“นาเดีย” ควง “ม.ล.อภิมงคล” ออกงาน เปิดใจคบกันมาพักใหญ่ หลังรู้จักกันมาเป็น 10 ปี ยอมรับ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่คบหนุ่มแล้วถูกจับตามองขนาดนี้ เลยทำตัวไม่ถูก บอก ตอนนี้สุดแฮปปี้ความรักราบรื่น ต่างฝ่ายต่างพาไปแนะนำให้ครอบครัวรู้จักแล้ว แย้ม อยากแต่งงานแต่ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต
กลายเป็นคู่ที่ถูกจับตามองอย่างมากเลยทีเดียว สำหรับรักครั้งใหม่ของพิธีกรสาว “นาเดีย นิมิตรวานิช” ที่ออกมายอมรับว่ากำลังศึกษาดูใจอยู่กับ “ม.ล.อภิมงคล โสณกุล” เจ้าของฉายา “หล่อจิ๋ว” แห่งพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งล่าสุดทั้งคู่ได้ควงกันมาร่วมงานเปิดตัวร้าน SECOND FLOOR, Multi-label Store ที่ PARK LANE เอกมัย แต่พอเดินเข้างานเจอบรรดาสื่อมวลชนกลุ่มใหญ่ ก็ทำเอาทั้งคู่รีบผละจากการโดยอัตโนมัติ โดยที่ไม่ได้หยุดให้ถ่ายภาพคู่หรือสัมภาษณ์แต่อย่างใด
แต่สุดท้ายก็ไม่วายโดนถ่ายภาพคู่แบบไม่ทันตั้งตัวจนได้ ซึ่งหลังจากนั้นสาว “นาเดีย” ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เพียงคนเดียว โดยเผยว่า ไม่ได้ตั้งจะควงมาเปิดตัว แต่ที่ผละออกจากกันเป็นเพราะเขินและงง เพราะยังไม่ชินกับการโดนจับตามองขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร
“จริงๆ นี่เป็นร้านของเพื่อนรุ่นน้องค่ะ ตอนแรกก็คุยกันอยู่ว่าจะมาหรือไม่มา ตอนแรกเรานึกว่าเราน่าจะมาช้าแล้วล่ะ แต่พอมาแล้วเห็นคนเยอะมาก ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้ ก็ตกใจอยู่ ที่เห็นแยกกันก็เพราะต่างคนต่างไม่ชิน งงๆ เกร็งๆ นะคะ ทั้งคู่แหละ เดียเองก็ไม่ค่อยชินกับสถานการณ์อย่างนี้เท่าไหร่”
“ถ้าให้สัมภาษณ์คู่คงไม่ดีกว่ามั้งคะ(หัวเราะ) เรื่อยๆ ดีกว่าค่ะ แค่นี้ยังงงๆ อยู่เลย แต่ก็ไม่ถึงกับเลี่ยงหรอก ไม่ได้อะไรขนาดนั้น เพราะก็ไม่รู้อนาคตนะ แต่อยู่ปกติก็ดีแล้วค่ะ แต่เขาน่าจะเขินกว่าเดียนะ คือไม่ชินจริงๆ เพราะคนเยอะเกินกว่าที่คิดเยอะมาก น้องเขาก็บอกว่าร้านเล็กๆ งานเล็กๆ ช่วยมาหน่อย นี่เล็กยังไงเนี่ย คนเยอะมากก็เลยตกใจนิดนึง แต่ถ้าจะมีออกงานด้วยกันจริงๆ ก็คงเป็นตามงานแต่งเพื่อน ก็คงเป็นตามกาลเทศะมากกว่าค่ะ แต่คงไม่ใช่ตามงานต่างๆ คงไม่ขนาดนั้น”
เผย ตอนนี้หัวใจสุดแฮปปี้ เพราะอายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว แถมเข้ากับครอบครัวทั้งสองฝ่ายกันได้ดี แต่บอกไม่รีบร้อนเรื่องอนาคต ขอดูไปเรื่อยๆ เพราะเพิ่งเริ่มศึกษากันได้แค่ไม่กี่เดือน
“หัวใจตอนนี้ก็ดีค่ะ อายุก็ไม่น้อยแล้วนะ มีบ้างก็ได้ แต่อนาคตจะยังไงยังไม่รู้ คือเราเป็นเพื่อนกันมาเกือบ 10 ปีแล้วค่ะ รู้จักกันมานานมากแล้ว เรามีเพื่อนสนิทคนเดียวกัน ฉะนั้นเราก็เริ่มจากการเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่ที่เพิ่งมาเริ่มเปลี่ยนสถานะก็เพิ่งไม่นานค่ะ ไม่กี่เดือนเอง มันเป็นช่วงที่ต่างคนต่างก็ว่างพอดีมั้งคะ ที่รู้สึกถึงคลิก ก็ไม่รู้สิ อาจจะมองไปแล้วไม่เห็นใครมั้ง(หัวเราะ) คือมันมาจากพื้นฐานของความเป็นเพื่อนมากกว่าค่ะ คุยกัน ปรึกษากัน ก็เป็นไปตามธรรมชาติ แต่พูดตรงๆ เดียว่ามันเป็นจังหวะเวลามากกว่า ไม่ได้กะเกณฑ์ ไม่ได้อะไร ไม่ได้คาดหวังด้วย”
“จริงๆ กะอยู่เป็นโสดเลยด้วยซ้ำ ก็คิดว่าไม่เป็นไรรอเลี้ยงลูกของน้องก็ได้ เพราะช่วงนั้นเราก็ไม่มีใครพอดี ไม่ได้จำเป็นจะต้องแต่งงานเลย ฉันอยู่ของฉันชิลล์ๆ โสดๆ ก็ได้ รำคาญไม่อยากยุ่งกับผู้ชายแล้ว เบื่อประมาณนั้นเลย แต่จริงๆ กับคนนี้เราก็ไม่ได้เปิดตัวนะ ใช้ชีวิตปกติ ที่ผ่านมาเดียก็ใช้ชีวิตแบบนี้แหละ เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีใครรู้จักว่าคนที่เดียคบอยู่คุยอยู่เป็นใคร แล้วเดียก็ไม่ใช่ต้องมานั่งอธิบายว่าเขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ครั้งนี้คนเห็นแล้วคนก็จำได้ว่าเขาเป็นใครอะไรยังไง เดียเลยง่ายไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น เพราะรู้จักกันหมดแล้ว แต่ปกติที่ผ่านมาไม่เคยเป็นข่าวเพราะเดียไม่เคยพูด”
“แต่จะพัฒนามากขึ้นยังไง อย่าเพิ่งเร่งกันเลยเดี๋ยวไก่ตื่นหมด ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบค่ะ มาขนาดนี้แล้วไม่ต้องรีบแล้วล่ะ กับครอบครัวเขาเท่าที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีฟีดแบคอะไรกลับมาไม่ดีนะคะ ต่างคนก็ต่างโตแล้ว พ่อแม่ก็คงไม่ได้สนใจอะไรมากเท่าไหร่หรอก เราไม่ได้คุยกันเรื่องข่าวเรื่องอะไรเลย ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของสื่อไป เราก็ใช้ชีวิตปกติเท่านั้นเอง ที่เหลือก็เป็นเรื่องของสื่อ อยากทำอะไรก็เชิญไม่ได้ว่าอะไร ส่วนที่บ้าน ถ้าเดียทำอะไรที่มีความสุขก็ทำไป ส่วนกับทางครอบครัวเขาก็เจอกันสวัสดีกันปกติ เอาจริงๆ เลยคือก็เป็นคุณพ่อคุณแม่เพื่อนนะคะ เราก็เคารพเป็นปกติ พูดคุยลึกซึ้งอะไรไม่มีหรอกค่ะ ก็เพิ่งจะไม่นานเอง”
ปัด ไม่มีปัญหาเรื่องของเวลาหรือเรื่องหึงหวง เพราะต่างคนต่างเข้าใจหน้าที่การงานกันดี และคงใช้ชีวิตกันตามปกติเหมือนเดิม ไม่ได้ต้องหลบซ่อนอะไร
“ปัญหาเรื่องเวลาก็อาจจะมีบ้าง แต่เดียคิดว่าอาชีพเขากับอาชีพเรามันมีส่วนคล้ายกันบ้างเหมือนกัน เป็นช่วงๆ มากกว่า บางช่วงอาจจะมีภารกิจที่จะต้องทำเยอะ บางช่วงก็อาจจะว่างหน่อย จริงๆ มันก็มียืดหยุ่นก็ต้องคุยกันว่าว่างตอนไหนไม่ว่างตอนไหน อัพเดทคิวกันไป แต่ถามว่ามีหวงกันบ้างไหม ก็อย่างที่บอกว่าต่างคนต่างเข้าใจว่าธรรมชาติของอาชีพคืออะไร โตแล้วค่ะ เลยจุดนั้นมาแล้วล่ะ ดูดีกว่าว่าเราเข้ากันได้หรือเปล่า อยู่ด้วยกันแล้วแฮปปี้หรือเปล่า เรื่องจุกจิกๆ พวกนั้นเดียว่าปล่อยไปเถอะ(หัวเราะ)”
“คือต่างคนก็ต่างเข้าใจธรรมชาติของอาชีพกันและกัน อาชีพเรามันก็คงต้องอย่างนี้แหละ เดียเองก็เป็นนักแสดง ดารา พิธีกรก็ต้องอยู่กับสื่อเป็นปกติ อาชีพเขาเองก็ต้องอยู่ในสายตาประชาชนเหมือนกัน ก็คงเป็นเรื่องปกติถ้าเกิดว่าพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ นักข่าวจะสนใจก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ว่าวันนี้มันไม่ชินจริงๆ แค่นั้นแหละ ไม่ได้ว่าอะไรเลย มันไม่ชินจริงๆ ถ้าสังเกตดูเกิดมาก็เพิ่งจะเคยมีครั้งนี้แหละมั้ง ที่ถูกจับตามองเรื่องนี้ขนาดนี้ เพราะปกติเดียก็ลงรูสบายใจของเดีย มีความสุข”
“หลังจากนี้ก็ใช้ชีวิตปกตินะคะ อยากไปไหนก็ไป ไม่ได้ปกปิดหรือว่าปิดบังหรือไม่ได้จะเปิดตัวอะไร แต่เรื่องข่าวดีนี่ด้วยอายุขนาดนี้แล้ว เดียคิดว่าประชาชนก็คงเอาใจช่วยแหละค่ะ แต่ถ้าถามเดียก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตา แต่ก็ขอบคุณนะคะสำหรับคนที่คอยลุ้น คอยเอาใจช่วย ดีใจที่เอาใจช่วยกัน(หัวเราะ) ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเหมือนกัน แต่เราก็ไม่รู้อนาคตนะ ต้องดูไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรแน่นอน ชิลล์ๆ ค่ะ
ที่มา: manager.co.th