Author Topic: เอเซอร์เปลี่ยนแนว เบอร์หนึ่ง โมบิลิตีคอมพานี  (Read 884 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46027
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai



    เอเซอร์ประกาศชัด ขอเป็นเบอร์หนึ่ง “โมบิลิตี โซลูชัน” สร้างจุดขายใหม่ หวังลบภาพเอเซอร์ไม่แต่ฮาร์ดแวร์ หลังไล่กวดเบอร์หนึ่ง “เอชพี” ในตลาดรวมคอมพิวเตอร์มาติดๆ ใช้แนวคิด “แชร์” สร้างฝันให้เป็นจริง
       
       นายแฮรี่ หยาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาเรายังคงโดดเด่นด้วยความเป็นอันดับ 1 ในตลาดคอมพิวเตอร์โดยรวมอย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่งการตลาดของเอเซอร์หลังจากปิดไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมา โดยไอดีซีระบุว่าเอเซอร์มีส่วนแบ่งการตลาดคอมพิวเตอร์โดยรวมอยู่ที่ 26% ส่วนโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์เอเซอร์ยังคงเป็นอันดับ 1 เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 36% สำหรับปีนี้เอเซอร์ตั้งเป้าเติบโตประมาณ 20 % ในขณะที่ตลาดไอทีโดยรวมคาดว่าจะเติบโตประมาณ 15%
       
       “ทิศทางการทำตลาดของเอเซอร์ทั่วโลกในปีนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิม รวมถึงประเทศไทยด้วย โดยเอเซอร์จะไม่ได้เป็นแค่บริษัทที่ขายพีซีอีกต่อไป เอเซอร์จะเป็นผู้นำทางด้านโมบิลิตี โซลูชัน”
       
       การที่เอเซอร์กำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการที่เอเซอร์มีดีไวซ์.ใหม่อย่าง แท็บเลต โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนเข้ามาเสริม ซึ่งเติมเต็มช่องว่างทางด้านผลิตภัณฑ์ทางด้านมือถือซึ่งถือเป็นดีไวซ์ที่ตอบโจทย์เรื่องของโมบิลิตี้ได้เป็นอย่างดี
       
       “แชร์เป็นจิกซอร์ตัวสำคัญที่ทำให้เอเซอร์ขยายขอบข่ายการเชื่อมต่อการสื่อสาร โดยเพิ่มแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มด้านเนื้อหาเข้ามาผสมผสานกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเอเซอร์”
       
       นิธิพันธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวเสริมถึงกลยุทธ์ใหม่ของเอเซอร์ให้ฟังว่า แชร์ จะเป็นลักษณะของการแบ่งปันคอนเทนต์และประสบการณ์แบบเรียลไทม์ โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องอุปกรณ์ในการสื่อสาร และนั่นคือเป้าหมายของเอเซอร์ในฐานะผู้นำทางด้านอุปกรณ์โมบิลิตี้ คอมพิวติง เอเซอร์จึงสร้างความต่างในการเข้าถึงคอนเทนต์ โดยสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ที่หลากหลายได้อย่างง่ายดาย
       
       ทางเอเซอร์ได้พัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับส่งผ่านข้อมูลขึ้นมาเองโดยใช้ชื่อว่า “Clear.fi” ซึ่งเป็นระบบแชร์คอนเทนต์ผ่านดีไวซ์รูปแบบต่างๆ ทำให้ผู้ใช้งานที่มีดีไวซ์แตกต่างกันสามารถส่งผ่านไฟล์ข้อมูลที่เป็นรูปภาพ วิดีโอ และข้อความ
       
       Clear.fi จะทำงานตรงจากกล่องอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณอัตโนมัติ เมื่อมีการใช้งานอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่ายไร้สาย ภายในบ้าน ก็จะสามารถเปิดเนื้อหาดิจิตอลที่เก็บไว้บนอุปกรณ์ต่างๆ และเปิดใช้งานร่วมกันได้ผ่านการอินเตอร์เฟซข้อมูลของ Clear.fi โดยไม่มีข้อจำกัดในการขยายระบบการทำงาน เพราะอุปกรณ์ของเอเซอร์ทุกชิ้นจะติดตั้ง Clear.fi เอาไว้และทันทีที่มีการเชื่อมต่อระบบไวเลสภายในบ้าน ก็จะสามารถแบ่งปันข้อมูลมัลติมีเดียที่จัดเก็บไว้ โดยสามารถเรียกดูข้อมูลจากอุปกรณ์ชิ้นใดก็ได้
       
       “ภายในเดือนกุมภาพันธุ์จะเห็นการนำเสนอ Clear.fi ในผลิตภัณฑ์ของเอเซอร์ชัดเจนขึ้น”
       
       นายหยางกล่าวอีกว่า ดิจิตอลคอนเทนต์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 60% และคาดการณ์ว่าการเติบโตจะเป็น 2 เท่าทุกๆ 18 เดือน ทั้งในส่วนของข้อมูลและการผลิตเนื้อหาของดิจิตอลคอนเทนท์ส่งผลให้จำนวนและความหลากหลายของอุปกรณ์ที่สามารถใช้เนื้อหาเหล่านี้เติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
       
       อุปกรณ์เหล่านี้ถูกออกแบบเพื่อเป้าหมายอย่างเดียวกันคือ เสริมสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานผ่านอุปกรณ์เพื่อกระจายเนื้อหาไปยังผู้รับปลายทางในรูปแบบโซเชียลเน็ตเวิร์ก ปัจจุบันผู้บริโภคมีความต้องการใช้งานที่หลากหลายและต้องการที่จะแบ่งปัน ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและสามารถทำได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการควบคุมและปรับรูปแบบมีเดียที่ตรงกับชีวิต ประจำวันด้วยการเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการทุกเมื่อที่ต้องการ รวมถึงการบริโภคเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับอุปกรณ์สื่อสารเพื่อให้สามารถผสมผสานหรือจัดสรรคอนเทนท์ตามที่ต้องการ
       
       นอกจากจะมีการเปิด Clear.fi แล้ว ทางเอเซอร์เตรียมที่จะเปิดแพลตฟอร์มบริการรูปแบบใหม่ “alive” ที่เป็นการนำเสนอคอนเทนต์ผ่านเอเซอร์สโตร์มีทั้งคอนเทนต์ที่ฟรีและเสียค่าใช้จ่าย เปิดให้บริการแล้วที่ประเทศอังกฤษ ส่วนในเมืองไทยจะมีการเปิดตัวในประเทศไทยประมาณไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยเอเซอร์ระบุว่า เอเซอร์ไม่ต้องการที่เป็นผู้สร้างคอนเทนต์ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคมีลักษณะการใช้คอนเทนต์ในรูปแบบของการสร้างขึ้นเองและมีการดาวน์โหลดในลักษณะเรียลไทม์ถึง 90%
       
       นายหยางกล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ทางด้านผลิตภัณฑ์ เอเซอร์ยังคงเป็นผู้นำในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ ได้แก่ โน้ตบุ๊ก ทัชสกรีน สองหน้าจอ ในนาม "ไอโคเนีย" เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย จากที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ แต่วันนี้เราจะได้สัมผัสของจริงแล้วกับความสามารถรอบตัวที่อัดแน่นมากับขนาดเพียง 14 นิ้ว หน้าจอคู่ที่สามารถทำงานผสานกันและแยกส่วนกันได้ตามต้องการ พร้อมด้วยการใช้งานฟังก์ชั่นการใช้งานที่ง่ายมากด้วยระบบ all-point multi-touch หมายถึงการใช้นิ้วมือสั่งงานบน ICONIA เพื่อเข้าสู่การใช้งานได้ทุกรูปแบบ ทั้งมัลติมีเดีย บันเทิง ท่องเว็บไซต์ หรืองานเอกสาร ผ่านหน้าจอสัมผัส
       
       ในส่วนของแท็บเล็ต ซึ่งจะมีการนำเข้ามาทำตลาดไตรมาสสองของปีนี้ ที่มาพร้อมกับดีไซน์ล้ำสมัยกับหน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว และรุ่นหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว มีทั้งระบบปฏิบัติการณ์ “แอนดรอยด์” และ ระบบปฏิบัติการ “วินโดวส์ 7” มาพร้อมคุณสมบัติการใช้งานอันทรงพลัง ทำให้การสร้างคอนเทนต์ ถ่ายภาพ บันทึกวิดีโอ และส่งข้อความ ผ่านระบบไวไฟ และ 3G
       
       “จากผลสำรวจยอดจำหน่ายแทบเลตทั่วโลกในปี 2553 ปิดยอดที่ประมาณ 19 ล้านเครื่อง และคาดว่าในปี 2554 จะมียอดจำหน่ายทั่วโลก 54.8 ล้านเครื่อง และในปี 2557 จะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นถึง 208 ล้านเครื่อง นั่นหมายถึงว่า ตลาดมีความต้องการแทบเลตแน่นอน”
       
       นายบุญชัย เงาวิศิษฎ์กุล ผู้จัดการอาวุโส กลุ่มคอนซูเมอร์ ซิสเต็มส์ โปรดักส์ บริษัทเอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวเสริมว่า ขนาดตลาดคอมพิวเตอร์พีซีปีที่ผ่านมามียอดขายประมาณ 3 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ 1.6 ล้านเครื่อง คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 1.4 ล้านเครื่อง โดยปีในนี้เชื่อตลาดยังจะเติบโตประมาณ 20% สำหรับรายได้ของเอเซอร์ในปีที่ผ่านมายอดขายคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ยังคงมีสัดส่วนสูงถึง 65% ซึ่งปีนี้สัดส่วนก็จะยังคงเป็นเหมือนปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่า กระแสแทบเลตและสมาร์ทโฟนที่คาดว่าปีนี้จะเป็นกลุ่มสินค้าที่เติบโตสูงที่สุด แตก็มีสัดส่วนไม่ถึง 10% โดยเอเซอร์มีแผนจะปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ทันสมัยขึ้น รวมทั้งปรับช่องทางการขายเพื่อรองรับสินค้าใหม่ๆ เช่นแท็บเลต และสมาร์ทโฟน โดยจะใช้ความได้เปรียบของความพร้อมทางด้านช่องทางจัดหน่ายโดยเฉพาะช่องทางไอ ที ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของเอเซอร์ ขณะที่คู่แข่งบางรายไม่มี
       
       “ปีนี้เอเซอร์ตั้งเป้ามีรายได้เติบโตรวม 20% จากปีที่ผ่านมามีอัตราเติบโตจากปีก่อนหน้า 18%”
       
       Company Related Link :
       Acer

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)