Author Topic: “อลิซ” สาวหวาน ห้าวเป้ง  (Read 1784 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“อภัสนันท์ วรภิรมย์รักษ์ หรือ อลิซ”


“อภัสนันท์ วรภิรมย์รักษ์ หรือ อลิซ” สาวหน้าใสที่หลายคนคงคุ้นหน้า คุ้นตากับเธอเมื่อไม่นานกับคาแร็กเตอร์ของสาวห้าว ทอมบอย ในภาพยนตร์เรื่อง “Roommate แอบรักเพื่อนร่วมห้อง” ในบทบาทของภาพยนตร์ดังกล่าวทำให้หลายคนติดภาพลักษณ์ในแบบสาวห้าวมาด้วย แท้จริงแล้วนั้นแท้เป็นสาวสวยคนหนึ่งที่มีรางวัลของเวทีขาอ่อนมาการันตีอีกด้วย
       
       ก้าวแรก เวทีขาอ่อน
       
       ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลายคนได้พบเห็นและคุ้นเคยกับหน้าตาเธอในบทบาทภาพยนตร์เรื่อง “Roommate” กับบทบาททอมบอย อลิซ สาวร่างเล็ก ยิ้มหวานคนนี้ ยังเคยผ่านงานการประกวดและงานด้านบันเทิงมาอย่างมากมาย จนกระทั่งภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวถูกกล่าวขานขึ้นว่าเป็นภาพยนตร์ทอม-ดี้ ทำให้ชื่อเธอเป็ฯที่รู้จักและมีแฟนคลับมากขึ้น
       
       อลิซเล่าว่า ตอนเธออยู่ในวัย 15 ปี คุณแม่เป็นผู้ที่คอยสนับสนุน ให้ตนเองนั้นเข้าประกวด ด้วยเริ่มต้นจากการเริ่มประกวดมิสทินไทยแลนด์เป็นเวทีแรก
       
       “ตอนนั้นอลิซไปทำผมที่ร้านแถวๆ สยาม แล้วก็จะมีพวกพี่ๆ แมวมองเขามาชักชวนเราอีกทีค่ะ ช่วงนั้นโชคดีที่เป็นช่วงปิดเทอมพอดี คุณแม่เลยพาเข้าไปประกวด ก็เลยไปสมัครกัน แล้ววันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่เขารับสมัครกันแล้วด้วย”
       
       ช่วงเวลาการประกวดของเด็กวัย 15 ปี ในเวทีแรกของชีวิต เธอรู้สึกตื่นเต้นมาก เนื่องจากไม่เคยทำกิจกรรมเช่นนี้มาก่อน อาจจะด้วยนิสัยที่เธอบอกว่าเป็นคนโก๊ะๆ กังๆ ขึ้นเวทีทีไรจะดูว่าตัวเองตลกมาก
       
       “อยู่บนเวทีแล้วเราต้องยิ้ม แต่พอเรายิ้มแล้วตื่นเต้น ปากมันจะรู้สึกสั่นๆ ค่ะ แต่ว่างานนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ในตอนที่รอบของการแสดงความสามารถพิเศษ มีให้เราร้องเพลง แต่เราเป็นคนชอบฟังเพลงมากกว่าร้องเพลงไงค่ะ เพราะว่าเราเองเสียงไม่ดีด้วย”
       
       หลังจากการประกวดบนเวทีแรกมิสทีนไทยแลนด์ จึงทำให้มีงานเข้ามาติดต่อให้เล่นโฆษณาจนกระทั่งเธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
       
       ในช่วงปี 2550 ที่เธอกำลังศึกษาอยู่ที่ คณะนิเทศศาสตร์ เอกโฆษณา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ขึ้นเวทีประกวดระดับประเทศอีกครั้ง กับเวที นางสาวไทย ในตอนนั้นอลิซเองก็ยังอยู่ในช่วงวัยเฟรชชี่ เป็นคนรักกิจกรรม ไม่ว่าจะทั้งถือป้ายมหาวิทยาลัย เป็นดรัมเมเยอร์ จนกระทั่งอาจารย์สนับสนุนให้ลงประกวดนางสาวไทย
       
       “ตอนแรกหนูก็ไม่ได้อยากประกวดนะค่ะเพราะมันต้องทำให้ตัวเองดูเป็นกุลสตรีไทยมากๆ เราก็คุยกับอาจารย์ เก็บมาคิดว่าเราจะทำได้มั้ย คุยกับคุณพ่อคุณแม่ สุดท้ายต้องประกวดเพราะทุกคนลงความเห็นให้หนูลองดู”
       
       ชีวิตในกองประกวดนางสาวไทย เป็นการเรียนรู้อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอได้สิ่งดีดีกลับมามากมาย แม้ว่าการประกวดครั้งแรกกับครั้งนี้จะห่างกันเพียงสองปี แต่ดูเหมือนว่าประสบการณ์ในเวทีนี้ดูจะก้าวกระโดดไปไกลมากสำหรับเธอ
       
       “นางสาวไทยทำให้เราต้องรู้ทุกเรื่องมาก ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เพราะปกติหนูจะไม่รรู้เรื่องอะไรเลย ไม่ได้ติดตามเลย เราต้องเริ่มอ่านข่าว เพราะคุณพ่อสอนมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าให้เริ่มอ่านหนังสือพิมพ์ แต่หนูจะเป็นคนที่ไม่ชอบอ่าน พอโตมาหน่อยก็จะมีเน็ต ก็อ่านข่าวในเน็ตแทน ปรับตัวยากมากค่ะ จากเด็กที่ไม่เอาอะไรเลย ไม่ดูข่าว แต่พอจะประกวด เราก็ดู มาเรื่อย เริ่มชิน จนตอนนี้ก็อ่านตลอดเลย”
       
       “จำได้เลยว่าตอนนั้นคำถามยากมาก ถามพวกเกี่ยวกับจีดีพีของประเทศ ซึ่งมันเศรษฐศาสตร์มาก หนูไม่รู้เรื่องเลย แต่ก็ทำให้ได้รับรางวัลขวัญใจประชาชน เป็นรางวัลที่ให้คนเข้าไปร่วมโหวต คงเพราะว่าเราตัวเล็กมั้ง แล้วเรายิ้มเก่ง ตอนอยู่ในกองหนูก็คุยกับทุกคนแล้วทุกคนในกองก็จะมองว่าหนูเป็นเด็ก ตัวเล็กที่สุดในกอง ตอนนั้นน่าจะอายุ 20 มั้งค่ะ ส่วนสูงหนูเตี้ยที่สุดนะ มีหลายคนอายุเท่ากัน แต่สูงกว่าเราเยอะมาก”
       
       อยากเป็นแอร์ เที่ยวรอบโลก
       
       การได้ขึ้นมาบนเวทีการประกวดทั้งสองเวทีไม่เคยอยู่ในความฝันในวัยเด็กของเธอเลยจนกระทั่งตอนนั้ เพราะแท้จริงแล้วตอนเด็กไม่เคยฝันว่าจะมาประกวดนางงามเลย
       
       “ตอนเด็กอยากจะเป็นคุณหมอ คุณครูมากกว่านะ แต่ว่ามันเป็นโอกาสที่เข้ามาเรื่อยๆ มากกว่านะค่ะ ความฝันของหนูอยากเป็นแอร์โฮสเตส เพราะหนูอยากไปเที่ยว ชอบไปเที่ยวหลายๆ ที่ เพราะว่ามันได้อะไรหลายอย่าง ถ้าเราอยู่กับที่มันก็ได้ประสบการณ์อะไรที่ต่างจากการไปออกไปเที่ยว เราไปต่างสถานที่ประสบการณ์ก็จะหลากหลายนะ”
       
       เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา ประสบการณ์ในการไปต่างประเทศทำให้เธอได้เรียนรู้หลากหลายสิ่งที่ทำให้ตนเองได้ช่วยเหลือตัวเองเป็นมากขึ้น
       
       อลิซเล่าถึงประสบการณ์ครั้งนั้นที่ไปต่างประเทศว่า เธอไปเรียนทั้งภาษาและทำงานไปด้วย เธอเป็นพนักงานร้านเสื้อผ้าแห่งหนึ่งในแถบชานเมืองที่ไม่ค่อยมีคนไทยมากนัก ส่วนใหญ่เป็นคนจีน การไปครั้งนั้นทำให้เธอได้รับรู้ว่าคนต่างประเทศมีน้ำใจมาก
       
       “เพราะว่ามีอยู่วันหนึ่ง เหมือนกับว่าเราก็อยู่ช่วยคนในร้านขาย จนไม่ได้ไปกินข้าว ทำงานเลต เขาก็เอาขนมมาแบ่งให้เรากิน เราตอนนั้นไปเป็นกลุ่มแต่ถูกจับแยกหมดเลย เพราะเขาไม่อยากให้พูดภาษาไทย หนูไปเหมือนโดนเอาไปปล่อย ให้เราอยู่บ้านหลังนี้นะ แล้วก็ให้แผนที่มา ให้เหมือนการ์ดกับกุญแจมา เอาการ์ดรถไฟใต้ดินมาให้ด้วย เอาพวกตั๋วที่เกี่ยวกับการเดินทางให้ แล้วให้เดินทางเอง
       
       วันแรก หนูกลับบ้านไม่ถูก หนูออกมากินข้าว มาเดินเล่น เพราะอยู่แถวบ้าน เราก็หลง บ้านโฮสดีอย่างที่มีเบอร์ ก็เลยโทรไปถามทาง กว่าจะเข้าถึงบ้าน วีกแรกที่ไป ทางกลับบ้านไม่ซ้ำกันเลย หนูก็เครียดมาก ก็เล่นเฟซบุ๊กคุยกับเพื่อนตลอดเลยว่า มาอยู่นี้ แย่มาก หลงทางตลอดเลย ทำอะไรไม่เป็นเลย เพื่อนก็ให้กำลังใจมาตลอด จนตอนนี้ก็พอจะไปไหนมาไหน ทำอะไรเองเป็นแล้วค่ะ”
       
       หลงใหลงานแสดง
       
       แม้ว่าช่วงนี้จะไม่ค่อยพบเห็นอลิซตามภาพยนตร์ แต่ยังคงพบเจอกับเธอได้ในบทบาทพิธีกรรายการกอสซิปซ่า โดยเธอว่าเป็นงานที่เธอทำเป็นประจำ อาจจะมีงานละคร มิวสิกวิดีโอ งานซิตคอม หากมองดูผลงานของสาวร่างเล็กคนนี้แล้วจะเห็นว่าเธอทำงานทุกอย่างที่เกี่ยวกับงานบันเทิงแทบจะครบทั้งหมดแล้ว
       
       “ถ้ามองหนูว่าก็ทำครบทุกอย่างแล้วนะ ชอบเล่นละครมากที่สุด รู้สึกว่ามันเป็นตัวเองมากที่สุด ถ้าเกิดให้หนูเป็นพิธีกรหนูจะคุยไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่นะ ถ้าคุยกันสองสามคน หนูไม่มีช่องว่างคุยเลยอ่ะ ”
       ตอนแรกที่เธอได้เรียนเวิร์กชอปการแสดง เป็นสิ่งที่อลิซรู้สึกไม่ชอบมาก ทั้งงานละครและงานภาพยนตร์ เนื่องจากเธอรู้สึกว่าตัวเธอเองทำได้ยากมาก คล้ายว่าเธอกำลังเป็นคนอื่นซึ่งไม่ใช่ตัวตนของเธอเอง แต่เมื่อได้ไปเจอกับครูสอนแอ็กติ้งที่ค่อยๆ ปรับให้เธอได้เรียนรู้เทคนิคการแสดง จึงทำให้รู้สึกชอบขึ้นมา
       
       “เขาจะมีเทคนิคเยอะ ทำให้เราศึกษาตัวละครได้ลึกลงไป ทำให้เรารู้ว่า การเล่นละครเป็นศาสตร์ที่น่าค้นหามาก เหมือนหนูคิดยังไงก็จะพูดอย่างนั้น แต่ถ้าเป็นตัวละคร ต้องศึกษาว่า ตัวละครนั้นเป็นยังไง เป็นอะไรมาก่อนหรือเปล่า ถ้าเขาคิดแบบนี้เขาก็แสดงออกมาอีกอย่างหนึ่ง หนูก็คิดว่ามันยากนะ มันท้าทาย เหมือนเราได้หลอกสมองตัวเองไปด้วย ก็เลยสนุก”


       
       สาวหวาน แอบเซ็กซี่
       
       เห็นเธอหน้าหวานแบบนี้บุคลิกของเธอกลายเป็นสาวหวานอมเปรี้ยว นอกจากงานถ่ายแบบหวานๆ วัยใสแล้ว อลิซยังเคยถ่ายแบบเซกซี่ในลุคสาวห้าวให้กับนิตยสารที่รวมเอาสาวเซ็กซี่ขึ้นหน้าปก ให้ชายหนุ่มพานหัวใจละลายอีกด้วย
       
       “เคยถ่ายเซ็กซี่ลงใน zoo ตอนนั้นเป็นช่วงโปรโมตหนังเรื่องรูมเมทด้วย เขาก็เลยถ่ายเป็นคอนเซ็ปต์แบบเป็นทอม แต่ก็เซ็กซี่ได้เหมือนกัน แต่ไม่ได้โป๊นะ แค่กางเกงขาสั้นเสื้อสายเดี่ยว แต่ด้วยหัวหนังสือแรงค่ะ ก็เลยฮือฮา ไม่คิดว่าตัวเองเซ็กซี่เลย เพราะคิดว่าตัวเองอ้วนมาก คนอื่นเจอจะเป็นคนไม่สูงแล้วจะอวบ ไม่รู้ว่าอะไรที่เป็นเสน่ห์ แต่หนูเป็นคนที่คุยด้วยได้ทุกคนนะคะ ไม่แบ่งว่าใครเป็นใคร ”
       
       สาวสวยบอกว่าเธอไม่ใช่คนที่ต้องมานั่งดูแลตัวเองมากนัก มาเริ่มต้นดูแลตัวเองด้วยการที่เริ่มเข้าประกวดบนเวทีขาอ่อน แต่จนกระทั่งทุกวันนี้ เธอยังคิดว่าหลายคนคงมองว่าเธอคือทอมบอย เนื่องจากไม่ค่อยดูแลเอาใจใส่ตัวเองอย่างเช่นผู้หญิงที่เคยผ่านการประกวดมาเหมือนคนอื่นๆ
       
       “หนูไม่ดูแลตัวเอง หนูไม่ทาโลชั่น ไม่แต่งหน้า จนพี่ๆ เขาบอกว่า ออกงานแล้วไปแต่งหน้าบ้าง ก็ทาแป้ง นิดหนึ่ง ไม่ค่อยแต่งตัว เราชอบใส่ขายาว หนูคิดว่าส่วนเหล่านี้แหละที่เค้าคิดว่าหนูเหมือนทอม”
       
       “เวลาไปออกรายการคนก็จะ sms เข้ามาว่า พี่อลิซเป็นทอมจริงหรือเปล่า หนูเคยไปงานงานหนึ่งกับนุ ก็จะมีแก๊งดี้ ก็จะวิ่งมากรี้ด เพราะตอนนั้นหนังออกมาแค่สองอาทิตย์ ก็มีคนมาวิ่งกรี๊ดตามแล้ว งงมากเลยค่ะตอนนั้นบุคลิกเป็นคนเงียบ ถ้าเกิดไม่รู้จักจะไม่ค่อยคุยเลยนะ ถ้ารู้จักแล้วหนูจะพูดมาก”
       
       โลกออนไลน์ ไม่ปลอดภัย
       
       แม้ว่าเธอจะก้าวเข้ามาในวงการได้ไม่นาน ข่าวคราวเรื่องราวต่างๆ ในวงการบันเทิงของเธอจะไม่มากนัก แต่เรื่องราวที่ทำเอาเธอแทบเสียชื่อเสียงจากสังคมออนไลน์ทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยกับชีวิตส่วนตัวของเธอมาก
       
       “หนูไม่เคยกลัวข่าวไม่ดีเพราะหนุเองรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ข่าวที่แรงที่เคยเจอคือ โดนแฮกเฟซบุ๊ก แล้วก็เข้าไปแก้พาสเวิร์ด แก้อีเมล์ ซึ่งหนูไม่สามารถเข้าไปทำอะไรในเฟซบุ๊คของหนูได้เลยค่ะ คือคนที่ส่วนใหญ่ไม่ใช่เพื่อนก็จะไม่รู้ว่าเราจริงหรือป่าว เฟซนี้หนูก็ไม่ได้ใช้แล้ว หนูก็จะพยายามบอกคนใกล้ตัว คนนอกก็บอกไม่ได้ เราโดนแฮกไปแล้วเขาก็เอาไปตั้ง สเตตัส หนูโดนทั้ง อีเมล เฟซบุ๊ก บัญชีธนาคารด้วยนะ ที่หนูยกเลิกไปแล้ว หนูงงมากเลย หนูก็คิดว่ามันเป็นที่ไวรัส หรือไม่งั้นก็ไปเล่นที่ไหนแล้วลืมออกจากระบบ ก็เลยโดน ตอนนี้ก็ได้แต่บอกเพื่อนว่าเราไม่ได้เล่นเฟซอันนี้แล้ว ”
       
       “ล่าสุดมีทวิตเตอร์อีก เพราะว่าไม่ห่วง หนูไม่ได้เล่นอยู่แล้ว เค้าก็คงรู้ล่ะว่าปลอม เขามาแฮกเป็นตัวหนูทีหลัง เพื่อนก็จะรู้ว่าหนูไม่ใช้แล้ว ตอนนี้หนูเข้าไปดูของหนูไม่ได้ แต่เพื่อนเข้าไปเห็นบอกมาว่า อัปเดตเป็นตัวหนูตลอดเลย อันเก่าที่ไม่ใช้แล้ว เป็นรูปหนูด้วย ก็พยายามตามหามากเลยนะ ช่วงนั้นหนูไปต่างจังหวัดถ่ายละคร ก็จะต้องคอยแก้พาสเวิร์ดตลอด จนเหนื่อยเลย ช่างมันละกัน ปล่อยไป ตอนหลังเข้าไป ถ้าแก้พาสเวิร์ด หนูก็ทำได้ แต่ตอนหลังเขายิ่งทำยังไงไม่รู้ไปเจออีเมลหนูก็เลยเข้าไปแก้อีก หนูก็ตามไม่ได้แล้ว เคยไปเจอน้องเก้า น้องก็บอกว่าก็เคยเจอเหมือนกันนะ มีเฟซบุ๊กอยู่ ประมาณ 29 อันที่ไม่ใช่ตัวเขาเล่น ค่อนข้างจะเยอะ กรณีหนูคืออีเมลหนูแต่เขามาแฮกต์ได้ก็แปลกแล้วไงคะ ตอนแรกๆ พ่อกับแม่ก็เครียดเหมือนกัน คุณแม่ก็คอยเตือนให้เราระวัง”


       
       สุขกับการหลงรัก
       
       เป็นสาวสวยที่หนุ่มๆ หลายคนหมายปองอย่างมากทีเดียว แต่สำหรับสาวสวย การได้แอบปลื้มใครสักคนโดยที่เขาไม่รู้ตัวทำให้เธอมีความสุขมากกว่า
       
       “เคยมีแอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่งตอนเด็กๆ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราชอบรุ่นพี่คนนี้ เพื่อนๆ ก็จะไม่รู้ หนูจะเป็นคนไม่พูดอะไร ไม่แสดงอาการกิริยาออกมาว่าชอบ แต่จะชอบๆ อยู่ข้างในมากกว่า พี่เขาเป็นคฑากรของโรงเรียน ก็แอบกรี๊ดพี่เขาน่ารักดี น้องชายเขาเป็นเพื่อนหนู เค้าก็ไม่รู้ว่าหนูชอบ จนตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ ”
       
       ในมุมมองของเธอ ความรักถือเป็นสิ่งสวยงามที่ทำให้ทุกคนมีความหวัง ไม่ได้ต้องการให้ใครมารักเธอกลับหรือแสดงความรักตอบแทน แต่สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้คนที่ตนเองรักมีความสุขมากกว่า
       
       ******************************************************
       
       ชื่อ : อภัสนันท์ วรภิรมย์รักษ์ หรือ อลิซ
       การศึกษา : ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาโฆษณา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
       ผลงาน : ประกวดเวทีดัชชี่,ขวัญใจประชาชน การประกวดนางสาวไทย ปี 2550,มิวสิกวิดีโอ , ภาพยนตร์เรื่อง รูมเมท ,งานโฆษณา Max net
       คติประจำใจ : เอาใจเขามาใส่ใจเรา
       
       ข่าวโดย : Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
       
       ภาพโดย : พลภัทร วรรณดี

ที่มา: manager.co.th




 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)