Author Topic: อินเทลพร้อมขาย คอร์ ไอ เจนเนอเรชัน 2  (Read 884 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


      มาถึงแล้วเมืองไทยแล้ว อินเทล คอร์ป โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชัน 2 หรือที่อินเทลเรียกโค้ดเนมภายในบริษัทว่า “แซนดี้ บริดจ์” ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ที่อินเทลมั่นใจว่า จะตอบโจกย์พฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์ของคนทั่วโลกยุคสมัยนี้
       
       เอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของการใช้คอมพิวเตอร์ทั่วโลกว่า ในช่วงปีที่ผ่านมาความคึกคักของตลาดคอมพิวเตอร์ทั่วโลกที่มียอดขายเฉลี่ย 1 ล้านเครื่องต่อวัน เป็นผลมาจากพฤติกรรมการของยูสเซอร์ที่มีมุมมองต่อการใช้งานคอมพิวเตอร์เปลี่ยนไป
       
       “พฤติกรรมการใช้งานของยูสเซอร์ที่เปลี่ยนไปมีส่วนทำให้ทิศทางการพัฒนาของตลาดโปรเซสเซอร์ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของคอมพิวเตอร์ก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย เดิมการพัฒนาโปรเซสเซอร์จะใช้เทคโนโลยีเป็นพลังขับเคลื่อนพฤติกรรมยูสเซอร์”
       
       พฤติกรรมที่ทางผู้บริหารอินเทลระบุว่า เปลี่ยนไปนั้น จะเห็นได้จากกระแสความนิยมแชร์คลิปวีดิโอผ่าน "ยูทูบ" ที่ในปีที่แวมีการอัปโหลดคลิปมากกว่า 20 ล้านไฟล์ต่อเดือน ขณะเดียวกัน ก็มีคนเข้าไปดูราว 12.2 พันล้านไฟล์ต่อเดือน ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า ภายใน 3 ปีข้างหน้า หรือในปี 2557 การใช้งานของไอพีบนอินเทอร์เน็ตของยูสเซอร์ทั่วโลก 90% จะเป็นภาพเคลื่อนไหวทั้งหมด สอดคล้องกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกระแสโซเชียล เน็ตเวิร์ก อย่าง "เฟสบุ๊ก" ที่เติบโตอย่างมหาศาล ณ วันนี้ มีผู้ใช้งานเฟสบุ๊กทั่วโลกถึง 620 ล้านราย โดยผู้ใช้เฟสบุ๊กมีการอัปโหลดคอนเทนต์ที่เป็นภาพถึง 2,500 ล้านต่อเดือน
       
       “วันนี้ เฟสบุ๊กกลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีบริการต่างๆ ตั้งแต่เกม อัปโหลดภาพ อีเมล์ แชท ไม่ใครคิดมาก่อนว่า เฟสบุ๊กจะได้ความนิยมขนาดนี้”
       
       อินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชัน 2 เป็นไมโครอาร์คิเทคเจอร์รุ่นแรกที่ผสานเทคโนโลยีด้านภาพและกราฟิกสามมิติ เข้ากับประสิทธิภาพที่ล้ำหน้าของไมโครโปรเซสเซอร์ไว้ในชิปเพียงตัวเดียวว ารรวม Intel HD Graphics ไว้บนดาย (die) แต่ละตัว ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ 32 นาโนเมตร ทำให้ประสิทธิภาพด้านกราฟิกเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับกราฟิกรุ่นก่อนหน้านี้ ทั้งในด้านการประมวลผลสื่อระดับ HD และการเล่นเกมส่วนใหญ่ นอกจากจะมีสมรรถนะการทำงานที่สูงขึ้นแล้ว ชิปรุ่นใหม่นี้ยังทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานยิ่งขึ้นและทำให้การออกแบบคอมพิวเตอร์ทั้งโน้ตบุ๊กและพีซีแบบออล-อิน-วัน มีดีไซน์ที่เพรียวบาง น้ำหนักเบาละทันสมัยมากขึ้นอีกด้วย
       
       เทคโนโลยีกราฟิกของโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ จะมุ่งเน้นประสิทธิภาพในด้านที่คนส่วนใหญ่ต้องการใช้มากที่สุดในในปัจจุบัน เช่น การชมวิดีโอแบบไฮเดฟินิชั่น การชมภาพนิ่ง การเล่นเกมส์ของคนส่วนใหญ่ การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน และสังสรรค์ผ่านสังคมออนไลน์ ไปจนถึงการใช้สื่อมัลติมีเดีย เทคโนโลยีด้านภาพ อย่างเช่น Intel HD Graphics จะมีอยู่ในโปรเซสเซอร์เจนเนอเรชัน 2 นี้ทุกรุ่น เพราะสำหรับผู้บริโภคแล้ว นั่นหมายถึงประสบการณ์การใช้พีซี ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งประสิทธิภาพโดยรวมด้านการจัดการพลังงานที่สูงขึ้น สมรรถนะการทำงานที่เพิ่มขึ้น และอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ดีกว่าเดิม
       
       เอกรัศมิ์ กล่าวว่า โปรเซสเซอร์นี้แสดงให้เห็นถึงความก้าวล้ำในด้านประสิทธิภาพการคำนวณและสมรรถนะระดับสูงเมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์รุ่นก่อนหน้านี้ สมรรถนะด้านการแสดงภาพในตัวที่ได้จากโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่นี้สามารถทำได้อย่างน่าทึ่ง และยิ่งเมื่อรวมกับประสิทธิภาพด้านการปรับภาพแล้ว จะยิ่งนับว่าเป็นการปฏิวัติประสบการณ์สำหรับการใช้พีซี ในระดับที่ผู้ใช้งานทุกคนจะต้องชื่นชอบกับความฉลาดล้ำของชิปตัวนี้ที่ส่งผลต่อการชมภาพอย่างเห็นได้ชัด
       
       คุณสมบัติพิเศษใหม่ๆ ยังรวมถึง IntelQuick Sync Video และ Intel® Wireless Display (WiDi) เวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีอินเทลที่ผ่านการรับรางวัลมาแล้ว สามารถเพิ่มความคมชัดแบบไฮเดฟินิชั่นในระดับ 1080p และความสามารถในการการปกป้องคอนเทนต์ สำหรับผู้ที่ต้องการส่งคอนเทนต์แบบไฮเดฟินิชั่นระดับพรีเมี่ยมจากจอโน้ตบุ๊กไปยังโทรทัศน์
       
       คุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ที่มาพร้อมกับชิปรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ ยังประกอบด้วย Intel Advanced Vector Extensions (AVX), Intel InTru 3-D และ Intel Clear Video Technology HD โดยที่ Intel InTru 3D ช่วยให้การชมภาพสามมิติแบบสมจริงจาก HDTV หรือจอภาพ ผ่านสาย HDMI 1.4 ได้ จึงเพิ่มความตื่นตาตื่นใจในการชมภาพยนตร์ได้ราวกับว่าภาพสามารถทะลุออกจากจอได้
       
       สำหรับ Intel AVX นั้น ช่วยให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในด้านแอพพลิเคชั่นภาพที่ต้องการสมรรถนะการทำงานสูง เช่น การประมวลผลเสียงและการแก้ไขวิดีโอแบบมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อรูปภาพหลายๆ รูปเข้าด้วยกัน ส่วน Intel® Clear Video ช่วยทำให้ภาพและความแม่นยำของสีในการเล่นวิดีโอดียิ่งขึ้น เพื่อประสบการณ์การรับชมที่น่าประทับใจ
       
       ชิปรุ่นใหม่นี้ ผลิตขึ้นโดยใช้เทคโลยีการผลิตแบบ 32 นาโนเมตร และใช้ทรานซิสเตอร์ชนิด High-k metal gate รุ่นที่ 2 ที่ล้ำหน้าของอินเทลล ข้อได้เปรียบต่างๆ นี้ ถือเป็นเอกลักษณ์ของอินเทลยังช่วยเพิ่มสมรรถนะการทำงานของคอมพิวเตอร์ ลดการใช้พลังงาน เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้นานขึ้นทำให้การการออกแบบเครื่องมีขนาดเล็กลง และลดค่าใช้จ่ายการผลิตโดยรวมลงอีกด้วย
       
       เมื่อถามถึงสภาพตลาดคอมพิวเตอร์ในบ้านเราจะเป็นอย่างไร เอกรัศมิ์ มองว่า ภาพรวมตลาดพีซีในปีนี้มีแนวโน้มจะเติบโตได้ราว 15-20% จากปีก่อนหน้า แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่า คือ การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งไม่ได้มองคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการประมวลผลธรรมดาๆ แล้ว จะเห็นการบริโภควิดีโอที่มีคุณภาพของภาพ “ไฮเดฟินิชัน” ในระดับ 1080p มากขึ้น จากเดิมที่แทบจะมองเป็นเรื่องยากที่ยูสเซอร์ทั่วไปจะสามารถผลิตคอนเทนต์คุณภาพสูงแบบนี้ผ่านทางคอมพิวเตอร์ที่บ้านหรือบนโน้ตบุ๊ก เพราะต้องใช้พลังของโปรเซสเซอร์ที่สูงในการประมวลผล
       
       “ภาพเหล่านี้ในบ้านเรา จะเห็นมากขึ้น เมื่อระดับราคาดีไวซ์ที่มีคุณภาพระดับไฮเดฟินิชันมีราคาที่ลดลง วันนี้เด็กรุ่นใหม่คุ้นเคยกับการคุณภาพแบบนี้แล้ว”
       
       เอกรัศมิ์ ระบุอีกว่า ทางอินเทลพร้อมวางตลาดซีพียูรุ่นใหม่นี้ในไทย 29 รุ่น โดยจะมีราคาที่เท่ากับซีพียูรุ่นเก่าสำหรับซีพียูตั้งโต๊ะ ส่วนราคาของอุปกรณ์อย่างเมนบอร์ดซึ่งถือเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่จะต้องเปลี่ยนไม่สามารถใช้กับเมนบอร์ดสำหรับซีพียู คอร์ ไอรุ่นแรกได้ คงขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิตเมนบอร์ดว่า จะทำราคาลงมาได้เร็วแค่ไหน ซึ่งจากประสบการณ์ที่เปิดตัวคอร์ ไอ รุ่นแรก ใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีประมาณ 6 เดือน ราคาถึงจะลงมาอยู่ในอัตราปกติ
       
       “ส่วนตลาดโน้ตบุ๊ก คงต้องขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิตโน้ตบุ๊กแต่ละยี่ห้อว่า จะปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีเร็วเพียงใด ซึ่งเชื่อว่า จะใช้เวลาเร็วกว่าบนซีพียูแบบตั้งโต๊ะประมาณ 6 เดือน””
       
       จากการสอบถามบริษัทผู้ผลิตโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ อย่างเอเซอร์ เลอโนโว โตชิบา ต่างพร้อมที่จะวางโน้ตบุ๊กที่ใช้ซีพียูรุ่นใหม่แล้ว
       
       “จะเห็นซีพียูที่เป็น คอร์ ไอ7 รุ่นใหม่บางแล้วประมาณ 1-2 โมเดล และจะทยอยเปิดตัวคอร์ ไอ3 และ ไอ5 ออกมาหลังวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ซึ่งทางอินเทลกำหนดเวลาการวางตลาดซีพียูเอาไว้อย่างนี้ ตอนนี้มีโปรดักส์พร้อมที่จะวางตลาดแล้ว” ถกล นิยมไทย ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เล่าให้ฟังถึงความพร้อมในการวางตลาดโน้ตบุ๊กโตชิบาในประเทศไทย
       
       Company Relate Link :
       Intel

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)