พีซีอินเตอร์แบรนด์ จุดพลุเทรนด์ใหม่ดึงเทคโนฯ ระดับสูงลงตลาดรีเทล หลังแนวโน้มคอนซูเมอร์ยังโตต่อเนื่อง-ตลาดเปลี่ยนเครื่องมาแรง
นายบุญชัย เงาวิศิษฐ์กุล รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทเปิดตัวโน้ตบุ๊คไลน์ใหม่ "แอสไปร์ ไทม์ไลน์" ใช้ซีพียูรุ่นล่าสุดอินเทล คอนซูเมอร์ อัลตรา โลว์ โวลเทจ (ซียูแอลวี) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีประหยัดไฟระดับสูงที่นิยมใช้กันในกลุ่มไฮเอ็นด์ เนื่องจากราคาค่อนข้างสูง แต่ซีพียูรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาใหม่ ราคาต่ำลง แต่ยังคงความสามารถการประหยัดพลังงานขั้นสูง
เขาระบุว่า ด้วยเทคโนโลยีนี้ บริษัทสามารถทำตลาดโน้ตบุ๊คเมนสตรีมที่ใช้แบตเตอรี่ได้นานต่อเนื่องกว่า 8 ชั่วโมง และดีไซน์ตัวเครื่องได้เบาและบางลง ในราคาที่จับต้องได้ 22,900-56,900 บาท เริ่มต้นจะวางตลาด 11 รุ่น ครอบคลุมระดับล่างถึงบน ตั้งแต่เดือน มิ.ย.นี้
"ไทม์ไลน์จะเป็นไลน์ใหม่ที่เข้ามาเสริมอยู่ตรงกลางระหว่างเอเซอร์กลุ่มเน็ตบุ๊ค และแอสไปร์ วัน ซึ่งจะไม่ได้ทับไลน์กับตลาดไหน แต่เชื่อว่า กลุ่มที่จะสนใจคือ ตลาดผู้ใช้เครื่องที่ 2 เพราะผลสำรวจของเราพบว่า สเปคเครื่องที่คนกลุ่มนี้จะมองคือ การใช้งานโมบิลิตี้ได้จริงแค่ไหน ขณะที่ตลาดเปลี่ยนเครื่องก็เริ่มแรงขึ้น สัดส่วนไม่ต่ำกว่า 30% ของตลาดรวม"
นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซีพียูนี้ผลิตโดยสถาปัตยกรรมใหม่ 45 นาโนเมตร ซึ่งใช้พื้นที่ผิวซิลิคอนเล็กลง ช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้น ทั้งทำราคาซีพียูได้ต่ำลงจากที่เคยอยู่หลัก 1,500-2,500 ดอลลาร์ เหลือ 499 ดอลลาร์ขึ้นไป
เขาประเมินด้วยว่า ช่วงนี้คอนซูเมอร์ยังเป็นตลาดหลักที่ผู้เล่นทุกรายให้ความสนใจ คาดว่าตลาดไทยจะเริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นช่วงไตรมาส 3-4 เพราะตั้งแต่ต้นปีเริ่มมีอัตราการสั่งซื้อสินค้าที่ดีมาต่อเนื่อง และราคาสินค้าก็เริ่มต่ำลง
นายปวิณ วรพฤกษ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์และการตลาด กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันแนล ซิสเต็มส์ (พีเอสจี) บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอชพีเริ่มขยายไลน์สินค้ากลุ่มเวิร์คสเตชั่นเข้าไปตลาดรีเทลมากขึ้น โดยล่าสุดเปิดตัวเวิร์คสเตชั่น "แซด ซีรีส์" ซึ่งจะมีรุ่นสำหรับผู้ใช้ทั่วไปด้วย ราคาเริ่มต้น 63,900 บาท
ทั้งนี้เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของเวิร์คสเตชั่นยังคงสูงกว่าตลาดพีซีโดยรวม เฉลี่ย 50% ขณะที่พีซีอัตราการเติบโตลดเหลือ 1-5%
"เราเริ่มมีสินค้าเข้าไปวางในงานไอทีใหญ่ๆ ที่เป็นงานคอนซูเมอร์ เพราะเชื่อว่า เอสเอ็มอีในไทยเยอะ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ซื้อสินค้าไอทีในรูปแบบองค์กร แต่จะเลือกไปเดินดูเองตามงานต่างๆ มากกว่า ซึ่งเราก็เริ่มเอาเวิร์คสตเชั่นไปวางงานคอมมาร์ตบ้างแล้ว และราคาจากที่เคยอยู่ในหลักแสน แต่ลงมาหลักหมื่น ซึ่งจากนี้คงเพิ่มโมเดลที่จะทำตลาดมากขึ้น"
เขาระบุว่า เนื่องจากผู้เล่นในตลาดเดียวกันมีเพียง 3-4 ราย ปีนี้บริษัทจึงยังตั้งเป้าเติบโตมากกว่า 150% จากปัจจุบันเป็นอันดับ 1 ของตลาดเวิร์คสเตชั่น สัดส่วน 53%
ที่มา: bangkokbiznews.com