Author Topic: เอชพีชี้แนวโน้มสตอเรจองค์กร  (Read 939 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


นายวงศ์วิวัฒน์ ศิริทัศนกุุล ผู้จัดการธุรกิจ Storageworks กลุ่มธุรกิจเอนเตอร์ไพรซ์ บิสิเนส บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย)

เอชพี ระบุ 4 เทรนด์เทคโนโลยีสตอเรจที่มาแรงปีนี้ มั่นใจมีโซลูชันตอบโจทย์ครบทุกจุด เชื่อยอดขายสตอเรจเอนเตอร์ไพรซ์โตระดับ 2 หลัก
       
       นายวงศ์วิวัฒน์ ศิริทัศนกุุล ผู้จัดการธุรกิจ Storageworks กลุ่มธุรกิจเอนเตอร์ไพรซ์ บิสิเนส บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) กล่าวถึง 4 แนวโน้มเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูล (สตอเรจ) ที่มาแรงในปีนี้ ว่าแนวโน้มแรกของเทคโนโลยีสตอเรจคือ ทำอย่างไรที่จะตอบสนองความคาดหวังจากระบบไอทีที่มีอยู่ ให้สามารถตอบสนองและให้บริการได้โดยทันที ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานเป็นวันๆ หรือหลายสัปดาห์เหมือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจาการเติบโตของเทคโนโลยีสื่อสารเคลื่อนที่และคลาวด์คอมพิวติ้ง
       
       ทั้งนี้ เอชพีเพิ่งได้ประกาศวิสัยทัศน์ Instant-On Enterprise ในการนำเสนอแนวคิดสำหรับองค์กรให้นำเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ ระบบเครือข่าย และซอฟต์แวร์มาใช้ในการดำเนินงานอย่างเหมาะสมและก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หมายถึงการผนวกรวมอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ และระบบเครือข่ายเข้าไว้ด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้คลังข้อมูลเป็นทรัพยากรที่ใช้งานร่วมกัน มีความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น องค์กรมีแต้มต่อในการแข่งขันเพิ่มขึ้น ทั้งยังสามารถให้บริการตรงตามความต้องการของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ทันที
       
       แนวโน้มที่สอง ทำอย่างไรที่จะปรับปรุงสถาปัตยกรรมไอทีที่มีอยู่ให้เกิดความยืดหยุ่น การบริหารคลังข้อมูลที่มีอยู่หลากหลาก รวมไปถึงระบบไอทีต่างๆ ที่ติดตั้งกระจายอยู่ตามสายงานต่างๆ จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของไอทีภายในองค์กรให้สามารถบริหารจัดการได้เป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งเอชพีได้พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวก (HP Converged Infrastructure) ที่เป็นการผนวกรวมอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ และระบบเครือข่ายเข้าไว้ด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้คลังข้อมูลเหล่านี้เป็นทรัพยากรที่สามารถทำงานร่วมกันได้และมีความยืดหยุ่นคล่องตัวเพิ่มขึ้น
       
       แนวโน้มที่สามก็คือ การจัดการปัญหาการขยายตัวอย่างไร้ระเบียบของระบบไอที ซึ่งเกิดจากการขยายตัวของปริมาณข้อมูลในอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้เกิดปัญหาการล้นทะลักของข้อมูล จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่องค์กรต่างๆ ควรให้ความสำคัญกับการจัดการความซ้ำซ้อนของข้อมูล ซึ่งจะช่วยควบคุมปัญหาการขยายตัวอย่างไร้ระเบียบของข้อมูล (data sprawl) ช่วยให้เกิดความต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีสมรรถนะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้องค์กรสามารถจัดเก็บข้อมูลสำคัญๆ ได้มากขึ้น และมีค่าใช้จ่ายลดลงไป
       
       แนวโน้มสุดท้าย การบริหารระบบจัดเก็บข้อมูลที่ซับซ้อนให้มีการทำงานที่สะดวกและง่ายดาย ปัญหาด้านระบบจัดเก็บข้อมูลขององค์กรก็คือ ความซับซ้อนของข้อมูลที่มากขึ้น ไม่สามารถปรับขยายหรือลดให้ตรงตามความต้องการ และมีการใช้ทรัพยากรอย่างไม่คุ้มค่า องค์กรหลายแห่งต้องนำงบประมาณไอทีมาใช้ในการบริหารจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐานการจัดเก็บข้อมูลที่ล้าสมัยและมีขนาดเทอะทะ ทั้งยังทำให้เกิดความซับซ้อนในการดำเนินงานเป็นระยะเวลานาน
       
       เทคโนโลยีที่จะเข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้ก็คือ การใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบเสมือน (storage virtualization) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทั่วทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านฮาร์ดแวร์ไอทีทั้งหมด ส่งผลให้สามารถบริหารและดำเนินการเปลี่ยนแปลงต่างๆ แบบเรียลไทม์
       
       นายวงศ์วิวัฒน์ กล่าวถึงเป้าหมายการรุกตลาดสตอเรจในปีนี้ว่าเอชพีจะยังคงเน้นตลาดองค์กรขนาดใหญ่ในทุกภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเชื่อว่า ด้วยวิสัยทัศน์ในเรื่องสตอเรจของเอชพีน่าจะผลักดันให้ยอดขายเติบโตได้เป็นตัวเลข 2 หลัก ซึ่งเติบโตกว่าภาพรวมของตลาดสตอเรจที่คาดไว้ว่าจะเติบโตในระดับตัวเลขหลักเดียว
       
       Company Related Link :
       HP


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)