Author Topic: ใช้ "มือถือ-คอมพ์"ก่อนนอน นักวิจัยพบเสี่ยงหลับไม่พอ  (Read 1196 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46027
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


      ตอกย้ำผลการสำรวจก่อนหน้านี้ที่ชี้ว่า แสงไฟจากหน้าจออุปกรณ์ไอทีทั้งคอมพิวเตอร์โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ตอาจมีผลต่อสุขภาพของผู้ใช้งาน ล่าสุดทีมนักวิจัยอเมริกันเผยผลสำรวจล่าสุด พบชาวอเมริกันส่วนใหญ่ที่มีปัญหาการนอนหลับล้วนมีกิจวัตรคือการใช้อุปกรณ์ไอทีเหล่านี้ในช่วงเวลาก่อนเข้านอนเป็นประจำ เชื่อการสำรวจนี้ช่วยจุดประกายให้ประชาชนในชาติเห็นความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมออนไลน์ เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพระดับชาติที่อาจตามมา
       
       มูลนิธิ National Sleep Foundation ของสหรัฐฯเปิดเผยผลการสำรวจล่าสุดที่พบว่าอเมริกันชนส่วนใหญ่มีปัญหาการนอนหลับ โดย 43% ของกลุ่มตัวอย่างระบุว่ามีปัญหานอนไม่หลับอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ขณะที่ 60% ระบุว่ามีปัญหาเช่น ตื่นนอนเร็ว นอนกรน และรู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอนทุกวัน โดยมูลนิธิมั่นใจว่าสาเหตุของปัญหาการนอนหลับนอกจากจะมาจากปัญหาชีวิต ครอบครัว และงานที่รัดตัว สาเหตุหนึ่งยังมาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
       
       ดร. ชาร์ลส์ ไซสเลอร์ ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยการแพทย์ฮาร์วาร์ด ให้สัมภาษณ์ว่าการศึกษากลุ่มตัวอย่าง 1,508 คนซึ่งมีอายุช่วง 13 ถึง 64 ปีพบว่าส่วนใหญ่มีการใช้งานอุปกรณ์ที่มีหน้าจอเรืองแสงอย่างจริงจังในช่วงเวลาก่อนเข้านอน จึงสามารถสรุปได้ว่าผู้ใช้สินค้าเทคโนโลยีก่อนเข้านอนเป็นกิจวัตรมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผู้ใช้รายนั้นได้รับการพักผ่อนน้อยกว่าที่ควร
       
       การศึกษาพบว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่อ่านหนังสือก่อนนอนอย่างเคย แต่กลับใช้เวลาไปกับโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และวิดีโอเกม โดยการสำรวจพบว่ากลุ่มตัวอย่างมากกว่า 95% ใช้อุปกรณ์ทั้งหมดนี้อย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดย 6 ใน 10 ระบุว่าใช้คอมพิวเตอร์เป็นบางวัน แต่มากกว่าครึ่งหนึ่งในกลุ่มผู้ใช้วัยรุ่นถึงอายุ 30 ปี ระบุว่าใช้งานเกือบทุกวัน
       
       นอกจากนี้ ราว 1 ใน 10 ของวัยรุ่นยอมรับว่าถูกปลุกให้ตื่นทุกค่ำคืนเพราะเสียงโทรศัพท์ ซึ่งทำให้ต้องคุยโทรศัพท์ ส่งอีเมล หรือส่งข้อความตอบกลับ ขณะที่ 1 ใน 5 ระบุว่าถูกปลุกเพราะโทรศัพท์มือถือราว 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
       
       การสำรวจที่เกิดขึ้นถือเป็นการจุดประกายให้อเมริกันชนรับรู้ปัญหาที่อาจตามมาจากการใช้งานเทคโนโลยีอย่างไม่เหมาะสม โดยนักวิจัยล้วนเรียกร้องให้ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ปรับพฤติกรรมส่วนตัว เพื่อป้องกันปัญหาด้านสุขภาพที่มีความเสี่ยงเกิดขึ้นหากนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
       
       จุดสำคัญที่นักวิจัยอเมริกันเรียกร้อง คือพฤติกรรมการใช้งานแบล็กเบอร์รีของวัยรุ่น โดยระบุว่าวัยรุ่น (อายุ 13-18 ปี) ราว 1 ใน 10 ไม่ยอมปิดเครื่องจึงทำให้วัยรุ่นกลุ่มนี้ถูกบีบีเบียดบังเวลานอนหลับทุกวัน การสำรวจพบว่าอุปกรณ์ไอทีมีผลให้เวลาการนอนหลับเฉลี่ยในวัยรุ่นอเมริกันลดลงเหลือ 7 ชั่วโมง 26 นาที จากเดิมที่นักวิชาการแนะนำให้วัยรุ่นพักผ่อน 9 ชั่วโมง 15 นาที
       
       ไซสเลอร์มองตัวเลขที่เกิดขึ้นว่า วัยรุ่นยุคไอทีมีเวลานอนหลับน้อยกว่าวัยรุ่นยุคก่อนราว 2 ชั่วโมง ซึ่งแปลว่าตลอดทั้งเดือน เวลานอนหลับของวัยรุ่นยุคปัจจุบันจะหายไปมากกว่า 50 ชั่วโมง สิ่งที่เกิดขึ้นคือความเสี่ยงในการเกิดปัญหาด้านการงาน อารมณ์ ครอบครัว การขับขี่ พฤติกรรมทางเพศ และสุขภาพ ซึ่งอาจจะตามมาในสังคมอเมริกันในอนาคต
       
       งานวิจัยนี้ถือเป็นการตอกย้ำผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Clinical Endocrinology & Metabolism ในเดือนมกราคมซึ่งพบว่าการมองแสงไฟในเวลากลางคืนจะนำไปสู่ภาวะความดันเลือดสูง ขณะที่ทีมวิจัยมหาวิทยาลัย University of Haifa พบว่าแสงไฟในเวลากลางคืนมีความเกี่ยวพันกับสาเหตุการเกิดมะเร็งด้วย

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
5335 Views
Last post March 03, 2009, 06:05:12 PM
by Reporter
0 Replies
6175 Views
Last post June 10, 2010, 02:08:06 PM
by Nick
0 Replies
5574 Views
Last post October 21, 2010, 05:59:35 PM
by Nick
0 Replies
4882 Views
Last post October 21, 2010, 10:23:15 PM
by Nick
0 Replies
7141 Views
Last post October 23, 2010, 12:51:34 PM
by Nick
0 Replies
5203 Views
Last post December 22, 2010, 09:47:59 PM
by Nick
0 Replies
3283 Views
Last post January 11, 2011, 01:45:43 PM
by Nick
0 Replies
6748 Views
Last post January 13, 2011, 04:29:26 PM
by Nick
0 Replies
4633 Views
Last post February 27, 2011, 11:13:31 PM
by Nick
0 Replies
6047 Views
Last post March 11, 2011, 04:59:35 PM
by Nick