"ซินเน็ค" ยักษ์ค้าส่งไอทีชูกลยุทธ์แย่งมาร์เก็ตแชร์คู่แข่งหลังตลาดไอทีไม่โต ฉวยจังหวะคู่แข่งอ่อนแรงรับผลกระทบบริษัทแม่จากต่างประเทศเปิดเกมรุกขยายวงเงินเครดิตให้คู่ค้าหวังเพิ่มโอกาสการขาย พร้อมตั้งทีมขายเจาะตลาดภาครัฐอุดช่องว่างเดินหน้าปรับระบบหลังบ้านช่วยลดค่าใช้จ่าย หวังอานิสงส์มติ ครม.ซื้อสินค้าไทยดันตลาดชิ้นส่วนอุปกรณ์โตอีกครั้งหนึ่ง ตั้งเป้ารายได้ทั้งปีโต 5% แตะ 1.3 หมื่นล้านบาท
นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ค้าส่งสินค้าไอทีรายใหญ่ กล่าวว่า กลยุทธ์การทำตลาดของซินเน็คต่อจากนี้จะเน้นแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่ง เพราะปัจจุบันพบว่ามีดิสทริบิวเตอร์บางรายกำลังอ่อนแอลง เพราะผลกระทบจากบริษัทแม่ต่างประเทศ ทำให้คู่ค้าบางรายเปลี่ยนใจมาเป็นตัวแทนขายให้ซินเน็ค ช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจให้สามารถช่วงชิงตลาดได้แม้ว่าภาพรวมตลาดไอทีจะชะลอตัว
โดยเฉพาะตลาด กทม.และภาครัฐ ซึ่ง ซินเน็คยังมีฐานคู่ค้าที่เป็นซิสเต็มส์ อินทิเกรเตอร์ (เอสไอ) อยู่ไม่มาก บวกกับสินค้าบางรายการมีช้ากว่าคู่แข่ง ทำให้ไม่สามารถแข่งขันได้ เพราะซินเน็คมีความแข็งแกร่งในตลาดต่างจังหวัดมากกว่า ดังนั้นทิศทางต่อจากนี้ซินเน็คต้องการที่จะรุกตลาด กทม. และภาครัฐมากขึ้น
"ล่าสุดบริษัทได้ตั้งทีมงานเพื่อวิ่งตลาดภาครัฐโดยเฉพาะ จากเมื่อก่อนที่มีทีมไปซัพพอร์ตให้คู่ค้า แต่ตอนนี้จะมีทีมวิ่งเข้าภาครัฐเองโดยตรง และเมื่อลูกค้าสนใจก็จะประสานให้ดีลเลอร์เข้าไปขายก็จะทำให้มีเอสไออยากเข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัทมากขึ้น เพราะเราได้หาออร์เดอร์มาให้เรียบร้อยแล้ว แทนที่เราจะรอให้ดีลเลอร์ทำตลาดอย่างเดียว"
นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นนโยบายการประหยัด ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ขณะที่พนักงานขายจะต้องทำงานหนักมากขึ้น ขณะที่มีแผนปรับลดค่าใช้จ่ายจาก 4% เหลือ 3.8% โดยการปรับระบบการขนส่งสินค้าให้ดีขึ้น ลดเวลาสินค้าคงคลังจาก 30 วัน ให้เหลือ 25-27 เพื่อช่วยเรื่องระบบหมุนเวียนเงิน คาดว่าผลลัพธ์จะเริ่มเห็นผลในไตรมาส 2-3 นี้
และเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการทำตลาด บริษัทมีนโยบายในการขยายวงเงินเครดิตให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างโอกาสการขายสินค้า อย่างไรก็ตามการขยายวงเงินเพิ่มขึ้นอาจทำให้ปีนี้หนี้เสียของบริษัทเพิ่มเป็น 0.1% จากปีที่ผ่านมาที่ต่ำมาก แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำไม่มีผลกระทบแต่อย่างใดเมื่อเทียบกับโอกาสการขายที่มากขึ้น
นายสุพันธ์กล่าวว่า สำหรับแผนการขยายตลาดคอร์ปอเรตในกลุ่มสินค้า สตอเรจเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ที่บริษัทยังอ่อนแอ เนื่องจากภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดี ขณะที่บริษัทยังไม่เชี่ยวชาญจึงตัดสินใจชะลอการทำตลาดกลุ่มนี้ก่อน เพื่อรอให้เศรษฐกิจกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง แต่บริษัทยังคงเดินหน้าแผนขยายร้าน Cnex shop เป็น 20 สาขาจากปัจจุบันมีประมาณ 10 สาขา
ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 5% หรือ 1.3 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 1.26 หมื่นล้านบาท คิดเป็นมาร์เก็ตแชร์ประมาณ 15-18% ของมูลค่าตลาดฮาร์ดแวร์ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท และปีนี้มีเป้าหมายจะเพิ่มมาร์เก็ตแชร์อีก 2%
นายสุพันธ์กล่าวอีกว่า สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทมาจากโน้ตบุ๊กและอุปกรณ์ชิ้นส่วนประมาณ 70% แต่ปัจจุบันพบว่าตลาดชิ้นส่วนอุปกรณ์หดตัวลงอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่ลูกค้านิยมซื้อสินค้าอินเตอร์แบรนด์มากกว่า ส่งผลให้ปัจจุบัน สัดส่วนโลคอลแบรนด์ในตลาดเหลืออยู่เพียง 20% เท่านั้น จาก 5-6 ปีที่ผ่านมามีสัดส่วนในตลาดสูงถึง 60-70%
อย่างไรก็ตาม จากมติ ครม.ที่ต้องการให้หน่วยงานราชการใช้สินค้าจากผู้ผลิตในประเทศ ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ทำให้โลคอลแบรนด์มีโอกาสกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง และจะส่งผลให้ตลาดชิ้นส่วนอุปกรณ์ดีขึ้น ด้วย และทำให้บริษัทมีโอกาสรับจ้างผลิต (โออีเอ็ม) ให้กับแบรนด์ต่างๆ มากขึ้น จากปัจจุบันมีประมาณ 3-4 พันเครื่องต่อเดือน
"ตลาดชิ้นส่วนอุปกรณ์เป็นกลุ่มที่เรามีความถนัดมานาน และคู่แข่งที่เป็นผู้แทนจำหน่ายชิ้นส่วนอุปกรณ์อ่อนแอลง ทำให้คาดว่าปีนี้กลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ของ ซินเน็คจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 3% จากที่ผ่านมาอยู่ในช่วง zero growth หรือไม่โต"
สำหรับภาพรวมธุรกิจไอทีได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจโลก โดยตั้งแต่ต้นปีตลาดอยู่ในช่วงติดลบประมาณ 3% แต่เริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นช่วงเดือน มี.ค. จึงคาดว่าภาพรวมตลาดน่าจะดีขึ้น อย่างไรก็ตามต้องดูทิศทางไตรมาส 2 อีกครั้งหนึ่ง
ที่มา: matichon.co.th