมาสแรก ทิปปิงพอยท์จะมีลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการลงทุนในอุปกรณ์ระบบป้องกันเครือข่ายประมาณเดือนละ 10-12 ราย ส่วนไตรมาสสุดท้ายได้ไม่ถึง 10 ราย ซึ่งทำให้ไม่ตรงกับเป้าที่ทางบริษัทแม่วางไว้ แต่สามารถทำยอดได้ 80% จากที่ตั้งไว้ก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจแล้ว"
ปัจจุบันทิปปิงพอยท์มีลูกค้าอยู่ในประเทศไทยกว่า 130 ราย ซึ่งจะกระจายอยู่ในทุกๆองค์กรโดยเฉพาะองค์กรที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากสินค้าของทางทิปปิงพอยท์มีราคาสูงกว่ารายอื่นทั่วๆไปในตลาด โดยจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ทิปปิงพอยท์ขึ้นมาเป็นผู้นำของตลาดนี้ในขณะนี้อยู่ที่บริการหลังการขายที่ช่วยตรวจสอบการบุกรุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง
"95% ของลูกค้าในประเทศไทยจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการระบบป้องกันเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งแต่ละโครงการที่ทิปปิงพอยท์เข้าไปทำจะอยู่ในหลักล้านบาท ถ้านับโปรเจกต์ที่มากที่สุดอาจจะอยู่ในหลักล้านเหรียญก็ว่าได้ นอกจากนี้ในกรณีของลูกค้า SMEs ทางทิปปิงพอยท์ ก็มีสินค้าที่จะให้บริการ แต่ลูกค้าต้องมองว่าบริษัทตนเองมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาความปลอดภัยมากแค่ไหน เนื่องจากการลงทุนในด้านนี้ต้องใช้งบประมาณสูงพอสมควร"
ล่าสุดบริษัทวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรม การ์ทเนอร์ อิงค์ ได้มีการจัดอันดับ Magic Quadrant สำหรับอุปกรณ์ระบบป้องกันการบุกรุกเครือข่าย (Network Intrusion Prevention System Appliances) โดยทิปปิงพอยท์จัดอยู่ในกลุ่มผู้นำ เนื่องจากอุปกรณ์ IPS ของทิปปิงพอยท์ สามารถป้องกันการโจมตีจากอินเทอร์เน็ต ทั้งภายในและภายนอก รวมไปถึงคุณภาพของทีมวิจัยความปลอดภัยในหน่วยงานที่ได้มาตรฐาน
มร.โรหิต ธามานการ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยระบบรักษาความปลอดภัย DVLabs ทิปปิงพอยท์ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับทีมวิจัย DVLabs ว่าหน่วยงานดังกล่าวถูกตั้งขึ้นมาเพื่อควบคุมระบบรักษาความปลอดภัยที่อยู่เบื้องหลังผลิตภัณฑ์ IPS ของทิปปิงพอยท์ โดยประกอบด้วยนักวิจัยด้านความปลอดภัยจากทั่วโลกกว่า 30 คน ปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งถ้ามีการตรวจพบปัญหาจะสามารถแก้ไขได้ภายใน 4 - 6 ชั่วโมง
"นอกจาก DVLabs แล้วทางทิปปิงพอยท์ยังได้มีการจัดโครงการ Zero Day Initiative (ZDI) ที่ให้รางวัลแก่นักวิจัยทั่วโลกที่ค้นพบช่องโหว่ในระบบ โดยปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโครงการเกือบ 1,000 ราย เพื่อช่วย DVLabs ในการตรวจสอบระบบเครือข่ายต่างๆ ดังนั้นเชื่อได้ว่าการทำงานของ DVLabs ในปัจจุบันยากที่จะหาคู่แข่งที่สามารถรักษาความปลอดภัยได้อย่างครอบคลุมและรวดเร็ว"
ที่มา: manager.co.th
