ถ้าจะบอกว่าเขาคนนี้คือหนึ่งในผู้บริหารที่อารมณ์ดีที่สุดของวงการพีซีก็เป็นได้ เพราะนอกจากจะมีบุคลิกขี้เล่นเป็นที่ถูกอก ถูกใจทุกคนเมื่อยามขึ้นเวทีทำกิจกรรมร่วมกับผู้บริหารคนอื่นๆ หรือแม้แต่จังหวะที่ต้องพูดถึงสถานการณ์เศรษฐกิจที่มักถูกยกให้เป็นหัวข้อ “สุดเครียด” ของใครหลายคน
แต่ “สตีฟ เจ ดาลแมน” รองประธานฝ่ายขายและการตลาดและผู้จัดการทั่วไป ของกลุ่มรีเซลเลอร์ ชาแนล ออกาไนเซชั่น คนล่าสุดของบริษัท อินเทล คอร์ปอเรชั่น สามารถทำให้ประเด็นที่น่ากังวลเหล่านี้ มีทางออกในมุมมองที่ต่างออกไป ด้วยลีลาการพูดเปื้อนยิ้ม พร้อมภาษาอังกฤษสำเนียงสเปนที่เขารีบออกตัวว่า “ขอโทษด้วยถ้าผมจะพูดไม่ได้สละสลวยอย่างผู้บริหารคนอื่นๆ”
ด้วยประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวร่วมกับอินเทลมากว่า 30 ปี และยังเคยได้รับความไว้วางใจให้ดูแลตำแหน่งงานสำคัญในกลุ่มการขายและการตลาด เน้นกลุ่มช่องทางการตลาด และดูแลดิสทริบิวเตอร์ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการของอินเทล
เขามีผลงานโดดเด่น จนกระทั่งได้รับการยกย่องให้เป็น “ผู้บริหารฝ่ายช่องทางการขายยอดเยี่ยมประจำปี 2548" โดยสื่อด้านเทคโนโลยีแถวหน้าอย่างซีเอ็มพี มีเดีย
เชื่อทุกคนยังมองโลกแง่บวก
เมื่อมีโอกาสล้อมวงคุยกับสื่อทั่วเอเชียเร็วๆ นี้ “ดาลแมน” เปิดประเด็นสนทนาด้วยคำถามที่ว่า ทุกคนมองโลกไตรมาสแรกของปีอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า “โลกยังคงมีแง่ดีให้มองเห็น” เช่นเดียวกับมุมมองของเขา โดยเฉพาะประเทศแถบเอเชีย ซึ่งเขาเชื่อว่า เมื่อทุกคนยังคงมองโลกแง่บวก ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ดีกว่าการมองโลกแง่ลบ
เขาชี้ให้เห็นว่า เมื่อเทียบการเติบโตของตลาดระหว่างไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา และไตรมาสแรกของปีนี้พบว่า ผู้ค้าส่วนใหญ่ต่างก็ยังคงเชื่อมั่นว่า ตลาดจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในเร็ววันนี้
“เทรนด์เริ่มชัดเจนช่วงไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ซึ่งตลาดทรุดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะทุกคนต่างก็มุ่งประหยัดเงินในกระเป๋าสตางค์ ดังนั้นถ้ายอดขายจะลงก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ตั้งแต่ต้นปีมาคนเริ่มเชื่อมั่นมากขึ้น มีปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาช่วยทำให้ตลาดเริ่มดีขึ้นบ้าง”
มั่นใจไทยยังสุขภาพดี
ส่วนมุมมองในไทย ดาลแมนบอกว่า ตลาดไทยถือว่าทำได้อยู่ในเกณฑ์ดี เพราะเมื่อย้อนกลับไปดูสภาพตลาดปีที่ผ่านมา ทั่วโลกประสบปัญหาวิกฤติค่าเงิน ปัจจัยลบมากมาย แต่ตลาดไทยยังรักษาการเติบโตได้ต่อเนื่อง
เหตุผลสำคัญเขาเชื่อว่า เพราะรัฐบาลไทยมีส่วนช่วยผลักดันตลาดในประเทศ และช่วยให้พาร์ทเนอร์ของอินเทลในอุตสาหกรรมพีซีทำยอดขายได้ จากโครงการต่างๆ ทั้งที่เกิดขึ้นไปแล้ว และกำลังจะเกิดขึ้นจากนี้
นอกจากนี้พีซีราคาประหยัด ก็ยังทำยอดขายได้โดดเด่นมากในไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีอะตอม และคอร์ทูดูโอ
"ประชากรราว 80% ของตลาดไทยมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 15,000 บาท ทำให้พีซีในกลุ่มราคาประหยัด ได้แก่ อะตอม เดสก์ทอป และพีซีที่ใช้คอร์ทู ขายดีที่สุด แต่รู้ไหมว่ากลุ่มรากหญ้าเหล่านี้แหละที่กลับเป็นตลาดกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ"
ขณะที่เมื่อถามถึงความท้าทายที่สุดในปีนี้ เขานิ่งนึกอยู่นานก่อนจะยอมรับว่า มีหลายสิ่งที่ยังคงเป็นสิ่งที่ท้าทาย โดยเฉพาะการสร้างความมั่นใจว่าคู่ค้าของบริษัทสามารถบริหารจัดการธุรกิจของตัวเองได้ดีในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
รวมทั้งการให้ความสำคัญกับ “พันธมิตรในกลุ่มช่องทางการขาย” ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของบริษัทตามวิสัยทัศน์ของ “พอล โอเทลลินี” ประธาน และประธานคณะผู้บริหาร (ซีอีโอ) คนปัจจุบันของอินเทล คอร์ปอเรชั่น ก็เป็นสิ่งที่ยังคงสร้างความท้าทายให้ตัวเขาอย่างต่อเนื่อง
สินค้าใหม่กระตุ้นต่อม'ซื้อ'
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่ากลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตลาดในช่วงที่ซบเซาคือ การหาโพรดักส์ใหม่ๆ เข้ามาช่วยกระตุ้นต่อมจินตนาการของผู้บริโภคให้มากขึ้น
ดาลแมน บอกว่า เร็วๆ นี้อินเทลจะมีแพลตฟอร์มใหม่สำหรับตลาดโมบาย ซึ่งจะใช้ชื่อว่า "คัลเพลลา โมบาย แพลตฟอร์ม" แพลตฟอร์มใหม่พัฒนาจากสถาปัตยกรรมย่อยเนฮาเล็ม เทคโนโลยีโปรเซสเซอร์ 32 นาโนเมตร พร้อมเทคโนโลยีเทอร์โบ บูสต์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มผู้เล่นเกม ซึ่งอินเทลเชื่อว่าจะทำให้พันธมิตรของบริษัทสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดการเติบโตของธุรกิจได้
นอกจากนี้ การพัฒนาสินค้าให้ตรงความต้องการของตลาดก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ
เขาบอกว่า จากสถิติผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกแอพพลิเคชั่นที่ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่ง ต้องยกให้การเข้าอีเมล และท่องเว็บไซต์เพื่อหาข้อมูลต่างๆ ซึ่งไม่น่าแปลกใจว่า จากการเก็บข้อมูลมากกว่า 85% ผู้คนบนโลกออนไลน์จะมีพฤติกรรมเน้น “อ่าน” คอนเทนท์บนอินเทอร์เน็ตมากกว่าการสร้างคอนเทนท์ หรือ “พิมพ์ หรือสร้างข้อมูล” บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีคนกลุ่มนี้เพียง 15% เท่านั้น
เน็ตบุ๊คกระตุ้นคนเข้าถึงเน็ต
แต่ผลสำรวจล่าสุดยังพบว่า ปัจจุบันทั่วโลกยังมีผู้ที่ไม่มีพีซีใช้ราว 5 พันล้านคน ซึ่งอยู่ในเอเชียถึง 1.9 พันล้านคน
ดังนั้นแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของอินเทลจึงให้ความสำคัญแก่แพลตฟอร์มที่ตอบรับกับเทรนด์ดังกล่าว
ดาลแมนบอกว่า คอนเซปท์การพัฒนาที่เน้น “ความเบา” และ “บาง” จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ใช้เกิดความต้องการซื้อเครื่องใหม่มากขึ้น ซึ่งอินเทล ได้เริ่มพัฒนาชิพรุ่นใหม่ที่ออกแบบให้มีขนาดเล็กลงโดยรวมถึง 58% ซึ่งทำให้เวนเดอร์ของบริษัทสามารถพัฒนาตัวเครื่องที่บางลงได้ เช่น พีซีขนาดจอ 12 นิ้วที่กำลังเป็นที่นิยมในตลาด ความหนาเพียง 0.8 นิ้ว ขณะเดียวกันก็สามารถทำราคาเครื่องให้สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
"เน็ตบุ๊คทำให้คนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น เพราะวัตถุประสงค์จริงๆ ของการพัฒนาโปรเซสเซอร์ที่ใช้พลังงานต่ำคือ ทำให้เกิดการพัฒนาเครื่องที่สมรรถนะไม่ต้องสูงมาก แต่สามารถทำให้คนที่ไม่เคยมีพีซีใช้ก็เป็นเจ้าของได้ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าโพรดักส์กลุ่มนี้จะทำให้ตลาดยังคงคึกคักได้ในสภาพตลาดลุ่มๆ ดอนๆ แบบนี้"
ที่มา: bangkokbiznews.com