Author Topic: “บลู” มดลูกชำรุด สามีโด๊ปยาจีนรอ 2 ปีปั๊มลูก  (Read 1426 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“บลู” เผยอีก 2 ปีค่อยมีลูก เพราะอยากใช้ชีวิตคู่กับสามีสองคนก่อน ทั้งสุขภาพตนไม่ดี เป็นโลหิตจาง ความดันต่ำ สามีคอยต้มยาจีนโด๊ปตลอด คาดหวังมีลูก 3 คน แย้มหลังแต่งงานความรักยิ่งหวาน ฝ่ายชายทำตัวดีบอกรักทุกวัน คิดไม่ผิดที่เลือกเป็นสามี
       
       หลังจากที่ดาราสาว “บลู เอลิกา พลอยอัมพร” เข้าประตูวิวาห์ไปกับนักธุรกิจหนุ่ม “ตี๋ ธัญร์นากร จันทร์อ่อน” ไปได้ร่วมปี ตอนนี้เพื่อนพ้องน้องพี่ต่างรอลุ้นว่า เมื่อไหร่จะได้เห็นทายาทตัวน้อยของดาราสาวสักที ซึ่งสาว “บลู” เผยว่าแพลนจะมีลูกในอีกสองปีข้างหน้า เพราะช่วงนี้สุขภาพตนไม่ค่อยดี มีปัญหาเรื่องมดลูกและโลหิตจาง จนสามีต้องต้มยาบำรุงให้กินอยู่ตลอด
       
       “เรื่องมีน้องยังหรอกค่ะ เราแพลนไว้ว่าอีกสัก 1-2 ปีถึงจะมีลูก เพราะยังอยากทำงาน ยังไม่พร้อมที่จะหยุด ยังอยากหาเงิน เก็บเงิน ในวันที่เรามีลูกจะได้ไม่ต้องมานั่งทุกข์ว่าจะเลี้ยงลูกยังไง อยากมีเงินไว้พร้อมเลี้ยงลูกดีๆ ซื้อในสิ่งที่อยากซื้อให้เขา แล้วบลูกับแฟนเองก็ยังอยากท่องเที่ยว อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก่อน เพราะว่าแต่งกันไม่ถึงปี ก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้รู้จักกันนานแบบหลายสิบปี เราเพิ่งรู้จักได้แค่ปีเดียวก็แต่งเลย รวมกันก็จะแค่สองปีเอง ก็รู้สึกอยากใช้ชีวิตด้วยกันก่อนอีกสักสองปีแล้วค่อยมีลูก”
       
       “แต่ถามว่าอยากมีไหม ก็อยากมีนะ จริงๆ บลูเป็นคนรักเด็ก ชอบเด็ก ยิ่งเด็กน่ารักยิ่งชอบ และแฟนบลูก็อยากมีเหมือนกัน แต่บลูจะเป็นฝ่ายถามเขามากกว่าว่าอยากมีลูกไหม ก็ได้แต่พูดเล่นกัน เพราะเรามองภาพกันจริงๆ รู้เลยว่ายังไม่พร้อม ดูความพร้อมก่อนดีกว่า ตอนนี้บลูเองก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพอยู่ด้วย มีปัญหาเรื่องเลือดคือโลหิตจาง ความดันต่ำ มดลูกก็ไม่ค่อยดี ช่วงนี้เขาก็เริ่มต้มตังกุยอะไรไม่รู้ให้บลูกิน แฟนหนูบำรุงหนูก่อนเลย กลัวมีลูกยาก ทุกวันนี้ต้มให้กินอาทิตย์ละวัน เป็นตังกุย ยาจีน ต้มใส่น้ำผึ้งกินแก้วนึง พี่เขาตั้งใจโด๊ปเราเพื่อเตรียมตัว ถ้าเราปล่อยมีน้องก็ตั้งท้องได้เลย”
       
       “ใจอยากได้คนโตเป็นผู้ชาย ผู้หญิงคนเล็กรองลงมา ส่วนคนที่สามไม่รู้เพศไหนก็ได้ แฟนก็เหมือนกัน เขาฝันอยากมีลูกเป็นนักกีฬาเหมือนเขา แต่ถ้าเขาอยากมีลูกเป็นทีมฟุตบอลก็ไม่ไหวนะ ท้องเองแล้วกัน(หัวเราะ) ขอมีสัก 2-3 คนก็พอแล้วค่ะ เวลามีคนถามบ่อยๆ รู้สึกยังไงเหรอ ก็แฮปปี้นะ แล้วในอนาคตเราก็อยากตอบนะว่าท้องอยู่ เวลาไปไหนมาไหนเห็นพ่อ แม่ ลูก เดินกันก็คิดนะ ยังพูดกับพี่ตี๋เลยว่าลูกเราจะหน้าตายังไงนะ มีลักยิ้มยังไง จะเอาส่วนไหนของบลูไปดี ส่วนไหนของเขาไปดี ก็คุยเล่นกัน เพราะมันเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นว่า เขาเกิดมาหน้าตาจะเป็นยังไง คือยังไงก็อยากมีลูกค่ะ”
       
       เผยสามีเอาใจสุดๆ ดูแลไม่เคยห่าง แถมมาบอกรักให้ฟังทุกวัน
       
       “ตอนนี้ชีวิตก็มีความสุขดีค่ะ ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ก็ค่อนข้างที่จะลงตัวไม่หวือหวาไม่อะไรมากมาย ไม่วัยรุ่นสุดเหวี่ยงเหมือนแต่ก่อน คือเราแต่งงานมีครอบครัว แล้วก็มีงานที่เราชอบทำ เริ่มมีชีวิตที่ดีขึ้น เริ่มโตขึ้น เขาก็ดูแลดีนะคะ ไม่ได้เปลี่ยนไปและเหมือนดีมากขึ้นด้วย อย่างบางคนบอกว่าแต่งแล้วแย่ลง แต่เขายังเหมือนเดิม ส่วนดีของเขาก็ยังมีอยู่ ส่วนข้อเสียของเราทั้งสองคน เราก็พยายามงัดๆ กัน เราพยายามทำความเข้าใจ พยายามเปลี่ยนแปลงก็ดีขึ้นค่ะ”
       
       “ความหวานเหรอ ถ้าเรื่องเซอร์ไพรส์เรื่องโรแมนติกจะเป็นบลู เพราะบลูชอบซื้อโน่นนี่ทำโน่นทำนี่ ส่วนความหวานของเขาที่เขาน่ารักก็คือ เขาจะบอกรักบลูทุกวัน ส่วนใหญ่ผู้หญิงต้องเป็นคนบอกใช่ไหม แต่เราก็ไม่ได้บอก ตัวเราเองก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาบอกรักคุณทุกวัน แต่เขากลับเป็นฝ่ายที่บอกรักเราทุกวัน แรกๆ ก็ยังไม่ค่อยรู้สึกอะไรหรอกนะ(หัวเราะ) แต่หลังๆ ก็รู้สึกว่าน่ารักเนอะที่บอกรักเราทุกวัน ก็ดีค่ะ”
       
       “เขาเป็นผู้ชายที่มีมุมน่ารัก มีมุมที่รู้สึกว่าไม่ผิดหวังที่เลือกเขาเป็นสามี ไม่เที่ยว ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ก็เลยรู้สึกดีเพราะว่าหากยากนะ แต่ตอนนี้เขาเองก็เริ่มยุ่งกับงานแล้ว และเขาชอบเตะบอลมาก เขาก็เลยยุ่งกับการเตะบอล แต่ที่ไม่ค่อยได้ออกงานคู่กันช่วงนี้ เพราะบลูก็กลัวว่าเวลาไปงานแล้วเขาจะเบื่อ ก็เลยไม่ค่อยได้ชวนเขา แต่ถ้าวันไหนเหมาะๆ บลูว่าง เขาว่าง แล้วพากันไปทีเดียวดีกว่า”
       
       “แต่เรื่องปัญหาชีวิตคู่ก็มีบ้างค่ะ ก็คือบลูเป็นคนเสียงไม่ดัง ไม่โวกเวก โวยวาย ไม่หยาบคาย แล้วตัวเขาเองก็ไม่หยาบคาย ไม่เสียงดัง พอเวลาทะเลาะกันมันก็เลยกลายเป็นไม่คุยกัน พอคุยก็ร้องไห้ เขาเองก็เงียบ เลยไม่มีช่วงเวลาที่แหกปากใส่กัน ไม่มีเลย มันเลยทำให้ทุกอย่างเบาลง แค่ขอโทษกันก็หาย ทำให้เวลามีปัญหามันไม่ยืดยาว มันเป็นสิ่งที่ดีค่ะ”



ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)