Author Topic: คำทำนายนอสตราดามุส  (Read 3547 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

คำทำนายนอสตราดามุส
« on: May 02, 2011, 02:25:04 PM »

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai

นอสตราดามุส เป็นชาวฝรั่งเศสเชื้อสายยิว เกิดวันที่ 14 ธ.ค. ค.ศ.1503 ที่เมืองแซงต์ เรมี ในครอบครัวที่มีอันจะกิน พ่อชื่อชาคส์ แม่ชื่อเรอเน่

นอสตราดามุสเป็นเด็กที่เติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ เพราะสนิทกับคุณปู่และคุณตาที่เป็นถึงแพทย์หลวง เขาจึงมีความรอบรู้เก่งกล้าในหลักวิชาแขนงต่างๆ มีความรอบรู้มากกว่าเด็กร่วมยุคในวัยเดียวกัน รอบรู้ทั้งวรรณคดีคลาสสิค ประวัติศาสตร์ การแพทย์ สมุนไพร ฯลฯ ปัจจุบันนี้ผู้คนจะรู้จักนอสตราดามุสในฐานะนักพยากรณ์เอกของโลก แต่ความจริงแล้วเขาเป็นถึงแพทย์ปริญญา เภสัชกร นักสมุนไพร นักโภชนาการ นักคิดนักปฏิรูป นักดาราศาสตร์ และนักวิทยาศาสตร์ ชีวิตของเขาฝ่ามรสุมมาอย่างโชกโชน

นอสตราดามุสจบแพทย์ มหาวิทยาลัยมองต์เปลิเยต์ ปี 1525 เขาเป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับวิชาการแพทย์ที่เก่าคร่ำครึ เช่น การไม่ยอมทำความสะอาดแผลของผู้ป่วย เพราะกลัวว่าเป็นการล้างบาป ซึ่งความคิดดังกล่าวทำให้ยุโรปยุคศตวรรษที่ 16 ตกอยู่ในช่วงการระบาดของเชื้อโรคมากมาย

ในปี ค.ศ.1537 โรคระบาดแพร่ระบาดมาถึงเมืองอายีน คนตายกันเป็นเบือ และขณะที่นอสตราดามุสเดินทางไปรักษาคนป่วยอย่างเหน็ดเหนื่อย เขากลับมาบ้านและพบว่าภรรยาและลูกของเขาติดเชื้อกาฬโรคเสียแล้ว เขาพยายามทุกวิถีทางแต่ก็สายเกินแก้

หลังจากที่ลูกเมียตาย นอสตราดามุสก็เข้าสู่ช่วงตกต่ำที่สุด นอกจากจะเสียใจที่สูญเสียคนรักแล้ว ชาวเมืองอายีนก็หมดศรัทธา ไม่ยอมเชื่อถือในวิชาแพทย์และการรักษาของเขาอีกต่อไป และคราวนี้นอสตราดามุสก็ทำอะไรไม่ถูกใจคนไปเสียหมด โดยระหว่างที่เขาเดินผ่านไปเห็นคนงานกำลังหล่อรูปพระแม่มารีอยู่นั้น เขาก็แหย่เล่นว่า “กำลังหล่อรูปปีศาจใช่ไหม” เพียงเท่านั้นนอสตราดามุสก็ถูกตราหน้าว่าไม่เคารพพระแม่มารี ทั้งยังถูกเจ้าหน้าที่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนด้วย

ในที่สุดนอสตราดามุสจึงตัดสินใจหนีออกจากเมืองอายีน หลบหนีพวกกรรมการสอบสวน เร่ร่อนไปทั่วยุโรปตอนใต้และตะวันตกอยู่ 6 ปี ซึ่งในช่วงเวลานี้เขาเสาะแสวงหาสัจธรรมของชีวิต และในที่สุดเขาก็ใช้วิธีอ่านเหตุการณ์ล่วงหน้า ให้กลายเป็นมิติภาพในจิตทัศน์ของเขาได้ เขาเสียชีวิตวันที่ 1 ก.ค. 1566 ด้วยโรคเกาต์

คำพยากรณ์ของนอสตราดามุสที่ถูกต้องและเลื่องชื่อมากคือเขาเห็นบาทหลวงฟรานซิส ที่พบกันโดยบังเอิญ และพยากรณ์ว่าบาทหลวงผู้นี้จะเป็นองค์สันตปาปาในอนาคต ซึ่งตอนนั้นคนอื่นหัวเราะกันเอิ๊กอ๊าก เพราะบาทหลวงผู้นี้ไม่โดดเด่นเลย พื้นเพยังเป็นคนต่ำต้อยอีกด้วย นอกจากนี้คำพยากรณ์ว่าพระเจ้าอังรีที่ 2 จะสวรรคตด้วยการประมือกับคนหนุ่ม ก็เป็นจริง ภายหลังพระเจ้าอังรีที่ 2 ภายระหว่างการประลองยุทธ์กับนักรบหนุ่มในกองทหารสกอตรักษาพระองค์ ส่วนเหตุการณ์ยุคหลังๆที่ตรงได้แก่ การลอบสังหารประธานาธิบดีเคเนดี้ และโรเบิร์ต เคเนดี้ การระเบิดของยานอวกาศชาเลนเจอร์ สงครามอ่าวเปอร์เซีย ฯลฯ ซึ่งเขาทำนายไว้ถึงปี 2000

ยักษ์นอกศาสนาจะฆ่ากัน

สงคราม
ชั่วโมงนี้ทั่วโลกต่างก็จับจ้องอยู่กับเรื่องสงครามระหว่างมะริกัน-อัฟกัน มิใช่เพียงเพราะนี่เป็นสงครามระหว่างประเทศมหาอำนาจ อย่างสหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช กับประเทศอัฟกานิสถาน ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหาร ตาลีบัน ที่ปกป้องและให้ผืนแผ่นดินพักพิงกับ โอซามา บิน ลาเดน ผู้ก่อการร้ายที่สหรัฐเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ในสหรัฐ

และมิใช่เพียงเพราะนี่เป็น "สงครามแรกของศตวรรษที่ 21" แต่เพราะมีการระบุว่าศึกล้างแค้นของสหรัฐในครั้งนี้ ดีไม่ดีอาจเป็นชนวนนำไปสู่การเกิด "สงครามโลกครั้งที่ 3" หรือปะเหมาะเคราะห์ร้ายอาจถึงขั้นบานปลายเป็น "สงครามล้างโลก"

อะไรทำให้เกิดความหวาดวิตกเช่นนี้ ??

ประการแรก... สงครามครั้งนี้สหรัฐประกาศกร้าวว่าจะกระทำอย่างไม่ไว้หน้าใคร เว้นแต่จะได้ตัวบิน ลาเดน มาลงโทษแต่โดยดี ซึ่งคงเป็นไปได้ยาก สหรัฐจึงต้องทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อชัยชนะ เพื่อกู้หน้า-กู้ศักดิ์ศรี เพื่อชำระแค้นการก่อการร้ายที่ส่งผลให้มีชาวอเมริกันและชาติอื่นเสียชีวิตและสูญหายหลายพันคน

จุดนี้เองที่ก่อให้ความกังวลว่าขอบเขตของสงครามอาจจะมิได้จำกัดอยู่เพียงอัฟกานิสถาน แต่อาจบานปลายลุกลามไปถึงประเทศอาหรับอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการนำเรื่อง "ศาสนา" เข้ามามัดโยง จนกลายเป็น "สงครามศาสนา" ซึ่งถ้าถึงวันนั้นผลกระทบการขัดแย้งจะผุดขึ้นทุกหัวระแหงทั่วโลก !! ยิ่งถ้ามีประเทศมหาอำนาจหรือมหาอำนาจเก่าซีกอื่น เช่น จีน, รัสเซีย มองว่าสิ่งที่สหรัฐกำลังทำอาจกระทบเสถียรภาพของประเทศตน แล้วโดดลงมาขวาง หรือลงมาช่วยฝ่ายตรงข้ามสหรัฐ นี่ย่อมมิใช่เรื่องเล็ก ๆ

สงครามใหญ่หยุดโลกย่อมมีสิทธิบังเกิด !!

อีกประการหนึ่ง... ได้มีความกังวลกันว่ากลุ่มก่อการร้ายที่กล้าทำขนาดนี้ บางทีอาจเพราะมีไพ่เด็ดอยู่ในมือก็เป็นได้ ซึ่งหากถูกสหรัฐกดดันรุงแรงมากเข้าที่สุดก็อาจหงายไพ่มาสู้ ไพ่เด็ดที่ว่านี้ก็คือ "อาวุธนิวเคลียร์-อาวุธเคมี-อาวุธเชื้อโรค" อาวุธที่มีอานุภาพล้างโลกได้ง่าย ๆ และอีกสิ่งซึ่งมาเสริมความหวาดกลัว "สงครามโลกครั้งที่ 3 - สงครามล้างโลก" ก็คือ...คำทำนายโบราณในทางศาสนาต่าง ๆ และคำทำนายของ "นอสตราดามุส" นักพยากรณ์ชื่อก้องโลกชาวฝรั่งเศส
จากเอกสารที่กล่าวอ้างถึง "พุทธทำนาย" มีการระบุถึงคำพยากรณ์อนาคตมนุษย์โลกไว้ตอนหนึ่งในทำนองที่ว่า...หลังกึ่งพุทธกาลหรือหลัง พ.ศ. 2500 แล้ว สงครามที่ร้ายแรงยิ่งกว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 จะบังเกิดขึ้น "ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายต่างจะล้มตายกันฝ่ายละ มาก ๆ สมณะ ชี พราหมณ์จะล้มตาย จะตายไปฝ่ายละครึ่ง จึงจะเลิกรากัน"

ใน "พระคัมภีร์ไบเบิล" ของศาสนาคริสต์ ได้มีการทำนายการแตกดับของโลกไว้หลายบท เช่น... "วันที่พระเจ้ามาถึง วันนั้นท้องฟ้าจะถูกไฟผลาญสลายไป และโลกธาตุก็จะถูกไฟเผาให้สลายไป..."

ขณะที่ "นอสตราดามุส" ก็เขียนโคลงทำนายเกี่ยวกับการเกิดกลียุคของโลก-วันโลกาวินาศไว้ในบันทึกชื่อ "เดอะ เซ็นจูรี่" เมื่อกว่า 400 ปีก่อนไว้หลายบท อาทิ... "ดวงอาทิตย์ขึ้นจะเห็นดวงไฟใหญ่ แสงวูบวาบกับเสียงกึกก้องจะแผ่ไปทางเหนือ เสียงร้องครวญครางโหยหวนของความตายได้ยินไปทั่วทั้งโลกด้วยสรรพาวุธ ไฟ ความอดอยาก กับความตายจะคอยรับพวกเขา" (ซ.2 ค.91) บรรยากาศท้องฟ้าและแผ่นดินโลกจะมืดลง และถูกบดบังจนมืดครึ้ม แม้แต่คนไม่เชื่อศาสนายังพร่ำเรียกหาพระผู้เป็นเจ้ากับนักบุญ" (ซ.9 ค.83)

นอกจากนี้ นอสตราดามุสยังได้เขียนจดหมายถึงซีซาร์บุตรชาย มีข้อความตอนหนึ่งว่า... "ก่อนที่ดวงจันทร์จะโคจรจนครบรอบใหญ่ (ค.ศ. 1889-2250) ดวงอาทิตย์และดาวเสาร์จะมาถึงตามลักษณะของดวงดาว ยุคของดาวเสาร์จะเกิดขึ้นอีกเป็นหนที่ 2 คำนวณจากเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว โลกจะพาตัวเองใกล้เข้าสู่วัฏจักรแห่งการแตกดับขั้นสุดท้าย"

ล้วนเป็นคำทำนายเรื่องหายนะของโลก !!

อย่างไรก็ตาม พระราชกวี รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย (มมร.) กล่าวเตือนสติว่า... คนมักไปฟังการทำนายของนอสตราดามุส มากเกินไป มีการตีความกันไปต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะที่มีการตีความเมื่อ 2-3 ปีก่อนว่าจะเกิดน้ำท่วมโลก ซึ่งในอดีตกาลพระพุทธเจ้าไม่เคยทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้า ท่านมีแต่ยกเหตุผลมาเป็นตัวอย่าง เช่น เรื่องประมาท หรือการสร้างเวร เวรจะระงับได้ด้วยการไม่จองเวร
การจองเวรเป็นการจุดไฟให้ลุก..เกิดการล้างผลาญ

"สหรัฐมีไฟที่จุดอยู่ในใจ จึงเกิดความเคียดแค้น หากยังไม่เลิกจองเวร หรือทำลายล้าง ความหายนะก็จะเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย เพียงเพราะต้องการทำลายคนแค่ 1-2 คนเท่านั้น"

ด้าน พระศรีปริยัติโมลี รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ฝ่ายการต่างประเทศ กล่าวว่า... ทางศาสนาพุทธไม่เคยมีใครทำนายอย่างนอสตราดามุส ส่วนของเราจะพูดในหลักการ หมายความว่าโลกเราเป็นไปตามกฎอนิจจัง ไม่ว่าคนหรือสิ่งของอะไรที่ใหญ่โตมโหฬาร มีอำนาจบารมีมากมายมหาศาลแค่ไหน ก็ต้องถูกทำลายล้าง คือทุกอย่างมันไม่เที่ยง ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปเสมอ

"ถ้าโลกจะพินาศย่อยยับดับสูญไป เกิดสงครามล้างโลก สาเหตุก็มาจากกิเลสในใจมนุษย์ ที่มีทั้งความโลภ โมหะ และความหลง ความอยากได้ เหล่านี้เป็นชนวนเหตุที่ทำให้เกิดสงคราม โดยมนุษย์เป็นผู้ทำลายในแง่ของการปฏิบัติ เพราะสงครามที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งก็เนื่องมาจากการแย่งชิงทรัพยากร ความโกรธเกลียด พยาบาทอาฆาตแค้น และแบ่งแยกสีผิว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสหรัฐอเมริกาก็เช่นเดียวกัน"

คำทำนายใดที่ว่าน่ากลัว..ที่สุดแล้วก็คงไม่น่ากลัวเท่าจิตใจอันเคียดแค้นของมนุษย์เอง !!

อัลเบิร์ต ไอสไตน์ อัจฉริยะผู้คิดค้นระเบิดปรมาณู เคยกล่าวไว้ว่า... สงครามโลกครั้งที่ 3 มนุษยชาติจะรบราฆ่ากันยังไง...ไม่รู้ แต่ที่รู้ก็คือ "สงครามโลกครั้งที่ 4" มนุษย์จะรบกันด้วย "ไม้"


Re: คำทำนายนอสตราดามุส
« Reply #1 on: May 02, 2011, 02:35:18 PM »

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai
คำทำนาย นอสตราดามุส
   
ชื่อของ นอสตราดามุส
โหรผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอายุเมื่อหลายร้อยปีก่อนหน้า
นี้ถูกยกขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเหตุการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้
อย่างเช่นการไฮแจ็คเครื่องบินพาณิชย์ที่บรรทุก
ผู้โดยสารร้อยกว่าชีวิตก่อนจะพุ่งเข้าชน
อาคารธุรกิจชื่อดังของโลกอย่าง เวิล์ด เทรดเซนเตอร์
ในกรุงนิวยอร์ก เหตุการณ์หลังจากการชนนั้น
ถูกนำไปผูกกับคำทำนายของเขาอย่างช่วยไม่ได้
นอสตราดามุสเขียนเอาไว้ที่ เซ็นจูรี่เล่ม 6 โคลงบทที่ 97 ว่า
' ท้องฟ้าจะถูกเผาผลาญ ณ องศาที่ 45 เพลิงจะพุ่งเข้าสู่เมืองใหม่
ในบัดดล ดวงไฟใหญ่จะแตกกระจายทะลวงพุ่งขึ้นมา'
' มาบัส (MABUS ) จะตายในไม่ช้า จะมีการฆ่าหมู่คนและ
สัตว์อย่างสยดสยอง ทันใดนั้นการแก้แค้นจะปรากฎขึ้น
จากร้อยแผ่นดิน ความกระหาย อดอยาก จะเกิดชึ้น
เมื่อดาวหางโคจรผ่านมา.....' ' ศาสนาที่มีชื่อเหมือนทะเลจะมีชัย
การต่อต้านนิกายของอะดาลูนกาทิฟผู้บุตร
พวกหัวดื้อ พวกโศกเศร้าตำหนินิกายจะกลัวเกรง
อาลิฟ กับ อาลิฟ ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสอง....'

นั่นคือโคลงที่ว่ากันว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้
ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะตีความไปในทางเดียวกัน เพราะ
นอสตราดามุสเขียนแบบไม่ค่อยจะติดต่อ
เป็นเรื่องเป็นราวเท่าใดนัก ที่สำคัญเขาไม่ได้พูดถึง
เรื่องของเวลาอย่างแน่ชัด แต่กระนั้นหลายคนตีความว่า
ยามที่นอสตราดามุสมองเห็นเครื่องบินพุ่งเข้าใส่ตึกเวิล์ดเทรด
ไม่แตกต่างไปจากหอกแหลมจากฟากฟ้าจะบินมา
พร้อมกับลูกไฟ เพราะหัวของเครื่องบินที่มีปีกนั้น
ดูเผินๆก็ไม่แตกต่างกับหอกขนาดยักษ์เท่าใดนัก
เช่นเดียวกับการชนก็เกิดการระเบิดทันทีจนเป็นลูกไฟไปทั่วฟ้า
    
ที่สำคัญเขาพูดถึงเมืองที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามว่าเป็น
ดินแดนที่ 45 ตรงกับเส้นรุ้งที่ 45 อันเป็นที่ตั้งของ
มหานครนิวยอร์กเหมือนกัน แต่สิ่งเหล่านั้นยังไม่น่ากลัว
เท่ากับการที่นอสตราดามุสกล่าวต่อว่า จะเกิดสงคราม
ผู้คนจะล้มตายเมื่อมาบัสถูกฆ่าในเวลาไม่นานนับจากนี้
เพราะมีการตีความต่อว่าMabusนั้น มาจากการย้อนชื่อต้น
ของ USaMA Bin laden (อุสมา บิน ลาเดน)
ซึ่งเป็นคนที่สหรัฐมองว่าเป็นตัวการในการก่อวินาศกรรมครั้งนี้
ยิ่งถ้ามองตามคำทำนายต่อ หลายคนเชื่อว่า การตายของบินลาเดน จะเป็นจุดสิ้นสุดของยุคสันติภาพ
และจะเป็นสงคราม ที่ยิ่งใหญ่และยาวนานกว่าทุกครั้ง
โดยการแก้แค้นของพวกร้อยแผ่นดิน (United State)
ซึ่งก็คือ สหรัฐนั่นเอง

ส่วนอาวุธลับที่สหรัฐจะใช้จัดการกับขบวนการก่อการร้าย
จนกระทั่งเกิดการตายอย่าง มากมายนั้น นอสตราดามุสใช้คำว่า
ดาวหางมาเยือน จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า ดาวหางที่
นอสตราดามุสเห็นจะเป็นระบบป้องกันภัยจากอวกาศ
ที่สหรัฐภาคภูมิใจนักหนา เช่นเดียวกับเรื่องของ
ความอดอยาก เพราะ เมื่อสหรัฐทราบว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
มาตรการแซงชั่น ป้องกันไม่ให้นำอาหารเข้าสู่ประเทศนั้นๆ
จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้มีคนพยายามตีความว่า
นอสตราดามุส มั่ว ฝันเฟื่อง คำทำนายของเขาดูจะไม่เป็นจริง
ส่วนใหญ่ที่คนเชื่อก็เพราะ เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว
แลไปทึกทักตามที่นอสตราดามุสเขียนเอาไว้เอง
เชื่อว่า หลายคนก็ยังหวังว่า คำทำนายของโหรบรรลือโลกคนนี้
จะผิดอีกครั้งหนึ่ง เพราะ คงไม่มีใครอยากจะเจอกับ
สงครามโลกที่กินเวลายาวนานกว่า 50 ปีอย่างแน่นอน
เนื่องจากเขากล่าวเอาไว้ในอีกโคลงว่า ยุคของสันติ
จะกลับมาอีกครั้งในปี 2055 ขออย่าให้คำทำนายเป็นจริงเลย!!
      
นอสตราดามุส ผู้ไขปริศนาจักรวาล
หากท่านเป็นผู้หนึ่ง ที่ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวต่างๆ
บนโลกใบนี้ ท่านคงได้รับทราบข้อมูลข้างต้นมาโดยตลอด
นั่นเป็นเพียงตัวอย่างคร่าว ๆ ที่ไม่ได้รวมถึง
สถาพเศรษฐกิจของ หลายประเทศ ที่กำลังทำท่าจะประสบ
กับปัญหากันอยู่ในขณะนี้ แน่นอนว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้น
คงเป็นความน่าเห็นใจ และสลดใจกับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น
กับเพื่อนร่วมโลก ของท่าน แต่ในอีกมุมมองหนึ่งนั้น
อาจจะมีคนจำนวนหลายร้อย หลายพันคน
ที่เกิดความรู้สึกหวาดหวั่น กับวิกฤตการณ์
ที่พร้อมใจกันเกิดขึ้น เหมือนนัดกันไว้ หลายคนเริ่มค้นหา
คำทำนายเก่า ๆ ไม่ว่าจะเป็น คำทำนายของ
นอสตราดามุส โหราจารย์โลก คำทำนายในมหาพีระมิด
คำทำนายของนางจีน ดิกสัน คำทำนายของ เอ็ดการ์ เคย์ซี
และคนอื่นๆ ที่มีการบันทึก คำพยากรณ์โลกไว้ ซึ่งเป็นที่
น่าประหลาดใจ ว่าคำทำนาย ล้วนออกมา ใกล้เคียง
กันอย่าง เหลือเชือที่ว่า 'โลกจะเกิดสงครามยื้ดเยื้อ
ทำลายล้างซึ่งกัน และกันอย่างกว้างขวาง เกิดความ
อดอยาก (ทุพภิกขภัย) พร้อมกับ ที่จะเกิดภัยธรรมชาติ
ต่าง ๆ ทำลายล้าง มนุษยชาติ ตายกันเป็นเบือ'

ท่านเป็นอีกคนหนึ่ง ใช่หรือไม่ที่ปักใจ เชื่อคำทำนายเก่าแก่
ที่ได้พูดกันต่อ ๆ ไปว่า 'ปีค.ศ. 2000 จะถึงวันโลกาวินาศ'
มีหลายคำทำนาย ที่กล่าวว่าจะมีอุกกาบาตลูกใหญ่
หลุดจากวงโคจร วิ่งชนโลก และผู้คนจะหนาวตาย
เพราะดวงอาทิตย์ ไม่สามารถให้ความร้อนแก่มวลมนุษย์ได้
เหมือนกับ ไดโนเสาร์ที่ สูญพันธุ์ ไปด้วยวิธีนี้ 'ฤามนุษย์เรา
จะสิ้นเผ่าพันธุ์ กันในคราวนี้เอง'

ท่านโหราจารย์ นอสตราดามุส เป็นที่เชือถือกันทั่วโลกว่า
เป็นผู้ที่รู้ถึง ชะตาโลก และได้ทำนายโลก ไว้อย่างแม่นยำ
เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานโดยอ้างอีเมล
ซึ่งส่งไปยังผู้ใช้อินเตอร์เน็ต ในประเทศฟิลิปปินส์ ที่ระบุว่า
มิเชล เดอ นอสตราดามุส ได้ทำนายการสิ้นพระชนม์
และมีพีธีพระศพขอเจ้าหญิงไดอาน่าได้อย่างแม่นยำ
โดยในอีเมล อ้างคำทำนาย ของนอสตราดามุส
เป็นศตวรรษที่ 2 บทกวีที่ 28 ทั้งที่เป็น ภาษาฝรั่งเศส
และแปลเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งมีใจความว่า
'ลูกชายคนสุดท้ายของชายที่มีชื่อเดียวกับพระผู้เป็นเจ้า
จะนำเจ้าหญิงไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์
อดีตพระชายาของ เจ้าฟ้าชายชาร์วส์ มงกุฎราชกุมาร
ของราชวงศ์อังกฤษ ไปสู่วันไป สู่วันพักผ่อนชั่วนิรันดร์'
ซึ่งสร้าง ความประหลาดใจ ให้กับประชาชนอย่างยิ่ง
เพราะพ่อของนายโดดี อัลฟาเยด ซึ่งเป็นเจ้าของ
สรรพสินค้า 'แฮร์รอด' ชื่อดังกลาง กรุงดอนลอน มีชื่อว่า
โมฮัมหมัด' ซึ่งเป็นชื่อของพระเจ้าใน ศาสนาอิสลาม ทั้งนี้
นาย โด อัล ฟาเยด เป็นเพือนชาย คนสนิทของ
เจ้าหญิงไดอาน่า ที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
ทางรถยนต์ด้วยกันที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 31
สิงหาคม ที่ผ่านมา หลังจากอีเมลนี้ ได้แพร่หลายออกไปยัง
หมู่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต ที่เรียกได้ว่ามี จำนวนหลายล้านคน
ถึงแม้ว่า คนกลุ่ม นี้จะมี ความสามารถ และมีวิทยาการ
ก้าวหน้าสมัยใหม่ แต่ที่น่าจะ เป็นที่เชื่อได้ว่า ความเชื่อใน
สิ่งลึกลับที่พิสูจน์ไม่ได้ ยังคงมีอยู่ในหมู่คนจำนวนมาก
ไม่น้อยเลยทีเดียว และนั่นย่อมจะส่งผล
ให้เกิดข้อกังขาเพิ่มมากขึ้นว่า 'คำทำนายล่วงหน้า
ที่ท่านนอสตราดามุส ได้ทำนายไว้ จะเป็น จริงหรือไม่'
สำหรับเรื่องนี้ คุณอรรณวิโรจน์ ศรีตุลา โหรดัง
ก้องฟ้าเมืองไทย ได้ให้ความเห็น เมื่อวันที่ 3 ต.ค 40 ว่า
'เหตุการณ์ ค.ศ. 2000 สำหรับ ประเทศไทยนั้น ตนเชื่อแน่ว่า
จะไม่เป็นที่น่าวิตก เพราะตนได้ด ูแล้วว่าดวงเมืองของไทย
นั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังดีอยู่ดังนั้น ตนจึงเชื่อแน่ว่า
เมืองไทย จะไม่เกิดภัยพิบัติ อย่างที่ เป็นห่วงกัน
อย่างแน่นอน'

หากเราลองมองดูเหตุการณ์ รอบ ๆ ตัวเรา ไม่ว่า
จะเป็นสถานการณ์ใด เราพอจะสรุปได้ อย่างชัดเจนว่า '
ขณะนี้ วัฎจักร แห่งความเลวร้ายของธรรมชาติกำลังถล่มโลก'
อย่างไม่สงสัย และองค์การอวกาศ นาซา ของสหรัฐอเมริกา
เปิดเผยว่า ภาพที่ได้ จากดาวเทียมฝรั่งเศส-สหรัฐฯ
แสดงให้เห็นว่า ปรากฏการณ์ ธรรมชาติ ที่รู้จักกันดีในเอล นิโน
จะส่งผล กระทบต่อ ภูมิอากาศโลก ไปทั่ว อย่างน้อย
ขณะนี้ก็ส่งผล ให้เกิดความแห้งแล้ง อย่างรุนแรงใน
ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ อเมริกากลาง-ใต้ อินโดนีเซีย
ฟิลิปปินส์ และอินเดียแล้ว ปรากฏการณ์ เอล นิโน
หรือความดัน ของ บรรยากาศ และน้ำใน มหาสมุทร
ที่ส่งผลกระทบ ต่อภูมิอากาศ รอบโลกจะ เกิดขึ้น ทุกๆ 2-7 ปี
สำหรับ ครั้งล่าสุด เป็นครั้งที่ 10 ในรอบ 40 ปี ความเสียหาย
ที่เกิดขึ้นแทบจะเรียกได้ว่า ไม่ว่างเว้น แม้แต่ตารางนิ้วเลยทีเดียว
แถวอเมริกากลาง อเมริกาใต้ ต้องเผชิญกับ สถาพความแห้งแล้ง
คล้ายกับสภาวะ ใน อินโดนีเชีย เจ้าของปัญหากลุ่มหมอกควัน
แม้กระทั่ง ออสเตรเลีย ก้อเกิดปัญหา ความแห้งแล้ง
อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ส่วนที่เปรู เอกวาดอร์ โมแซมเบิร์ก
แซมเบีย และอีกหลายประเทศ ที่นอกจาก การเกิดปัญหาภัยแล้ง
พืชผลเพาะปลูก ไม่ได้ผลแล้ว ยังจะมีแนวโน้ม
การขาดแคลนอาหาร อันเนื่องมาจาก อากาศอันเลวร้าย
ในไม่ช้านี้ด้วยซ้ำไป ถ้าหาก จะนำวิกฤตการณ์ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้
ขึ้นมาสรุป ถามว่าตรงกัน กับคำทำนาย ของนอสตราดามุส
ที่ทำนายไว้ว่า 'จะเกิดภัยพิบัติที่ รุนแรง และ กระจายไปทั่ว
พื้นจักรวาล จะเกิด มหาสงคราม ที่ทำลายล้างกัน อย่างรวดเร็ว
และรุนแรง' หรือไม่ คำตอบก็คือว่า อาจจะใช่ เพราะ
สถานการณ์ อันเลวร้าย ในขณะนี้กำลัง เกิดขึ้นเรียกว่า
แทบทุกหย่อมหญ้า ของพื้นโลก

แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากเราทำตัวให้เป็นกลาง และลองถาม
ย้อนกลับไปว่า เพราะเหตุใด สถานการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้
จึงเกิดขึ้น กับโลกของเรา คำตอบที่ออกมา
ก็คือเพราะมนุษย์เรา เป็นตัวการสำคัญ เป็นปัจจัยสำคัญ
หรือเป็น เฟืองที่คอยดึง ให้สภาพการณ์ของโลก ค่อย ๆ
เปลี่ยนไปตาม วันเวลา จากการที่มนุษย์
มีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น มีเทคโนโลยีก้าวไกล
ทำให้เกิดการแข่งขัน ยื้อแย่ง และทำลายล้างซึ่งกันและกัน
เพื่อที่จะได้ ครองความเป็นใหญ่ เป็นผู้นำ มนุษย์หวังเพียง
ความร่ำรวย และความเป็นมหาอำนาจ ก่อให้เกิด
การล้างทำลายกัน ฟาดฟันกัน ใช้มันสมอง อันชาญฉลาด
ในการคิดค้นสร้างอาวุธ ร้ายแรง หลายจำพวก
ยิ่งทำลายล้างได้มาก และรวดเร็วได้ เท่าไรยิ่งถือว่า
ประสบผลสำเร็จมากขึ้น มนุษย์ พยายามตักตวง ผลประโยชน์
จากทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่
จนถึงขั้นทำลายอย่างล้างผลาญ เพื่อให้ได้มากที่สุด
โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะติดตามมา ความต้องการ
ที่เกินขีดจำกัด ทำให้ระบบนิเวศ ที่เคยมีสมบูรณ์
กลับต้องมาแปรเปลี่ยนไป ทำให้ชั้น
บรรยากาศของโลกเปลี่ยนแปลง เกิดความปรวนแปร
ของดินฟ้าอากาศ ส่งผลให้ ปรากฏการณ์ ธรรมชาติ ต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้น ทวีความรุนแรง เกินกว่า ที่ควรจะเป็น

คำทำนาย ของ นอสตราดามุส อาจจะต้องเกิดขึ้นจริง
อย่างแน่นอน ถ้ามนุษย์ ยังไม่หยุด ทำลายล้าง และ ฟุ่มเฟือย
ในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ บทเรียนต่าง ๆ มากมาย ครั้งแล้ว
ครั้งเล่า ที่เกิดขึ้น ในแต่ล่ะประเทศ ยังคงตราตรึง
อยู่ในใจของใครหลายคน และ ถูกลบเลือน ไปจากใจ
ของใครอีกหลายคนเช่นกัน

เราจะใช้ชีวิต ในวันนี้อย่างหวาดกลัว และรอคอย
ผลของการทำนาย ให้เป็นจริง อย่างนั้นหรือ ดังนั้น ในเวลานี้
สิ่งที่ทุกคน ควรกระทำ ถึงแม้ว่า จะได้ชื่อว่า วัวหายล้อมคอก
ก็ตาม ก็คือการ รีเอ็นจิเนี่ยริ่ง การกระทำ ของตนเอง โดยให้
ทุกการกระทำ ก่อผลประโยชน์ ต่อมวลมนุษยชาติ มากที่สุด
ช่วยกันฟื้นฟู สภาพแวดล้อม ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ให้จงได้ ถึงแม้ว่า
คำทำนาย ของนอสตราดามุส จะเป็นจริงหรือไม่ ก็ตามแต่
ถ้าหากเราไม่ประมาทแล้ว เชื่อแน่ว่า อย่างน้อยที่สุด เราทุกคน
จะสามารถซึมซับ และเผชิญหน้า กับเหตุการณ์ ที่จะเกิดขึ้น
นั้นได้ โดยไม่ประมาทอย่างแน่นอน

 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)