Author Topic: อัลคาเทล-ลูเซ่นรุกตลาดองค์กร สร้างตลาดใหม่สวิตช์อีเธอร์เน็ต  (Read 940 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


ขวา - โจเซฟ รากูโกเลีย (Joseph Raccuglia) ผู้อำนวยการการตลาดผลิตภัณฑ์และโซลูชันดาต้าและซีเคียวริตี้ กลุ่มแอปพลิเคชัน อัลคาเทล-ลูเซ่น

       อัลคาเทล-ลูเซ่น รุกตลาดเครือข่ายเอนเตอร์ไพรซ์ ส่งสวิตช์อีเธอร์เน็ตความเร็ว 100 กิกะบิตเข้าตลาดก่อนหน้าคู่แข่ง หลังพบแนวโน้มพฤติกรรมการใช้แอปพลิเคชันในองค์กรโลกกินแบนด์วิดธ์สูง
       
       นายโจเซฟ รากูโกเลีย (Joseph Raccuglia) ผู้อำนวยการการตลาดผลิตภัณฑ์และโซลูชันดาต้าและซีเคียวริตี้ กลุ่มแอปพลิเคชัน อัลคาเทล-ลูเซ่น กล่าวว่า มีการประเมินมูลค่าตลาดรวมของโซลูชันการสื่อสารข้อมูล ประกอบไปด้วยตลาดอุปกรณ์สวิตชิ่ง แลนไร้สาย เราเตอร์ รวมถึงอุปกรณ์ทางด้านรักษาความปลอดภัย ในปี 2554 ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 28.82 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเติบโตจากปี 2553 ประมาณ 19.9% โดยตลาดเอเชียแปซิฟิกเป็นอีกตลาดหนึ่งที่จะมีการลงทุนโซลูชันเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ อาทิ คลาวด์คอมพิวติ้ง เวอร์ชัวร์ไลเซชัน มาใช้ส่งผลให้ความต้องการอุปกรณ์สวิตช์ที่สามารถรองรับแบนด์วิดธ์จำนวนมาก รวมไปถึงความสามารถในการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ ได้ง่าย และมีขั้นตอนการทำงานที่ไม่ยุ่งยาก ซึ่งเป็นจังหวะดีที่อัลคาเทล-ลูเซ่นได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สวิตช์อีเธอร์เน็ต 10 กิกะไบต์ (10GigE) OmniSwitch 10K สำหรับตลาดเอนเตอร์ไพรซ์รุ่นใหม่ล่าสุด
       
       'อัลคาเทล-ลูเช่นเป็นรายแรกที่มีอุปกรณ์สวิทตช์อีเธอร์เน็ตรองรับการสื่อสารข้อมูลที่ความเร็ว 100 กิกะบิต ในตลาดเวลานี้ ขณะที่คู่แข่งยังไม่มี'
       
       OmniSwitch 10K เป็นผลิตภัณฑ์ยุทธศาสตร์ของอัลคาเทล-ลูเซ่นภายหลังจากที่ประกาศกลยุทธ์ที่จะเป็นผู้นำในการสร้างมาตรฐานใหม่การสื่อสารข้อมูลระดับ 100 กิกะบิต ภายใต้แนวคิดสถาปัตยกรรมเครือข่าย “Application Fluent Network” ที่อัลคาเทล-ลูเซ่นประกาศเอาไว้เมื่อปี 2552 ทำให้โซลูชันของอัลคาเทล-ลูเซ่นรองรับบริการบรอดแบนด์ขนาดใหญ่ที่ต้องการทั้งความเร็ว บริการที่หลากหลายและจัดขนาดได้ตามความต้องการในการบริหารจัดการเครือข่ายสื่อสารสำหรับบริการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อาทิ บริการวีพีเอ็น บริการไอพีทีวี พร้อมๆ กับบริการวิดีโอประเภทเว็บเบสวิดีโอ
       
       'ขณะที่ทราฟฟิกการใช้งานสูงขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับเป้าหมายของผู้ให้บริการที่ต้องเพิ่มรายได้ ผู้ให้บริการจึงไม่เพียงแต่ต้องการความเร็วที่สูงขึ้นแต่ยังต้องการความยืดหยุ่นในการจัดขนาดเครือข่ายด้วย'
       
       OmniSwitch 10K เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับระบบเครือข่ายหลักขององค์กรที่ช่วยทำให้เครือข่ายมีประสิทธิภาพสูงขึ้น 4 เท่าเมื่อเทียบกับระบบเครือข่ายเดิม ที่สำคัญยังทำลายข้อจำกัดการขยายเครือข่ายในอดีตเมื่อมีความต้องการแบนด์วิดธ์ที่สูงขึ้น โดย OmniSwitch 10K รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายความเร็วสูงระดับ 100 กิกะบิตได้ถึง 256 พอร์ต อีกทั้งยังกินไฟต่ำที่สุดในตลาดปัจจุบันเพียง 1.5 วัตต์
       
       'เวลานี้ เอนเตอร์ไพรซ์ กำลังเผชิญกับความต้องการที่หลากหลายทั้งรูปแบบไฟล์ข้อมูลรวมไปถึงการให้บริการกับดีไวซ์ใหม่ ทำให้เกิดความซับซ้อนของการให้บริการแอปพลิเคชันต่างๆ บนเครือข่าย ซึ่งต้องการอุปกรณ์บริหารจัดการความต้องการดังกล่าวบนเครือข่ายให้มีความยืดหยุ่นเพียงพอ ซึ่ง OmniSwitch 10K มีความสามารถในการบริหารจัดการเครือข่ายได้โดยอัตโนมัติ มีการใช้งานง่าย และยังช่วยลดขั้นตอนการบริหารจัดการให้น้อยลง'
       
       สำหรับรูปแบบการทำตลาด OmniSwitch 10K นั้น อัลคาเทล-ลูเซ่น ยังคงทำงานร่วมกับพันธมิตรเป็นหลัก โดยมีตลาดเป้าหมายอยู่ที่ตลาดองค์กร ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วนผลดำเนินการในประเทศไทย ยังถือว่า อยู่ในระดับคงตัว มีการเสริมพันธมิตรในการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่า บริษัทในไทยจะยังคงมีการลงทุนเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
       
       ก่อนหน้านี้ อัลคาเทล-ลูเซ่น (ประเทศไทย) ได้มีการทดสอบเราเตอร์ 7750 Service รวมทั้ง 7450 Ethernet Service Switches และซอฟต์แวร์ 5620 Service Aware Manager ร่วมกับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ถึงประสิทธิภาพของอุปกรณ์ว่า สามารถให้ความเร็วสูงถึง 100 กิกะบิตต่อวินาทีในการให้บริการรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริการไร้สายและมีสาย ประกอบไปด้วยบริการไร้สาย 3Gและ LTE บริการบรอดแบนด์ตามสาย ระบการบริหารสมาชิก บริการอีเธอร์เน็ตสำหรับธุรกิจและการใช้งานวีพีเอ็น
       
       นายเบนจามิน คาร์ลาเกียน กรรมการผู้จัดการ อัลคาเทล-ลูเซ่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในการวางแผนรองรับความต้องการของแอปพลิเคชันและคอนเทนต์ที่ใช้แบนด์วิดธ์สูงนั้น ผู้ให้บริการต่างๆ มักเลือกใช้โครงข่ายยุคใหม่ประเภท Next-generation all-IP multiservice ที่สามารถปรับขยายให้รองรับการความต้องการได้ ซึ่งอัลคาเทล-ลูเซ่นเรียกการพัฒนาสร้างโครงข่ายยุคใหม่ประเภทนี้ว่า High Leverage Network ทั้งนี้ หากทรูเลือกเครือข่ายเดียวที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับทั้งบริการเดิมต่างๆ ที่มีอยู่แล้วกับบริการ 3G ใหม่ได้ จะยิ่งทำให้ทรูมีศักยภาพที่จะเตรียมตัวรับกับความต้องการใช้แบนด์วิดธ์สูงที่นับวันจะมีมากขึ้นได้ดี จะเห็นได้ว่าวิธีการพัฒนาศักยภาพบนแพลตฟอร์มไอพีเราท์ติ้งของอัลคาเทล-ลูเซ่นที่ลูกค้าใช้อยู่แล้วนี้ จะเป็นการพัฒนาที่ราบรื่น อีกทั้งจะช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถเสนอบริการอีเธอร์เน็ตในรูปแบบใหม่ๆ ได้มากขึ้น รวดเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
       
       Company Related Link :
       Alcatel-lucent


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)