พ.ต.อ.ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามและการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.)
ปอศ.ปรับแนวทางปราบซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ จากเหวี่ยงแหเป็นพุ่งเป้าธุรกิจโรงงาน ออกแบบ สถาปนิก และก่อสร้างเป็นพิเศษ หลังพบมีสถิติการละเมิดถึง 70% ของมูลค่าการละเมิด 472 ล้านบาทในปี 53
พ.ต.อ.ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามและการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กล่าวว่าการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ถือว่ามีบทบาทต่อความมั่นคงของประเทศ ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ทำให้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปอศ.จึงมีการปรับทิศทางการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ไปจากเดิมโดยพุ่งเป้าไปที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์สูง เช่น โรงงานผลิตสินค้า ธุรกิจทางด้านการออกแบบ สถาปนิก และธุรกิจก่อสร้าง
'ปอศ.เตรียมที่จะปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์อย่างเต็มที่โดยตั้งใจที่ดำเนินการให้ได้ 100% ตามที่เจ้าของลิขสิทธิ์ร้องเรียนเข้ามา'
ในปีนี้ปอศ.จะดำเนินการจับกุมอย่างจริงจัง โดยจะเน้นกลุ่มธุรกิจดังกล่าวหลังจากที่ส่งหนังสือเตือนให้ดำเนินการตรวจสอบการใช้ซอฟต์แวร์ภายในองค์กร เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์มาตั้งแต่เดือนพ.ย. 2553 ซึ่งรัฐบาลมีแผนที่จะผลักดันและบังคับใช้กฎหมายเพื่อคุ้มครองทรัพยสินทางปัญญาอันเป็นองค์ประกอบสำคัญของเศรษฐกิจไทยอีกด้วย
จากการวิเคราะห์ข้อมูลการตรวจค้นการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในปี 2553 พบว่า โรงงานผลิตสินค้ามีการละเมิดมาเป็นอันดับต้นๆ 38% ตามมาด้วยธุรกิจก่อสร้าง 17% ธุรกิจการออกแบบ 15% ธุรกิจการขาย 7% ซอฟต์แวร์ที่มีการละเมิดส่วนใหญ่เป็นซอฟต์แวร์ทางด้านการออกแบบ อาทิ ออโต้แคด ออโต้เดสก์ ไมโครซอฟท์แวร์ออฟฟิศ และยังมีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์แปลภาษาของคนไทยที่มีถึง 95% ของการตรวจค้น
สำหรับในปี 2553 ปอศ.ได้ดำเนินการตรวจค้นและจับกุมคดีละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ไปทั้งหมด 210 คดี โดยเข้าตรวจค้นโรงงานผลิตสินค้าเกือบ 50 แห่ง มีการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ 38% ของการตรวจค้น และได้มีการตรวจค้นบริษัททางด้านการออกแบบและสถาปนิกเกือบ 40 แห่ง เนื่องจากไทยมีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก แต่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์กันค่อนข้างน้อย จึงให้เกิดการละเมิดลิขสิทธ์เกิดขึ้นสูงมาก
ทั้งนี้เมื่อคำนวณถึงมูลค่าการละเมิดแล้วพบว่า โรงงานผลิตสินค้ามีการละเมิดถึง 179 ล้านบาท ตามมาด้วยธุรกิจก่อสร้าง 80 ล้านบาท ธุรกิจด้านการออกแบบ 70 ล้านบาท รวมมูลค่าการละเมิดที่จับกุมได้ในปี 2553 ตกประมาณ 472 ล้านบาท ส่วน 2 เดือนแรกของปี 54ปอศ.ได้เข้าดำเนินการตรวจค้นไปแล้ว 25 คดี
'ปอศ.อยากจะเตือนไปยังผู้ประกอบการที่ขายสินค้าและบริการผ่านเทเลเซลล์หรือคอลล์เซ็นเตอร์ให้ระมัดระวังการใช้ข้อมูลที่ได้จากอินเทอร์เน็ต ซึ่งปอศ.ได้จับกุมกลุ่มมิจฉาชีพที่นำข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมาขายให้กับผู้ประกอบการดังกล่าว โดยกำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ปี'
Company Relate Link :
ปอศ.
ที่มา: manager.co.th
