คนขวามือ ธีระพงษ์ เตชาเสถียร คนซ้ายมือนายณัฐธพัฒน์ ขวัญเมือง
บีม กวี ตันจรารักษ์
ผู้จัด “The 4 season concert” ดึง “บอย พีซเมคเกอร์” เสียบแทน “บีม กวี” รับเสียหายหลายแสน สามารถฟ้องนักร้องหนุ่มได้แต่ไม่ทำ เพราะอยากจบ ขอโทษอาร์เอสที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ทำเรื่องขออนุญาตให้ “บีม” เล่นคอนเสิร์ต เพราะเข้าใจไปเองนักร้องหนุ่มคงคุยเรียบร้อยแล้ว
เกี่ยวกับกรณีฉาวที่นักร้องหนุ่ม “บีม กวี ตันจรารักษ์” ได้เซ็นสัญญาพร้อมรับเงินค่ามัดจำ เตรียมขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่การกุศล "The 4 Season Concert" ช่วยผู้ประสบภัยหนาว แต่ในวันแถลงข่าวคอนเสิร์ตดังกล่าวกลับมีข่าวว่า นักร้องหนุ่มจะมาแถลงหักข้อกับอาร์เอส หันมารับงานอิสระเอง จึงเป็นเหตุทำให้บีมชิ่งไม่มางานกะทันหัน ถึงกระนั้นผู้จัดงานอย่างบริษัท "ซัคเซ็ส โคออฟพีเรชั่น จำกัด" ก็ยังยืนยันว่าบีมขึ้นเล่นคอนเสิร์ตครั้งนี้แน่ เพราะมีสัญญาอย่างถูกต้อง ซึ่งผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่วัน นักร้องหนุ่มได้ออกโรงแถลงข่าวด้วยตัวเอง ขอถอนตัวไม่รับงานนี้ เพื่อเป็นการยุติข่าวแตกคอกับอาร์เอส ยันยังเลิฟกันดี และได้คุยกับผู้จัดคอนเสิร์ตแล้วเข้าใจกันลงตัว พร้อมคืนเงินมัดจำให้
ล่าสุดวานนี้ (6 ม.ค.) ทางผู้จัดอย่าง "นายธีระพงษ์ เตชาเสถียร" Managing Director บริษัท แวลู ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด และ "นายณัฐธพัฒน์ ขวัญเมือง" Account Executive ผู้จัดงานคอนเสิร์ต ได้จัดแถลงข่าวที่ อเวนิว สาขาเมเจอร์รัชโยธิน ซึ่งยืนยันแม้บีมจะถอนตัวไปแล้ว แต่คอนเสิร์ตยังคงต้องเดินหน้าต่อ ด้วยการดึงนักร้องหนุ่มเสียงเพราะอย่าง "บอย พีซเมคเกอร์" มาเสียบแทน พร้อมยอมรับการถอนตัวของบีมทำให้เกิดความเสียหายหลายแสน ลั่นฟ้องเรียกค่าเสียหายได้แต่ไม่ทำ
ธีระพงษ์ : “เรื่องความเสียหายมันก็หลายแสน แต่เราไม่สามารถพูดออกมาให้ชัดเจนได้ว่าเท่าไหร่ เพราะเราไม่อยากจะไปเคลมใครให้เป็นผลลบกับคนอื่นๆ เรื่องผลกระทบมันก็มีบ้าง แต่เราก็ยอมจบ ไม่อยากพูดกระทบคนอื่นเสียหายไปมากกว่านี้ ความจริงคือเราได้เซ็นสัญญาโดยตรงกับบีม จะว่ามันไม่ถูกต้องก็ไม่ถูก ซึ่งจริงๆ เราก็ควรได้รับอนุญาตจากทางอาร์เอสเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เนื่องจากว่าเราเข้าใจด้วยตัวเราเองว่า การที่บีมมาเซ็นกับเราได้ ก็คิดว่ามันเป็นคอนเสิร์ตการกุศล แล้วก็คิดว่าบีมขออนุญาตจากทางอาร์เอสมาแล้ว เราคิดว่ามันไม่น่าจะมีอะไร แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วปัญหาก็เกิด บีมก็เลยยกเลิกขึ้น เขาเองก็คงไม่สบายใจที่มาแสดงให้กับเรา แล้วเราก็มัดจำเรียบร้อยเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วทุกอย่าง และบีมก็คืนเงินค่ามัดจำเรียบร้อยแล้วทุกอย่าง”
“ความจริงเรามีสิทธิเต็มที่ในการเรียกร้องค่าเสียหายจากบีม เพียงแต่ว่ามันไม่ถูกต้อง เพราะคอนเสิร์ตนี้มันเป็นคอนเสิร์ตคิดบวกไม่อยากคิดลบ การที่เราจะไปเรียกร้องนั่นนี่มันไม่ถูกต้อง มันไม่ดี เรื่องนี้มันก็จบตรงนี้ เราจะไม่พูดให้อาร์เอสหรือบีมเสียหาย ก็จบครับ จบโดยที่ไม่ต้องคุยกัน พูดตรงๆ เราไม่รู้เรื่องระบบภายในของแต่ละบริษัท บางสังกัดยอมให้ศิลปินมารับงานนอกได้ โดยที่เขาเซ็นได้เลยโดยตรง ในขณะเดียวกันผมก็คิดว่า เขาคงได้รับอนุญาตจากผู้ใหญ่มาแล้ว เขาถึงได้กล้าเซ็น แต่ด้วยความที่เป็นข่าวฉาวขึ้นมาเลยทำให้เขาเสียหาย”
ณัฐธพัฒน์ : “แล้วทางเราก็ไม่ได้ถามบีมก่อนว่าได้รับอนุญาตจากทางต้นสังกัดแล้วหรือยัง คือ ผมก็คุยกับบีมตั้งแต่แรก เรื่องรายละเอียดเราไม่ได้ลงลึกถึงขนาดนั้น เราไม่ได้ดูถึงตรงนั้น ซึ่งเราเองก็ผิดที่ไม่ละเอียด แล้วหลังจากที่บีมออกมาแถลง ทางเราก็ประชุมกับบีม ผู้จัดการบีม ซึ่งเราพูดคุยกันมาตลอด ตั้งแต่ก่อนเริ่มงาน หลังจากมีปัญหามาตัวเราเองกับบีมก็เข้าใจซึ่งกันและกัน เขาก็รู้ว่าทางเรามีค่าเสียหาย แต่เราก็ยังอยากทำงานร่วมกันในวงการนี้ต่อไป เพราะฉะนั้นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก็ถือได้ว่าเป็นบทเรียน ก็ไว้มีโอกาสครั้งหน้าก็คุยกันไว้ว่า วันหนึ่งบีมต้องได้ร่วมงานกับเรา ไม่ว่าเขาจะอยู่สังกัดเก่าหรือสังกัดใหม่ ซึ่งผมก็ไม่ทราบ อยากจะให้ทำคู่กับแดน (วรเวช ดานุวงศ์) ก็คุยกันไว้ บีมเขาก็โอเคครับพี่ไม่มีปัญหา เราเข้าใจกันและกัน ทางผมกับบีมก็ผิดกันทั้งคู่ วันนี้ก็มองไปข้างหน้า แล้วศิลปินที่เข้ามาแทนก็มีฝีมือในระดับหนึ่งเหมือนกัน ที่เราค่อนข้างพอใจ เรายังบอกกับบีมว่าไม่เล่นก็ได้ แต่ให้มาดูได้ (หัวเราะ) เราก็เชิญเขามา”
เผยหลังเกิดเรื่องไม่ได้คุยกับอาร์เอส ขอโทษที่ทำด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ลั่นต่อไปจะรัดกุมทำเรื่องขออนุญาตต้นสังกัดของนักร้องก่อนเป็นลายลักษณ์อักษร
ธีระพงษ์ : “กับทางอาร์เอสถามว่าเราเข้าใจกันดีไหม เราไม่ได้คุยกัน เพราะว่าอาร์เอสเองก็ไม่เคยมาคุยกับเรา แต่เราก็เข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำมันคือสิทธิของเขา เพราะว่าเราทำสัญญากับบีมโดยตรง มันก็เลยเป็นเรื่อง ต่อไปเราต้องให้ทางต้นสังกัดอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าอนุญาตด้วยวาจา เราเองก็คงไม่กล้าครับ”
ณัฐธพัฒน์ : “ยังไงก็อยากจะขอโทษผ่านต้นสังกัดเขา ว่าสิ่งที่เราทำอาจจะทำด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะเราคิดว่าทางศิลปินกับต้นสังกัดน่าจะคุยกันเรียบร้อยแล้ว ว่าสามารถทำได้หรือไม่ได้ ซึ่งทางเราก็คิดกันไปเอง ว่ามันเป็นเชิงของการทำบุญ มันไม่น่าจะมีปัญหามากมาย”
ที่มา: manager.co.th