“เฮียฮ้อ” เตรียมป้อนงานดัน "ฟิล์ม" โกอินเตอร์อีกรอบ เชื่อข่าวฉาวไม่กระทบแต่ทำให้รุ่ง ก่อนคุยอาร์เอสผู้นำธุรกิจดาวน์โหลด-ออนไลน์ หลังเตรียมตัวมานานหลายปี พร้อมแย้มมีโอกาสร่วมงาน "ดี้ นิติพงษ์"
เดินทางไปร่ำเรียนภาษาเพิ่มเติมที่ประเทศอังกฤษเพื่อหลบลี้หนีข่าวฉาวที่รุมเร้ามาได้พักใหญ่แล้วสำหรับ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ล่าสุดมีโอกาสเจอ“เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" จึงเข้าไปสอบถามถึงอนาคตของนักร้องหนุ่มหลังมรสุมข่าวฉาว
“ตอนนี้ฟิล์มเองยังเรียนภาษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ตามแผนก็จะเดินทางกลับมาประมาณช่วงต้นเดือนมีนาคมประมาณ 1 อาทิตย์หลังจากนั้นก็จะกลับไปเรียนจนจบ คงจะกลับมาเลยในเดือนพฤษภาคม กับเฮียเองฟิล์มก็โทรมาคุยเป็นระยะๆ เขาก็บอกว่าอยู่ที่นั่นเหงาหน่อย"
"อาจจะเป็นการใช้ชีวิตอีกแบบนึง แต่เขาก็อดทน อยู่ที่โน้นเขาก็ทำอยู่ 2 อย่างคือเรียน แล้วก็ทำรายการเรียลิตี้ว่าอยู่ที่อังกฤษฟิล์มใช้ชีวิตที่ลอนดอนยังไงไปด้วย หลังจากที่เขากลับมาอยู่เมืองไทยแล้วเขาเองก็คงจะกลับมาตัดต่องานเรียลิตี้ตัวนั้นให้เสร็จ เพราะงานนี้ฟิล์มเป็นคนกำกับเอง เป็นโปรดิวเซอร์เอง กลับมาเขาก็คงต้องทำงานชิ้นนี้ก่อน”
เชื่อข่าวฉาวไม่มีผลกระทบต่อชื่อเสียง ในทางกลับกันทำให้นักร้องหนุ่มได้รับความนิยมมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก...“หลังจากนั้นเขาก็มีละครที่เราเตรียมไว้ให้ฟิล์มอีก 3 เรื่อง ส่วนโปรเจ็กต์ต่างประเทศที่พักไว้ก่อนนั้นก็จะมาสานต่อ ก็คงจะต่อเนื่องจากปลายปีนี้ถึงปีหน้าคิดว่าคงจะได้เห็น"
"เรื่องกระแสความนิยมในตัวฟิล์มต้องบอกเลยว่าวันนี้จริงๆแล้วไม่มีผล เราพิสูจน์แล้วหลังจากที่ฟิล์มผ่านช่วงที่มีข่าวช่วงนั้น ไม่ว่าจะเป็นมิวสิกวิดีโอหรือเพลงของฟิล์มเองที่ออกไปในตลาดกลับได้รับการตอบรับมากกว่าในอดีตเสียอีก ทั้งยอดดาวน์โหลด ทั้งอันดับเพลง หรือแม้กระทั่งเสียงโหลดที่ให้เปิดมิวสิกวิดีโอตามรายการทีวีกลับได้รับการตอบรับที่ดีกว่าในอดีตเสียอีก”
“ในเรื่องสภาพจิตใจของเขาเกี่ยวกับเรื่องนั้นวันนี้ไม่ได้อยู่ในหัวคิดเขาแล้ว เขาก็ใช้ชีวิตอย่างปกติ ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่มันยังคาราคาซังอยู่ก็เป็นเรื่องของทางผู้ใหญ่และทนาย กับเรื่องดังกล่าวเราไม่รู้สึกเป็นห่วงอะไรเลยฟิล์มเองเขาดูแลตัวเองได้ในระดับนึงอยู่แล้ว เราก็พยายามจะเตือนเขาในเรื่องของการใช้ชีวิตด้วยความรอบคอบและระมัดระวังมากกว่า”
เผยเตรียมพาอาร์เอสฯ ในฐานะผู้นำเรื่องการดาวน์โหลดเพลงเข้าสู่ธุรกิจออนไลน์อย่างเต็มตัวหลังมีการวางรากฐานมานานกว่า 5 ปี
“ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีในปัจจุบันโดยเฉพาะสื่อดิจิตอลสำหรับธุรกิจเพลงแล้วมันแยกกันแทบไม่ออกแล้วในตอนนี้ วันนี้ต้องบอกว่าโลกดิจิตอลเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเพลงยุคใหม่เติบโตแข็งแรงและเฮียขอใช้คำว่าทำให้เป็นยุคทองของธุรกิจเพลงกลับมาอีกครั้งนึงเมื่อโลกดิจิตอลมันสมบูรณ์แบบ"
"วันนี้ในเมืองไทยต้องยอมรับว่าผู้บริโภคฟังเพลงมากขึ้น แต่ฟังผ่านโลกออนไลน์เกือบทั้งหมดแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วสำหรับเราเองในฐานะผู้ผลิตเพลง และเป็นเจ้าของคอนเทนส์เมื่อเรามีความพร้อมเราก็สามารถจะใช้โอกาสนี้ในการสร้างรายได้จากเพลงได้ดีมาก”
“ในส่วนของทางอาร์เอสเองเรามีความพร้อมในเรื่องตรงนี้เป็นอย่างมาก การที่เราจะปรับตัวให้พร้อมโลกแล่นในธุรกิจโลกดิจิตอลมันไม่ได้ใช้เวลาทำเพียง1-2 วัน 1-2 เดือน หรือ 1-2 ปี อาร์เอสเองเราปรับองค์กรไม่ต่ำกว่า 5 ปีเพื่อให้องค์กรเรามีความพร้อมเข้าสู่โลกของดิจิตอล"
"ต้องบอกว่าเราตื่นตัวก่อนคนอื่นและเป็นผู้นำในเรื่องนี้ เราทำมาอย่างต่อเนื่อง ณ วันนี้วันที่โลกเข้าสู่ความเป็นดิจิตอลอย่างเต็มตัวแล้วเราเองก็มีความพร้อมเป็นอย่างมาก ถามว่าเรายังต้องทำอะไรเพิ่มเติมไหม เราเองคงจะไม่หยุดนิ่ง แต่ในอีกแง่นึงคือเราพร้อมที่จะส่งเพลงของเราไปถึงผู้บริโภคในโลกดิจิตอลได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
มั่นใจค่ายไม่กระทบหลังกูรูเพลงทำนายทิศทายอนาคตค่ายเพลงจะสูญหายไป...“เฮียว่าตรงนี้มันขึ้นอยู่กับค่ายเพลงนั้นๆ สามารถปรับตัวได้รึเปล่า สำหรับอาร์เอสเองต้องบอกเลยวันนี้เราไม่ได้รับผลกระทบแล้ว เราผ่านจุดนั้นมาแล้ว วันนี้คนทำเพลง โปรดิวเซอร์หรือแม้กระทั่งศิลปินของอาร์เอสเราแฮปปี้"
"ไม่มีปัญหาในเรื่องของโลกดิจิตอลคนทำเพลงจะอดอยาก จะมีรายได้ไม่พอ สำหรับอาร์เอสแล้วเฮียให้ไปถามคนที่ทำเพลง โปรดิวเซอร์หรือศิลปินอาร์เอสได้เลยว่าทุกคนแฮปปี้จริงๆ บริษัทเราเดินมาได้เป็นอย่างดีบนโลกดิจิตอลแล้ว การทำเพลงในโลกออนไลน์มันต้องใช้ความคิดสูง ต้นทุนต่ำ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีความพร้อม เราสามารถบริหารจัดการได้ ไม่ใช่ว่าบริษัทจะดีอย่างเดียว คนทำเพลง ศิลปินก็จะได้รับผลดีไปด้วย”
“อย่างทุกวันนี้เฮียเองก็เข้าไปอยู่ในโลกดิจิตอลส่วนนึง ต้องบอกได้เลยว่าเรื่องของออนไลน์หรือโซเชียลเน็ตเวิร์คมันคือสังคมบนโลกออนไลน์ มันสามารถเชื่อมโยงแฟนเพลงของอาร์เอส ลูกค้าของเราเข้ากับศิลปิน เข้ากับผู้บริหาร ในอดีตกว่าจะสื่อสารกันได้มันยาก และไปไม่ทั่วถึง แต่วันนี้มันมีช่องทางเชื่อมทุกอย่างเข้าหากันแล้วมันก็เป็นผลดีกับทั้ง 2 ฝ่าย
“ฝั่งของเราก็สามารถที่จะติดต่อกับลูกค้าเราได้ หรือแม้กระทั้งนำเสนอข่าวสารหรือว่ารับฟังความคิดเห็น ฝั่งลูกค้าเองก็สามารถที่จะเข้าถึงเรา เข้าถึงตัวศิลปินได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นเราจึงเลือกใช้เรื่องของโซเชียลเน็ตเวิร์คให้เป็นประโยชน์เพื่อให้เป็นเหมือนตัวเชื่อมระหว่างบริษัท ศิลปิน และตัวแฟนเพลง เรียกได้ว่าทุกวันนี้อาร์เอสเดินไปตามแผนการที่เราวางไว้ครบทุกประการณ์ ที่เหลือก็แค่ปรับปรุง พัฒนางานไปเรื่อยให้ดีขึ้น”
ส่วนเรื่องโอกาสร่วมงานกับ “ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค” นักแต่งเพลงชื่อดังที่ลาออกจากแกรมมี่ฯ นั้น หัวเรือใหญ่บอก...“ในแง่ของการพูดคุยจริงๆ อย่างที่เคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่าไม่มีการพูดคุยกันตรงนี้เลย แต่วันนี้ดี้เองก็เป็นคนทำงานอิสระ ตรงนี้ผมเลยคิดว่ามีโอกาสหมดที่จะได้ร่วมงานกัน"
"ดี้สามารถร่วมงานได้หมด หรือแม้กระทั่งดี้เองอาจจะมีโปรเจ็กต์ร่วมทำกับทางอาร์เอสตรงนี้ย่อมมีโอกาส เพราะทุกวันนี้ทางอาร์เอสเองก็มีการซื้อขายเพลงกับนักแต่งเพลงอิสระเรื่อยมา เราเปิดกว้างมานานแล้ว”
ที่มา: manager.co.th