แคนนอนตั้งเป้าปีนี้โต 20% หรือมีรายได้ 9,320 ล้านบาท พร้อมทุ่มงบการตลาด 1,000 ล้านบาท ตั้งเป้าขึ้นเบอร์หนึ่งตลาดกล้องดิจิตอล พรินเตอร์และเครื่องถ่ายเอกสาร ส่วนปี 2555 คาดรายได้ทะลุหมื่นล้านบาท
นายวาตารุ นิชิโอกะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ไว้ที่ 9,320 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 20% โดยจะมีรายได้มาจากกลุ่มธุรกิจกล้องดิจิตอลและวิดีโอ 5,070 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจด้านพรินเตอร์ 2,990 ล้านบาท และกลุ่มเครื่องถ่ายเอกสาร 1,240 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายที่จะครองความเป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเตรียมงบการตลาดสำหรับปีนี้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาทหรือประมาณ 15% ของรายได้รวม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ บริษัทมีแผนดำเนินการทั้งทางด้านผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงช่องทางใหม่ๆ เพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะผลักดันให้แคนนอนสามารถมีรายได้ถึง11,200 ล้านบาทในปี 2555
ปีที่ผ่านมา แคนนอนมีผลประกอบการเติบโตขึ้น 13% หรือคิดเป็นรายได้ 7,760 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มกล้องดิจิตอล-กล้องวีดีโอ และคอมแพกต์ 3,980 ล้านบาท กลุ่มพรินเตอร์ 2,620 ล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องถ่ายเอกสาร 1,100 ล้านบาท
นายนิชิโอกะ กล่าวถึงแผนการตลาดในปี 2554 ว่า หากพิจารณาในแต่ละกลุ่มสินค้านั้น กลุ่มพรินเตอร์มีแผนจะแนะนำอิงก์เจ็ตพรินเตอร์ 32 รุ่น และเลเซอร์ พรินเตอร์ 34 รุ่น ออกสู่ตลาดเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดทั้งซิงเกิลฟังก์ชัน และมัลติฟังก์ชันพรินเตอร์ขึ้นอีก 20% หลังเป็นผู้นำในตลาดพรินเตอร์แบบอิงก์เจ็ตติดต่อกันเป็นปีที่ 10 ด้วยส่วนแบ่งการตลาดซิงเกิลฟังก์ชันอิงก์เจ็ต 54 % แและ 46 % ในด้านออลอินวันมัลติฟังก์ชั่นพรินเตอร์ 46%
ในกลุ่มกล้องดิจิตอลและวิดีโอ มีแผนที่จะเปิดตัวกล้องดีเอสแอลอาร์อีก 2 รุ่น กล้องดิจิตอล 9 รุ่น กล้องวิดีโอ 8 รุ่น และกล้องวิดีโอดิจิตอลระดับมืออาชีพ 1 รุ่น เฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก โดยตั้งเป้ายอดขายกล้องดิจิตอล 1.351 ล้านยูนิต กล้องดีเอสแอลอาร์ 1 แสนยูนิต และกล้องวิดีโอดิจิตอล 6.7 หมื่นยูนิต
'ในปีที่ผ่านมา แคนนอนได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดดีเอสแอลอาร์เต็มตัวด้วยส่วนแบ่งตลาด 66%'
ขณะที่แผนกบิซิเนส อิมเมจจิ้ง โซลูชั่น มีแผนจะเปิดตัวเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชั่น 3 รุ่นในปีนี้ โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ 8.8% หรือคิดเป็นรายได้ 1,250 ล้านบาท สานต่อความเป็นผู้นำตลาดเครื่องถ่ายเอกสารดิจิตอลต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 23% ความเป็นผู้นำตลาดเครื่องถ่ายเอกสารดิจิตอลต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 19.1% ลดลง 1% จากปี 2552 แต่ก็ยังคงเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดอยู่
อีกกลยุทธ์หนึ่งที่แคนนอนมองว่า จะสามารถขยายยอดรายได้เพิ่มขึ้น ก็คือ การขยายช่องทางจำหน่ายสินค้า สร้างทีมขายที่เข้มแข็ง และสร้างบริการที่มีคุณค่าเพิ่ม โดยการเพิ่มศูนย์บริการ แคนนอน คอนเซ็ปต์ สโตร์ ออกไปตามหัวเมืองต่างๆ จาก 4 สาขาในปัจจุบัน เป็น 8 สาขาภายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้แน่นอน
นอกจากนี้ บริษัทได้ลงทุนขยายกำลังการผลิตพรินเตอร์ในไทยเป็นแห่งที่ 2 ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจะผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตพรินเตอร์ของแคนนอนทั่วโลก โดยจะเริ่มผลิตสินค้าได้ประมาณเดือนพ.ย.นี้
Company Relate Link :
Canon
ที่มา: manager.co.th