Kindle DX เจาะตลาดตำราดิจิทัล

[Reporter]

คอลัมน์ WEBBIZ

โดย siripong@kidtalentz.com
 
ไม่กี่วันก่อนอะเมซอน (Amazon.com) เปิดตัวอีบุ๊ก รุ่นใหม่ออกมาให้ยลโฉมกันแล้ว รุ่นนี้ใช้ชื่อว่า "คินเดิ้ล ดีเอ็กซ์" มีขนาดจอใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ความจุของหน่วยความจำก็เพิ่มขึ้นเป็น 3.3 จิกะไบต์ สามารถอ่านไฟล์ พีดีเอฟได้ และแน่นอนที่สุด ราคาเพิ่มสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนมากด้วย กล่าวแพงกว่า คินเดิ้ล ทู ประมาณ 5,000 บาท

ความสำเร็จของคินเดิ้ลนั้นคงไม่ต้องสาธยายให้มากความเพราะพูดกันมาหลายเที่ยวแล้ว แต่แนวคิดของอะเมซอนต่างหากที่น่าสนใจเพราะเป็นการเอาสองส่วนมาประกอบกันเข้าเป็นโมเดลธุรกิจที่ ประสบความสำเร็จ จากการเป็นเว็บไซต์ขายหนังสือบวกเข้ากับนวัตกรรมอีบุ๊กที่อยู่บนพื้นฐานของวิถีชีวิตคนสมัยใหม่

เสนอทางเลือกที่สะดวกขึ้นให้คนที่ยังต้องการอ่านหนังสือผ่านคินเดิ้ล ด้วยการซื้อหนังสือที่เป็นไฟล์ดิจิทัลดาวน์โหลดมาใส่ในเครื่องได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านอินเทอร์เน็ต เครือข่าย 3G

ความสะดวกที่เกิดขึ้นนี้ได้ไปด้วยกันทุกฝ่าย ตั้งแต่อะเมซอนเองที่ลดต้นทุนการ จัดส่ง การเก็บสต๊อก สำนักพิมพ์ ประหยัดต้นทุนการพิมพ์ คนอ่านสะดวกเหมือนมีห้องสมุดจุหนังสือได้เป็นพันๆ เล่มติดตัว

อะเมซอนประสบความสำเร็จกับคินเดิ้ลในกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนซึ่งวางไว้ตั้งแต่แรก ไม่ได้มองไปที่แมสมาร์เก็ต

สำหรับ คินเดิ้ล ดีเอ็กซ์ ที่เพิ่งออกมานั้น พุ่งเป้าไปที่การอ่านตำรา หนังสือพิมพ์และเอกสาร โดยในส่วนของตำรานั้นมีหลายมหาวิทยาลัยในอเมริกาตอบรับแล้ว

ส่วนหนังสือพิมพ์ ซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะตกต่ำทั้งในด้านยอดขายและโฆษณา มีเสียงตอบรับแตกต่างกันออกไป แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่ก็แอบหวังว่าอาจจะเป็นช่องทางหนึ่งในการขาย

ตามข่าวบอกว่ามีแล้วสามฉบับใหญ่ที่จะทดลองให้บริการผ่านคินเดิ้ล ดีเอ็กซ์ โดยเจ้าของคินเดิ้ลสามารถบอกรับเป็นสมาชิกได้ในราคาพิเศษ ได้แก่ เดอะนิวยอร์ก ไทมส์, เดอะบอสตัน โกลบ และเดอะ วอชิงตัน โพสต์ จากเดิมที่อะเมซอนก็ให้บริการสมาชิกหนังสือพิมพ์อยู่แล้วกว่าสามสิบฉบับ

เพียงแต่คินเดิ้ล ดีเอ็กซ์ นั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นเหมาะกับการอ่านหนังสือพิมพ์มากกว่าคินเดิ้ลรุ่นก่อน

สำหรับฝั่งที่ไม่เห็นด้วยและแสดงออกมาอย่างเปิดเผยก็คือ "รูเพิร์ธ เมอร์ดอคช์" แห่งนิวสคอร์ป ซึ่งออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าสิ่งที่อะเมซอนทำไม่ควรเรียกว่าโมเดลธุรกิจที่จะเป็นทางออกของหนังสือพิมพ์ ฟังจากน้ำเสียงแล้วสิ่งที่เมอร์ดอคช์ไม่พอใจก็คือส่วนแบ่งรายได้นั่นเอง ที่อะเมซอนกำหนดไว้ให้ตัวเองถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เจ้าของหนังสือพิมพ์ได้ไปแค่ 30 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตามตลาดหนังสือพิมพ์บนคินเดิ้ลนั้นอาจจะเป็นแค่น้ำจิ้ม เพราะถึงที่สุดแล้วคนก็ยังหาอ่านฟรีเอาได้จากเว็บอยู่ดี

ที่ดูเหมือนจะเป็นเม็ดเงินก้อนงามหรือ ชิ้นปลามัน หากทำได้สำเร็จก็คือตลาดตำรับตำราในการศึกษาระดับสูงซึ่งในอเมริกานั้นมีมูลค่าสูงถึงปีละ 8,000 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ อีกทั้งยังเป็นคนในกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนด้วย


ที่มา: matichon.co.th