ไมโครซอฟท์ แอดเวอร์ไทซิ่ง ร่วมกับซินโนเวท แพ็คซ์ บริษัทวิจัยการตลาดสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภคของผู้บริโภคว่ามีพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตในการซื้อ และหาข้อมูลสินค้าอย่างไร รวมไปถึงวิเคราะห์บทบาทของโฆษณาในอินเทอร์เน็ต
นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการธุรกิจออนไลน์ ไมโครซอฟท์ แอดเวอร์ไทซิ่ง กล่าวว่า การสำรวจดังกล่าวทำผ่านแบบสอบถามผู้ใช้งานเว็บไซต์ MSN และผู้ใช้บริการวินโดวส์ไลฟ์ จาก 11 ประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีผู้ร่วมตอบแบบสอบถามรวม 1,238 ราย ซึ่ง 58% ของผู้ตอบแบบสอบถามอายุ 15 - 34 ปี 69% ของผู้ตอบแบบสอบถามเป็นผู้ทำงาน และ 21% มีรายได้ต่อครัวเรือนปีละกว่า 600,000 บาท โดยแบ่งเป็นผู้ชาย 48% และผู้หญิง 52%
ผลสำรวจพบว่าผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่สำรวจ 85% มีหน้าที่ในการจับจ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคสำหรับครอบครัว ซึ่ง 51% มีหน้าที่ต้องจับจ่ายเป็นประจำ และอีก 34% มีหน้าที่จับจ่ายเป็นครั้งคราว โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ อาหารและเครื่องดื่ม มากกว่ากลุ่มเครื่องสำอางและประทินโฉม
"ถ้าเจาะจงในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพนั้น มีข้อมูลระบุว่าผู้บริโภค 39% ใช้อินเทอร์เน็ตในการหาข้อมูลสินค้า 21% สั่งซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต และ 24% มีการวางแผนว่าจะซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งสอดคล้องไปกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ที่ให้ความสำคัญในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ 49% รองลงมาคือวิธีการทำอาหาร 41% และข้อมูลเกี่ยวกับอาหารเสริมต่างๆ 37%"
ในแง่ของโฆษณาพบว่า 56% เห็นด้วยว่าการโฆษณาแบบอินเตอร์แอกทีฟทางอินเทอร์เน็ตมีความน่าสนใจมากกว่าโฆษณาแบบอื่นๆ 42% เห็นว่าการโฆษณาทางอินเทอร์เน็ตมีผลต่อการตัดสินใจซื้อแบรนด์สินค้า และ 41% มักอ้างอิงข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตก่อนที่จะจับจ่ายซื้อสินค้า
"ปัจจัยสำคัญที่สุดในการตัดสินใจซื้อสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภค ผู้ตอบแบบสำรวจ 86% คำนึงถึงคุณภาพเป็นหลัก ตามมาด้วยราคาสินค้า 84% และแบรนด์สินค้า 80% ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยหลักๆในการตัดสินใจ"
อย่างไรก็ตาม หลายๆ บริษัทในกลุ่มสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภค (FMCG) ยังคงให้ความสนใจการโฆษณาทางโทรทัศน์มากกว่าสื่ออินเทอร์เน็ต เพราะปัจจุบัน การโฆษณาบนอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ประมาณ 1% กว่าๆ เท่านั้น ดังนั้นการขยายตลาดเกี่ยวกับโฆษณาบนสื่อออนไลน์จึงยังเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร
ในส่วนของพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย 71% จะใช้สำหรับรับข้อมูลข่าวสารปัจจุบันเป็นหลัก รองลงมา 67% ใช้ค้นหาและฟังเพลง และ 61% ใช้สำหรับติดตามข่าวบันเทิง นอกจากนี้กิจกรรมที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตนิยมได้แก่ 56% สำหรับดูและอัปโหลดคลิปวิดีโอ 44% ดาวน์โหลดเพลง และ 37% เล่นเกมออนไลน์
สำหรับเว็บไซต์ MSN และ วินโดวส์ไลฟ์ ในปัจจุบันจะมีการลงโฆษณาที่ได้รับความนิยมหลักๆอยู่ 4 ประเภทได้แก่กลุ่ม FMCG กลุ่มการสื่อสาร ธุรกิจการเงิน และ เทคโนโลยี ซึ่งปัจจุบันเฉพาะกลุ่ม FMCG จะหันมาใช้โฆษณาบนอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ร่วมกับการส่งเสริมการขายต่างๆ นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าโฆษณาบนอินเทอร์เน็ตในปีนี้จะมีอัตราเติบโตมากกว่า 20%
ที่มา: manager.co.th