“เก่ง เมธัส” เม้งแตก หวิดมีเรื่องกับโปรดิวเซอร์ หลังเชิญให้ไปออกรายการแล้วเอาวีทีอาร์คดีเก่ามาเปิดออกอากาศ จนต้องเคลียร์ยกใหญ่ เจ้าตัวประกาศออกทีวี ต่อไปนี้จะเป็นคนดี ไม่ทำเรื่องเสื่อมเสียอีก เผย เตรียมบวชช่วงเดือนเม.ย.ที่จะถึงนี้ เหตุเป็นปีชงอยากทำบุญให้ตัวเอง พร้อมเปิดใจเรื่องข่าวที่ผ่านมา ตนเป็นฝ่ายถูกกระทำทั้งหมด
ยังคงเป็นปริศนาที่หลายๆ คนคับข้องใจกับเรื่องที่นายแบบและนักแสดงหนุ่ม “เก่ง เมธัส สวนศรี” มีข่าวว่าถูกกลุ่มชายฉกรรจ์เกือบสิบชีวิต รวมถึงชายในเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดักอุ้มขึ้นรถไปจากลานจอดรถใต้ดินของห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน เมื่อค่ำคืนวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งกระแสข่าวที่ออกมาก็คือเป็นเพราะติดหนี้พนันบอลจากคนที่ชื่อ “บี” อยู่หลายล้านบาท จึงทำให้ถูกอุ้มไปดังกล่าว และช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น “เก่ง” ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่าเป็นแค่การเข้าใจผิด คนในเครื่องแบบที่เห็นก็คือกลุ่มเพื่อนของตนทั้งนั้น แต่ข่าวนี้ก็สร้างความเสียหายกับทั้งตนและ “บี” ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของตนที่ผับในพัทยาอย่างมาก
แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้ “เก่ง” เป็นที่ต้องการตัวของบรรดาสื่อทุกแขนงที่เรียกร้องให้ไปออกรายการต่างๆ แทบทุกวัน ล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น.ของวานนี้(13 ม.ค.) นักแสดงหนุ่มก็เดินทางไปออกรายการ “บอกเก้าเล่าสิบ” ของสองพิธีกร “มดดำ คชาภา ตันเจริญ” และ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ที่สตูดิโอโมเดิร์นไนน์ทีวี แต่ก็หวิดมีปัญหากันนิดหน่อยกับทางรายการ เพราะวีทีอาร์ที่นำมาเปิดเข้ารายการนั้นเป็นการประมวลทุกคดีที่ผ่านมาของ “เก่ง” ทำให้เจ้าตัวไม่พอใจมาก และพูดกับสองพิธีกรว่าญาติๆ และผู้ใหญ่ของตนที่ดูรายการอยู่ไม่พอใจมากกับวีทีอาร์นี้ เพราะมันเป็นเหมือนการเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่อีกครั้ง
แต่การดำเนินรายการสดก็เริ่มขึ้น โดยสองพิธีกรก็ซักถามเกี่ยวกับเรื่องราวที่มีกระแสว่าถูกอุ้มล่าสุดก่อน ซึ่ง “เก่ง” ก็เผยว่าตนไม่ได้ถูกอุ้มแม้แต่น้อย เพียงแต่ที่คนเข้าใจผิดเพราะมีรถตำรวจอยู่ในเหตุการณ์ และหลายชายของตนก็เอารถออกมาไม่ได้ เพราะบัตรจอดรถยังอยู่ที่ตนนั่นเอง แต่ก็ออกตัวแทนคนชื่อ “บี” ที่ถูกหาว่าเป็นเจ้าพ่อโต๊ะบอลว่าเรื่องนี้ทำเอาอีกฝ่ายเสียหายมาก เพราะเป็นหุ้นส่วนที่เปิดผับกับตนที่พัทยาอยู่ด้วย และวันนี้เจ้าตัวก็พากลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนมาที่สตูดิโอด้วย พร้อมบอกว่าคนกลุ่มนี้คือญาติๆ ของตนเอง ซึ่งก็เป็นทั้งตำรวจและทหาร และปกติชอบใส่เสื้อสีดำคนที่เห็นเหตุการณ์เลยเข้าใจผิด
โดยรายการก็ดำเนินไปด้วยความเมามัน เพราะสองพิธีกรก็จิกกัด “เก่ง” อยู่ตลอด โดยเฉพาะ “มดดำ” ที่เป็นเพื่อนกับนักแสดงหนุ่มมาตั้งแต่เด็กๆ ก็มีการาจิกกัดแรงๆ อยู่หลายครั้ง อย่างประโยคที่ถามว่านักแสดงหนุ่มทำมาหากินอะไรถึงได้มีเงินหลายล้านซื้อรถ เปิดผับ แถมมีกิจการลานเบียร์ และมีข่าวว่ามีหญิงแก่ใกล้ตายคอยอุปการะอยู่จริงหรือไม่ ซึ่ง “เก่ง” ก็ตอบคำถามนี้ว่า
“ก็มีจริงครับ คือทุกคนก็เห็นกันแล้วว่าผมมีแม่ม่าย แม่ม่ายของผมก็คือปู่ตาย ก็ต้องเป็นย่าไงครับ ผมไปไหนผมก็ไปกับย่าตลอด แล้วจริงๆ คนเรามันก็มีหลายแบบ มีทั้งรักมีทั้งเกลียด ผมก็มีคนรักเป็นแสน คนเกลียดเป็นล้าน คุณมดดำก็ไม่ได้น้อยไปกว่าผมเท่าไหร่ กะเทยก็ไม่ได้ชอบคุณมดดำนะ อย่างบางคนเขาก็อาจจะไม่ชอบเรา เพราะเราดูแบดบอย มีเรื่องมีราวมีข่าวนั้นข่าวนี้ตลอด แต่เห็นผมเป็นอย่างนี้ผมเป็นคนธรรมะธรรมโมนะ”
ซึ่งสองพิธีกรก็ถามต่อถึงเหตุการณ์ที่ไปทำร้ายรปภ.ที่ผับพัทยา แถมมีการยิงปืนขึ้นฟ้า และคดีอื่นอีกมากมาย นักแสดงหนุ่มก็เอาตัวรอดมาได้หมดแบบไม่มีคดีติดตัวเลย เรื่องนี้ “เก่ง” ก็ตอบว่า “เรื่องที่ผับนั่นอันนั้นมันมีปัญหา คือเก่ง เมธัสไปทำอะไรมันก็มีคนหมั่นไส้ ผมน่ะเป็นคนไม่ค่อยยอมคน นิสัยผมเป็นอย่างนี้ เป็นคนใจร้อน แต่ว่าผมเป็นคนไม่หาเรื่องคน แล้วอย่างเรื่องเวลาผมมีคดี เขาก็ต้องมีการสืบเสาะ สืบสวนว่าผมผิดหรือถูก อย่างผมโดนพี่หนุ่มต่อยหน้า แต่พอเป็นข่าวก็กลายเป็นว่าเก่ง เมธัสผิดอีกแล้ว เพราะพี่หนุ่มไม่เคยมีเรื่องเลย พี่หนุ่มมีแต่เรื่องผู้หญิง(หัวเราะ) คือผมมีเรื่องบ่อย คนก็ติดภาพตรงนั้นไป แต่ตอนนี้ผมอยากอยู่สงบๆ เพราะว่าเดี๋ยวผมจะบวชแล้ว”
“แล้วเหตุผลที่ผมทำไมต้องเอาปืนยิงขึ้นฟ้าไม่มีเลยครับ คือข่าวลงไปว่าตรวจเจออาวุธปืน แล้วเอาปืนไปยิงเขา แล้วผมยิงใครล่ะ ผมโดนรังแกนะ ภาพผมมันเป็นอย่างนี้ไง เก่ง เมธัสภาพมันก็ต้องออกมาเป็นแบดบอย แต่ตอนนี้ผมไม่อยากเป็นคนแบบนี้ ผมอยากจะอยู่เฉยๆ ไม่อยากเป็นข่าวเลย จริงๆ อยากจะเปลี่ยนชื่อเลยนะ ทุกวันนี้ปืนก็ไม่ได้พก จะพกได้ยังไงเพราะทุกวันนี้กฎหมายเขาห้าม แล้ววันนั้นก็ไม่ใช่ปืนด้วย เป็นแค่การทะเลาะวิวาทธรรมดา หรือเรื่องที่ว่าผมกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้หญิงเพราะผมเป็นโรคจิตเนี่ย ผมไปกักขังใครล่ะครับ ไม่เคยเลยครับ ไม่มีนะ ผมเคยมีเรื่องผู้หญิงก็คือเรื่องพรากผู้เยาว์(กรณีจิ๊บ คีตภัทร อันติมานนท์) นั่นมันก็สมัย 10 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นผมก็อายุ 17-18 ผมก็ผู้เยาว์เหมือนกัน”
“แต่ผมก็ยอมรับนะว่าเรื่องที่ผ่านมาผมผิดนะ ทำผิดมาตลอดครับ และผมก็คิดจะปรับปรุงตัวนะ ผมคิดตั้งนานแล้วครับ จริงๆ ผมไม่อยากมีเรื่องมีอะไรหรอก ผมเบื่อ ผมสงสารญาติผม สงสารพ่อผม สงสารคุณย่า สงสารผู้คนรอบข้าง พี่ๆ ที่ดูแลผม คุณย่าเขาก็ปวดหัวว่าผมไปว่าพี่บีเขาได้ยังไงว่าเขามาอุ้มผม ผู้ใหญ่เขาก็คุยกันเลย ทีนี้เหมือนผมไปให้ข่าวว่าผมโดนอุ้ม แล้วหลานผมมันก็มาด้วย มันก็บอกมันไม่ได้พูดอย่างนั้น”
ส่วนกรณีที่ได้รางวัลบุคคลดีเด่นจากรางวัลระฆังทองนั้น ทั้ง “มดดำ” และ “หนุ่ม กรรชัย” ก็แซวและจิกกัดกันยกใหญ่ว่าไม่สมควรได้รับ ยัดเงินจนได้รางวัลหรือเปล่า หรือบอกว่าที่จริงแล้วน่าจะเป็น “ระ” อย่างอื่นมากกว่า “ระฆังทอง” ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่โกรธพร้อมบอกว่า
“คือผมคิดว่าที่เขาให้รางวัลนี้กับผมเพราะคงเห็นผมมีข่าวเยอะตลอด ภาพผมมันเป็นแบดบอย ก็อาจจะให้รางวัลนี้มาเตือนสติผมว่าคุณเลิกทำตัวไม่ดีได้แล้วนะ คุณเลิกแบดบอยได้แล้วนะ คุณต้องเป็นคนใจเย็นๆ ผมถึงคิดว่ารางวัลนี้จากท่านนายกสมาคม และผมก็รับกับท่านองคมนตรี จริงๆ ผมก็ไม่คิดว่าผมจะได้ แต่ผมได้มาแล้วผมก็ต้องเก็บไว้ให้เป็นเกียรติกับผมนะครับ ได้มาผมก็ดีใจ ก็เหมือนเตือนสติผม แล้วก็ทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเอง”
“เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าผมเป็นคนไม่ดีร้อยนะ ผมว่าคนเราไม่มีใครดีร้อยครับ ผมคิดอย่างนั้นนะ ส่วนตัวผมเองไม่ดีเยอะกว่าดี แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมจะเป็นคนดีแล้ว แล้วผมก็เริ่มเป็นคนดี และเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นผมก็ไม่ได้เป็นคนกระทำ เหตุการณ์มันพาไป แล้วบอกว่าผมไปโดนอุ้ม แล้วผมก็มาเป็นข่าววันนี้ กลายเป็นขุดเรื่องเก่ามาว่าผมว่าผมเป็นคนไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ หลังจากที่ผมรับรางวัลระฆังทองวันนั้นผมก็ไม่เคยมีเรื่อง เช็คดูได้ครับ ผมรับแล้ว ผมไม่เคยมีเรื่องเลย ผมไม่เคยทำผิดเลย”
สุดท้ายก่อนจบรายการ “เก่ง เมธัส” ก็ได้ยกมือไหว้ขอโทษประชาชนทุกคนผ่านรายการ และให้คำมั่นสัญญาว่าต่อไปนี้จะไม่ให้มีเหตุการณ์ร้ายๆ ขึ้นอีก และต่อไปตนจะตั้งมั่นเป็นคนดีของสังคมแล้ว
“จริงๆ แล้วผมอยากจะกราบขอโทษทุกๆ คนตรงนี้เลยนะครับ(ยกมือไหว้) ที่ผ่านมาผมไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เกิดเรื่องหรือว่าไม่ดี แต่ตอนนี้ผมไม่ได้จะขอโอกาสหรือว่าอะไร แต่ผมอยากจะขอปรับปรุงตัวใหม่และแก้ไขในสิ่งที่ผ่านมาที่มันไม่ดี และตอนนี้ผมสัญญาว่าผมจะเป็นคนดี ทำให้ทุกคนและพ่อผมเห็น และแม่ผมที่เสียชีวิตไปแล้วครับ”
ซึ่งพอจบรายการนักแสดงหนุ่มก็บ่นกับทาง “หนุ่ม กรรชัย” ว่าไม่น่าเอาวีทีอาร์อย่างนั้นเปิดต้นรายการ เพราะยิ่งทำให้ตนเสื่อมเสียมากขึ้น และทางญาติๆ ผู้ใหญ่ของตนที่ดูรายการอยู่ก็โทรมาอย่างไม่พอใจ ซึ่ง “หนุ่ม” ก็รีบชี้แจงว่าตนไม่รู้เรื่อง และคิดว่ามันแรงไปจริงๆ หลังจากนั้นโปรดิวเซอร์รายการก็มาพูดคุยด้วย แม้หนุ่ม “เก่ง” จะมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็เคลียร์กันด้วยดี หลังจากนั้นจึงได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตนโกรธมากที่ทำวีทีอาร์อย่างนี้ เพราะรายการอื่นก็เชิญตนไปออกมากมาย แต่ไม่มีใครทำอย่างนี้เลย
“ยอมรับว่าโกรธมากเลยครับ คือตอนผมเข้าไปก็ยังไม่เห็นหรอก แต่พอดีญาติผมโทรมาและผู้ใหญ่ของผมก็โทรมาว่าทำไมไปเอาวีทีอาร์เหมือนไปตัดมาอย่างนั้น ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ไง คือตอนนี้ผมมีรายการเยอะที่จะให้ผมไปออก แล้วพี่หนุ่มก็โทรมาบอกว่าให้ผมช่วยมาออกรายการเขาหน่อย ผมก็บอกว่าผมไม่ว่างเลยวันนี้ แต่ผมก็มาให้ ผมต้องไปแคนเซิลรายการอื่นด้วยนะ แล้วผมก็มาออกรายการพี่หนุ่ม เพราะผมสนิทกับมดดำด้วยไง เป็นเพื่อนกัน แต่ผมไม่รู้ว่าวีทีอาร์มันจะเป็นอย่างนี้ คือข่าวไม่ดีมันขายได้ แต่ผมก็อยากเป็นคนดีในสังคมบ้างนะ แต่เอาวีทีอาร์มาอย่างนี้ผมก็รู้สึกนิดนึงนะ”
“ผมก็ไม่รู้ว่าฟีดแบคพอกลับไปผู้ใหญ่ของผมจะว่ายังไง คนที่เคยช่วยเหลือผมหรือว่าคนที่ให้โอกาสผมเขาจะมองว่าเรื่องไม่มีก็จะให้มันมีขึ้นมาอีกแล้ว แต่รายการอื่นที่ติดต่อมาเขาดูแลผมนะ ไปออกรายการอื่นก็ไม่มีปัญหา นี่พอเสร็จก็มีผู้ใหญ่โทรมาเละเลย แต่รายการอื่นเขาไม่ทำอยู่แล้วครับ ไม่มีวีทีอาร์อย่างนี้แน่นอน เห็นไหมล่ะผมไปออกรายการไหนก็ไม่มีวีทีอาร์อย่างนี้เลย ขนาดข่าวอาชญากรรมยังไม่ทำอย่างนี้เลย ผมไม่ได้ไปฆ่าคนตาย ผมไม่ได้ไปทำอะไรมานะ แต่เขาทำกับผมซะขนาดนี้”
ยอมรับที่บวชเพราะปีนี้เป็นปีชง พร้อมกับโชว์สร้อยพระที่ห้อยคออยู่หลายองค์ เผยว่ากลัวว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นอีก เพราะเพื่อนหลายคนที่เคยชงเสียชีวิตไปแล้วก็มี
“ผมจะบวชก่อนเมษายนนี้แหละครับ ถ้าไม่สิ้นเดือนพฤษภาคมก็น่าจะเป็นเดือนเมษายน แต่บวชในกรุงเทพฯ นี่แหละครับ แต่อาจจะไปจำวัดที่ต่างจังหวัด ที่จะบวชในกรุงเทพฯ เพราะว่าสะดวกกับญาติพี่น้องที่นี่ แล้วก็พี่ๆ ที่จะมาร่วมงานทำบุญด้วยครับ จะบวชนานแค่ไหนต้องแล้วแต่พระเลยครับ แล้วแต่ท่านว่าอยากจะให้ผมอยู่สงบๆ คือผมตั้งใจจะบวชก่อนที่จะมามีเรื่องว่าผมถูกไปอุ้มฆ่าอะไรนี่อีก แล้วผมเกิดปีไก่ ปีนี้ปีชงของผมด้วย ก็เต็มๆ เลย และผมเชื่อนะว่าเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นกับผมเพราะเป็นปีชง มันโดนเต็มๆ เลย นี่ผมก็ห้อยไก่เอาไว้ อันนี้สท.ที่พิษณุโลกเป็นรุ่นพี่ผมเขาทำมาให้ เป็นรูปไก่แล้วก็ลงปลุกเสกมา”
“คือปีชงก็เต็มๆ เลย ผมก็คิดว่าเหนื่อยนะ แต่มันก็อยู่ที่ตัวเราด้วยว่ามันจะทำให้มันเกิดหรือเปล่า แต่เรื่องนี้มันไม่น่าเกิดเลยไง ถ้าผมอยากจะสร้างกระแส ผมจะมาสร้างให้มันดูไม่ดีอย่างนี้ทำไม ผมไปสร้างอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอ อย่างไปรับรางวัลระฆังทองอย่างเนี้ย ไปทำอะไรในสิ่งที่ดีๆ เป็นประโยชน์ต่อสังคมไม่ดีกว่าเหรอ ตอนนี้ผมก็ต้องระวังตัวเป็นพิเศษแหละครับ คือเพื่อนผมเคยชงเหมือนกัน ขับรถชนตายก็มี บางคนอาบน้ำร้อนแล้วไฟรั่วตายก็มี “บี โปเตโต้” น่ะครับ”
“คือผมรู้นะว่าผมอาจจะมีภาพลักษณ์ไม่ดี มีข่าวเรื่องผู้หญิงเยอะนะ เจ้าชู้ แบดบอยเป็นธรรมดา แต่คำว่าแบดบอยของผมมันจะมีลิมิต คือไม่ไปรังแกใคร ไม่หาเรื่องใคร ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เรื่องนี้ผมเน้นมากเลย ผู้ใหญ่ที่ดูแลผมอยู่ ญาติพี่น้องหรือว่ารุ่นพี่ผมเวลาที่ผมมีปัญหาต่างๆ เขาก็เตือนว่ามีเรื่องอะไรก็ได้หมด แต่อย่ามีเรื่องยาเสพติดเพราะว่าประเทศไทยรับไม่ได้ และสังคมไทยรับไม่ได้ และในหลวงท่านตรัสไว้ว่ายาเสพติดไม่ดีเลย แล้วผมไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ พูดไปไม่มีใครเชื่อหรอก ก็ผมมีไม่ดีตั้งหลายอย่างก็ให้ผมมีดีๆ บ้างนิดหน่อยก็ยังดี”
แก๊งค์ที่มาเป็นเพื่อนเก่ง เมธัส
โปรดิวเซอร์รายการต้องรีบมาเคลียร์เรื่องวีทีอาร์
โชว์สร้อยพระที่ห้อยติดตัวตลอด
ที่มา: manager.co.th