เอเซอร์ศึกษาแนวโน้มตลาดผู้บริโภคต้องการโน้ตบุ๊กคุณภาพ ที่สำคัญต้องบางและเบา จับมือ อินเทล เปิดตัว เอเซอร์ แอสไปร์ ไทม์ไลน์ ชูจุดขายแบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องกว่า 8 ชั่วโมง มาพร้อมเทคโนโลยีอินเทลซีพียูที่ประหยัดพลังงานสูงสุดด้วยโซลูชัน อินเทล คอร์ 2 ดูโอ โปรเซสเซอร์ อัลตร้า โลว์ โวลเทจ ตั้งเป้าทำตลาดเดือนละ 1 หมื่นเครื่อง
นายอลัน เจียง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ กล่าวว่า จากการเปิดตัว “เอเซอร์ แอสไปร์ ไทม์ไลน์” ในครั้งนี้ทำให้เอเซอร์เป็นรายแรกที่นำเสนอโน้ตบุ๊กที่สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้นานต่อเนื่องกว่า 8 ชั่วโมง ลดการใช้พลังงานลง และเพิ่มอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ถึง 40% ทั้งยังเป็นการพลิกประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของเอเซอร์อีกครั้งหนึ่งในเรื่องของนวัตกรรมและดีไซน์
“ทุกวันนี้ผู้บริโภคไปนิยามโน้ตบุ๊กไว้ว่าต้องมีอิสระเสรีกับจินตนาการของการใช้งานไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ เทคโนโลยี คุณภาพของผลิตภัณฑ์ ที่สำคัญต้องไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในการใช้งาน ผู้ที่ต้องการเป็นผู้นำตลาดที่แท้จริงจึงต้องตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเหล่านี้ให้ได้”
นายอลันกล่าวว่า ให้ความสำคัญกับทางรูปลักษณ์ภายนอกของตัวผลิตภัณฑ์รวมถึงนวัตกรรมและฟีเจอร์ต่างๆ เต็มรูปแบบ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องในการใช้งานของกลุ่มลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม ผู้นำทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้งานที่ให้ความสนใจอย่างยิ่งในเรื่องของเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่มองว่าเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น
นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเปิดตัวแอสไปร์ ไทม์ไลน์ในวันนี้ นับเป็นครั้งแรกของการแนะนำ อินเทล คอร์ 2 ดูโอ โปรเซสเซอร์ อัลตรา โลว์ โวลเทจ โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุดของอินเทลออกสู่ตลาดในประเทศไทย โดยชูจุดเด่นด้านประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงาน
สำหรับโน้ตบุ๊กซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์บางเฉียบ ตลอดจนอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานยิ่งขึ้น จะช่วยตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในปัจจุบัน ในด้านความคล่องตัวและการพกพาสะดวกมากขึ้น จากการที่อินเทลสามารถพัฒนาโปรเซสเซอร์รุ่นนี้ให้มีขนาดเล็กลง 58 % ทำให้โน้ตบุ๊กที่ใช้โปรเซสเซอร์รุ่นนี้อย่าง แอสไปร์ ไทม์ไลน์ สามารถออกแบบให้มีขนาดบางและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ประกอบกับอินเทล ลามินาร์ วอลล์ เจต (Intel Laminar Wall Jet) เทคโนโลยีล่าสุดที่ช่วยลดความร้อนของคอมพิวเตอร์ ยังช่วยแต่งเติมลูกเล่นในเรื่องของการดีไซน์ให้เก๋ไก๋และทันสมัยได้มากขึ้น
“ก่อนหน้านี้ โปรเซสเซอร์ อัลตรา โลว์ โวลเทจ โปรเซสเซอร์ จะอยู่ในเครื่องรุ่นไฮเอนด์แต่ปัจจุบันเราร่วมมือกับอินเทลสามารถนำมาใส่ไว้ในเครื่องรุ่นที่เป็นแมส ผู้บริโภคทั่วๆไปสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบจากอดีต”
นายบุญชัย เงาวิศิษฎ์กุล รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ เอเซอร์ กล่าวว่า เอเซอร์ศึกษาเทรนความต้องการของผู้ใช้ในตลาดพบว่า 1. ต้องการโน้ตบุ๊กที่สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน 2. เป็นโน้ตบุ๊กที่มีความบาง และเบา อันเนื่องจากเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการใช้งานโน้ตบุ๊กมาบ้างแล้ว 3.ตอบสนองการใช้งานแบบสื่อสารไร้สายโดยเฉพาะแนวโน้มใหม่ๆอย่างเทคโนโลยี 3G 4. ตัวเครื่องมีอุณหภูมิน้อยลง ไม่ร้อนขณะใช้งาน และ 5. ประสิทธิภาพการใช้งานดี รวมถึง 6. ตอบโจทย์เรื่องโมบิลิตี โดยเฉพาะในเรื่องน้ำหนักเบา ใช้งานได้นานต่อเนื่อง
จากการศึกษาความต้องการเหล่านี้ทำให้เอเซอร์ พัฒนา “แอสไปร์ ไทม์ไลน์”ลงตลาดโดยชูจุดขายเรื่อง แบตเตอรี่สามารถรองรับใช้งานได้นานติดต่อกันกว่า 8 ชั่วโมงในกรณีใช้งานจริงต่อเนื่อง และใช้งานได้เกือบ 13 ชั่วโมงเมื่อรวมโหลดสแตนบายด้วย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยระบบระบายความร้อน และเทคโนโลยี Acer Power Smart Adapter ที่จะคอยควบคุมโน้ตบุ๊กของคุณให้มีพลังงานมากขึ้น ทำให้การทำงานของอแดปเตอร์กินไฟน้อยกว่าถึง 66 %
เอเซอร์ แอสไปร์ ไทม์ไลน์ เด่นด้วยดีไซน์ใหม่ที่มีฝาปิดทำจากวัสดุพิเศษ อะลูมินัม ที่แข็งแรง น้ำหนักเบา และหน้าจอบางเฉียบเพียง 24 มิลลิเมตร ตัวเครื่องเป็นสีเทาแมตทาลิก ดูเรียบหรู มีสไตล์ เปิดตัวทำตลาดในประเทศไทยรวม 11รุ่น หน้า13.3 นิ้ว มีน้ำหนักเพียง 1.6 กิโลกรัม และขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว หนักเพียง 1.9 กิโลกรัม มาพร้อมกับเทคโนโลยีอินเทลซีพียู Consumer Ultra Low Voltage (CULV) ซึ่งกินไฟน้อยและช่วยประหยัดพลังงาน, เทคโนโลยีสุดล้ำ Intel Laminar Wall Jet ช่วยลดอุณหภูมิบริเวณตัวเครื่องของโน้ตบุ๊ก 2-8 องศาทำให้ผู้ใช้ไมรู้สึกร้อนเมื่อวางบนตัก, เทคโนโลยี Acer CineCrystalที่ให้ภาพสว่างคมชัดสมจริง หน้าจอแบบ LED
ผู้บริหารเอเซอร์กล่าวว่า จะทำตลาด “แอสไปร์ ไทม์ไลน์” เริ่มต้นที่ 22,900 – 56,900 บาท ตั้งเป้าทำตลาดเดือนละ 1 หมื่นเครื่อง จับกลุ่มคนที่ใช้โน้ตบุ๊กเป็นเครื่องที่ 2 หรือคนที่มีประสบการณ์ในการใช้งานโน้ตบุ๊กมาแล้ว และกำลังมองหาโน้ตบุ๊กตัวใหม่ที่มีประสิทธิภาพการใช้งานดี ที่สำคัญ เบาและบาง
ส่วนภาพรวมตลาดโน้ตบุ๊กในปัจจุบันมองว่าประเทศไทยน่าจะผ่านจุดต่ำสุดของตลาดมาแล้ว เห็นได้จากไตรมาสแรกภาพรวมตลาดออกมาดีขึ้น ไตรมาส2-3-4ก็น่าจะดีขึ้นด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตลาดรวมจะมีการเติบโตได้เท่าปีก่อนๆ จากตลาดรวมที่เคยเติบโตประมาณ 10% ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5% ในส่วนเอเซอร์ที่เคยเติบโตประมาณ 30-40% มาปีนี้คาดว่าน่าจะเติบโตได้มากกว่าตลาดที่คาดไว้ที่ 5%
“ในเรื่องของการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีในโน้ตบุ๊กเหมือนมีการหยุดในเรื่องนี้มาพักหนึ่งแล้ว ขณะนี้ทุกรายกำลังหันมามองเรื่องการเข้าถึงการใช้งานของผู้บริโภคมากกว่า เช่นในเรื่อง ขนาด น้ำหนัก บางและเบา เป็นต้น”
ที่มา: manager.co.th