“นิว” เคลียร์ข่าวทะเลาะ “จุ๋ย” เรื่องเงิน-ร้าน จนรักสั่นคลอนไม่เป็นความจริง ยัน เรื่องเงินจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่จะทะเลาะกัน ทุกอย่างแบ่งกันยุติธรรม เล็งมีธุรกิจเป็นของตัวเอง หวั่นงานในวงการไม่ยั่งยืน ก่อนเผย ถึงพักหลังจะร่วมงานกับเวิร์คพ้อยท์บ่อยแต่ก็ไม่คิดย้ายค่ายออกจากช่อง7
จู่ๆ ก็มีข่าวว่า พระเอกหนุ่มหน้าหวาน “นิว วงศกร ปรมัตถากร” กับนางเอกสาวหน้าคม “จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา” คู่รักหวานลงตัว ที่ตอนนี้นอกจากจะเป็นหุ้นส่วนหัวใจกันแล้ว ยังร่วมหุ้นเปิดร้านส้มตำชื่อว่า “ตำเพลิน” แต่เปิดร้านได้ไม่นานก็มีกระแสข่าวว่าทั้งคู่เกิดทะเลาะกันในเรื่องของทัศนคติไม่ตรงกัน รวมไปถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ไม่เข้าออกใคร ซึ่งพอมีโอกาสได้เจอพระเอกหน้าหวาน “นิว” เข้าสอบถามเรื่องดังกล่าวรีบออกโรงแจงว่า...
“คือถ้านิวกับจุ๋ยจะทะเลาะกัน เรื่องร้านเรื่องเงินทองเป็นเรื่องสุดท้ายเลยครับ มันเป็นเรื่องการทำธุรกิจ มันมีทะเลาะกันจริง แต่ว่ามันเป็นการทะเลาะในเรื่องของการทำงาน อย่างคุณอยากได้อย่างนี้ ผมอยากได้แบบนี้ แต่หุ้นในร้านมันก็มีหลายหุ้น ก็เอาเสียงข้างมาโหวตกัน อันไหนมากก็เอาอันนั้นก็จบ ไม่ได้มีอะไรครับ และยิ่งเรื่อเงินเรื่องทองยิ่งไม่มีใหญ่เลยครับ เพราะตอนนี้ร้านยังไม่ได้เงินมันเพิ่งเปิดเอง”
“เพราะเงินปันผลเราต้องใช้เวลาถึงหกเดือน ถึงจะเห็นเงินตรงนั้นครับ อย่างเรื่องทะเลาะกันในอนาคตเรื่องเงินอันนี้มันไม่ใช่สาเหตุที่จะเป็นปัญหาอะไรอยู่แล้วครับ คือมันไม่ใช่ปัญหาที่เราจะมาทะเลาะกัน เพราะอย่างเงินปันผลก็รู้อยู่แล้ว ว่าคุณต้องตอกบัตรเข้าบริษัท คุณถึงจะได้ตังค์ ใครเข้าร้านมากก็ได้มากใครเข้าร้านน้อยก็ได้น้อย มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาทะเลาะกันเรื่องเงิน แต่จุ๋ยอาจจะได้น้อยหน่อยเพราะเขาจะใช้วีธีโทรศัพท์เอา แต่ผมจะพยายามเข้าไปตอกบัตรทุกวัน เพราะว่าอยากได้ตังค์ครับ”
“ซึ่งในเรื่องของทัศนคติ มันก็ไม่เกี่ยวที่จะก่อให้เกิดปัญหาในอนาคต เพราะว่าผมกับจุ๋ยก็แบ่งหน้าที่กันชัดเจน อย่างจุ๋ยจะดูเรื่องของคน ส่วนผมจะดูเรื่องทั่วๆ อย่างเช่น การเช็ดโต๊ะ การเสริฟอะไรทั่วไปครับ คือมันมีความเห็นไม่ตรงกันได้ แต่ว่ามันก็ต้องตามเสียงข้างมาก เพราะมันไม่ได้มีแค่เราสองคนในร้านมีตั้งหลายคน เราก็ต้องฟังเสียงข้างมากครับ เพราะว่าเราก็ทำหน้าที่ของเรา เขาก็ทำหน้าที่ของเขาไปครับ”
เล็งหาธุรกิจเป็นของตัวเอง เพื่ออนาคต หวั่นงานในวงการไม่มั่นคง
“การที่ผมหาธุรกิจเป็นของตัวเองแบบนี้ เพราะว่าผมก็รู้ว่ามันมีเวลาของมัน ในเรื่องของการทำงานตรงนี้ มันก็มีคนใหม่ๆ เพิ่มมาเรื่อยๆ แต่ว่าเราก็อยากทำตรงนี้เรารักในอาชีพนี้ แต่เราก็ต้องยอมรับความจริงในอาชีพนี้ว่ามันมีอายุของมัน เราไม่สามารถอยู่ได้ตลอด คือผมก็วางแผนในอนาคตของผมไป แต่ในอนาคตจริงๆ ผมก็อยากอยู่ในวงการเหมือนเดิม อยากเป็นผู้จัดละครอะไรไป แต่ว่าประสบการณ์เรายังน้อย เราก็ต้องหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ก่อนครับ ตอนนี้ก็พยายามหาข้อมูล เผื่อในอนาคตอาจจะมีบริษัทจัดละครเล็กๆ”
ปัด เป็นลูกรักเวิร์คพ้อยท์ แต่ก็ดีใจถ้าจะมองแบบนั้น
“ไม่จริงหรอกครับ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีครับ เพราะว่าทุกครั้งที่ได้รับงานผมก็ดีใจที่ได้ทำงานในแบบใหม่ๆ ค่ายละครใหม่ๆ และถ้าเราไปที่ไหนก็ตามเราก็ต้องทำหน้าที่ทำงานขอเราให้เต็มที่ และก็ทำให้ดีที่สุดที่เขาเรียกเราไปทำครับ เราก็ดีใจที่คนเห็นว่าเราเป็นลูกรักเวิร์คพ้อยท์แต่จริงๆ เราก็ทำได้ทุกบริษัทครับ เพราะต้นสังกัดคือช่อง7 พอเขามอบหมายมาให้เราทำงานตรงนี้เราก็ทำครับ”
“ไม่มีการเซ็นสัญญากับทางเวิร์คพ้อยท์ครับ ยังเซ็นสัญญากับช่องเหมือนเดิมครับ ไม่มีการทาบทามเซ็นหรือว่าอะไรครับ และผมคิดว่ามันก็เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นกับการที่จะมาเซ็นสัญญากับเวิร์คพ้อยท์ เพราะว่าผมทำงานตรงนี้เซ็นกับช่อง ผมก็ทำงานกับเวิร์คพ้อยท์ได้ไม่มีปัญหาครับ ไม่มีการย้ายค่ายแน่ครับ”
ที่มา: manager.co.th