พรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย)
เอซุส วางแผนเดินหน้ารุกตลาดต่างจังหวัด และลูกค้าองค์กรเต็มตัว หลังยึดส่วนแบ่งในตลาดคอนซูเมอร์มาได้ในระดับหนึ่ง คาดว่าจะส่งผลให้ขึ้นสู่อันดับ 2 ภายใน 2 ปี ส่วนตลาดเมนบอร์ดยังครองอันดับ 1 จากส่วนแบ่งกว่า 62% คาดขึ้นเป็น 70% ภายในปีนี้ ส่งผลให้ตั้งเป้าภาพรวมโต 60% เป็นมูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท
นายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การที่เอซุส จะสามารถขึ้นไปเป็นเบอร์ 2 ในตลาดโน้ตบุ๊ก จำเป็นต้องมีการเสริมตลาดในส่วนของตลาดองค์กร ที่ปัจจุบันมีส่วนแบ่งอยู่เพียง 2% ให้ขยายมากขึ้น รวมถึงเพิ่มช่องทางจำหน่ายในต่างจังหวัดเพื่อให้มีอัตราส่วนระหว่างในกรุงเทพฯกับต่างจังหวัดเป็นอย่างละครึ่ง
"เราเริ่มขยายช่องทางต่างจังหวัดตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งช่วยให้เอซุสมีส่วนแบ่งในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น รวมถึงกำลังดำเนินการเข้าไปวางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดต่างๆให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยตั้งเป้าว่าจะมีส่วนแบ่งในตลาดโน้ตบุ๊กให้อยู่ที่ 15% ในปี 2554"
ส่วนผลประกอบการเอซุสในปี 2553 มีรายได้ 4,260 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ System Business Unit ประกอบด้วยโน้ตบุ๊ก และเน็ตบุ๊ก 65% ถัดมาคือกลุ่ม Open Platform Bussiness Unit (OP) มีเมนบอร์ด วีจีเอการ์ด จอแอลซีดี อุปกรณ์ไร้สาย และอุปกรณ์เครือข่าย สัดส่วนรายได้อยู่ที่ 33% สุดท้ายกลุ่ม Handheld Business Unit หรือกลุ่มสมาร์ทโฟน มีสัดส่วนรายได้ 2%
ทั้งนี้ ไอดีซีระบุว่าตลาดรวมพีซีและโน้ตบุ๊กในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.3 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นพีซี 1.5 ล้านเครื่อง และโน้ตบุ๊ก 1.78 ล้านเครื่อง ทำให้เอซุสคาดว่าในปี 2011 ตลาดรวมจะมีการเติบโต 15-20% และถ้ามีโปรเจกต์ใหญ่ของภาครัฐ ก็จะทำให้คอมพิวเตอร์ในตลาดรวมประมาณ 3.5 ล้านเครื่อง เป็นพีซี 1.5 ล้านเครื่องเท่าเดิม แต่โน้ตบุ๊กน่าจะขึ้นมาอยู่ที่ 2 ล้านเครื่อง
'ในปีนี้ เอซุสวางเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 60% หรือรายได้ 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่ม OP เติบโตราว 20% จากการ์ดจอ อุปกรณ์เครือข่าย และคอมพ์ประกอบที่ได้รับความนิยมในส่วนของตลาดไฮเอนด์มากขึ้น ทำให้มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่โน้ตบุ๊กคาดว่าจะเติบโต 85% จากการขยายไปตลาดต่างจังหวัดและตลาดองค์กร'
ตลาดคอมพ์ประกอบยังมีสัดส่วนอยู่ที่ 49-50% ทำให้เอซุส ที่เป็นผู้นำในตลาดเมนบอร์ด ยังสามารถรักษาและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้มากขึ้น จากความต้องการเครื่องประกอบที่มีราคาสูงขึ้นตามโพสิชันของเมนบอร์ด โดยตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีส่วนแบ่งเมนบอร์ดที่ 70%
ขณะเดียวกัน ปัจจัยสำคัญที่เข้ามากระทบกับตลาดคอมพิวเตอร์ในช่วงไตรมาส 1 คือการที่อินเทลได้มีการเรียกคืนชิปเซตแพลตฟอร์ม Sandy Bridge ทำให้ไม่สามารถนำโน้ตบุ๊ก และเมนบอร์ดรุ่นใหม่มาวางตลาดได้ จึงจำเป็นต้องมีการยืดระยะเวลาทำตลาดของโมเดลปัจจุบันออกไปจนถึงสิ้นเดือน ก.พ.
ทั้งนี้ เอซุสยังไม่ได้ตั้งเป้ากลุ่มสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่จะทยอยเข้ามาทำตลาดในไตรมาส 3 โดยในส่วนของสมาร์ทโฟนยังไม่มีความชัดเจนในการทำตลาดจากบริษัทแม่ ขณะที่แท็บเล็ตในตระกูล EeePad ยังคงต้องรอระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.0
'ตลาดแท็บเล็ตจะมาในรูปแบบที่หวือหวาช่วงแรก และจะเริ่มอิ่มตัวในช่วงปี 2555 - 2556 เหมือนกับที่เอซุสเคยเจอกับตลาดเน็ตบุ๊กมาก่อน และแน่นอนว่าการมาของแท็บเล็ตจะกระทบตลาดเน็ตบุ๊กแน่นอน จากสัดส่วนในตลาดปัจจุบันที่ 9.5% อาจจะลงไปอยู่ที่ 6% แต่จะไม่หายไปจากตลาด เนื่องจากมีความต้องการอยู่'
Company Related Link :
ASUS
ที่มา: manager.co.th