“ธันญ์” เดือดบอก “ต้อง” เลิกกันแล้วให้หยุดเปิดโปงเรื่องอดีต ย้อนถามต้องการอะไรอีก ย้ำเลิกอีกฝ่ายเหตุตนไม่มีเวลาให้ ไม่เกี่ยว “ยุ้ย” เป็นมือที่ 3 แต่อดีตแฟนนำเรื่องมาโยงจนเรื่องบานปลาย ส่วนที่พ่อต้องประกาศไม่ให้เหยียบบ้าน ตนเคารพการตัดสินใจของผู้ใหญ่
ยังคงเป็นประเด็นที่มีความจริงเริ่มปูดขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ สำหรับกรณีรัก 3 เส้าระหว่างดีเจสาว “ต้อง ศุภัชญา รื่นเริง” กับดาราหนุ่ม “ธันญ์ ธนากร” ที่มีนางเอกมาดเรียบร้อย “ยุ้ย จีรนันท์ มะโนแจ่ม” เข้ามาแทรกกลางใจ แต่ไม่ว่าเรื่องจะปูดขึ้นมาสักกี่ครั้ง สาว “ยุ้ย” ก็ออกมาปฏิเสธตลอดไม่ใช่มือที่ 3 แย่งแฟนใคร ทำเอาสาว “ต้อง” อดรนทนไม่ไหว ต้องออกมาแฉซ้ำแฉซ้อนเสียร่ำไป ล่าสุดถึงขนาดจะจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน แต่งานก็ต้องล่มกะทันหันเนื่องจากถูกพ่อห้ามไว้ พร้อมบอกพ่อประกาศชัดห้ามหนุ่ม “ธันญ์” มาเหยียบบ้านอีก
ล่าสุดมีโอกาสเจอหนุ่ม “ธันญ์” ขณะมาร่วมแจกปฏิทิน 7 สีที่หัวลำโพง เจ้าตัวถึงกับพรั่งพรูระบายความรู้สึกให้ผู้สื่อข่าวฟังอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ว่า...
"ช่วงนี้ข่าวผมค่อนข้างเยอะ ผมรู้แต่ไม่ค่อยดูข่าวนะ เพราะหลังๆ รู้สึกมันอืม...ขนาดนั้นเลยเหรอ คือเราเป็นผู้ชายก็ไม่อยากพูดอะไรใช่ไหม แต่ผมอยากให้น้องเขาหยุดบ้างเถอะ เพราะบางทีเรื่องส่วนตัว คนเรามันก็มีทั้งดีและไม่ดีอยู่แล้ว เราเป็นมนุษย์คนนึง พอวันนึงที่เราเลิกกันมันคืออะไร ผมก็งงเหมือนกัน วันนั้นเขาเป็นคนมาบอกเลิกผม บอกว่าพี่ธันญ์อยู่คนเดียวได้แล้ว ซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน และไม่มีเรื่องยุ้ยด้วย แค่มีปัญหาเรื่องเวลา แค่อยากคุยให้เข้าใจ บางทีเราอ่านข่าวแล้วแบบเขาพูดแบบนี้เหรอ เราก็งงๆ แต่ไม่อยากจะพูดอะไร เพราะว่าเราเป็นผู้ชาย เราก็ผิดอยู่แล้ว ยังไงก็ยอมรับว่าผมผิดเองแล้วกัน เพราะว่าผมคงไม่ดีพอ แต่ที่เขาบอกว่า 7 ปีที่ผ่านมาไม่มีค่าอะไรสำหรับเขาเลยเหรอ โอเคงั้นผมก็เข้าใจแล้วแหละ สิ่งที่ผ่านมาผมทำเต็มที่แล้วนะ”
“ที่บอกว่าผมพยายามง้อแค่ 2 อาทิตย์ ผมว่าเราอย่ามาตีค่าเป็นเวลา เราผ่านทั้งทุกข์ทั้งสุขร่วมกันมา ผมว่าเรามีสิ่งดีๆ เยอะมากสำหรับผมนะ แต่พอวันนึงเราไม่ใช่กันแล้ว เราไปด้วยกันไม่ได้ ความรู้สึกตอนนี้ก็มีแต่สิ่งไม่ดีอย่างเดียวเลย ผมก็โอเคเข้าใจ เขาอาจจะรู้สึกไม่ดีกับเราแล้ว ตอนนี้เขาคงเห็นเราแต่ในแง่ลบทุกอย่าง ผมอยากบอกว่าที่ผ่านมาเรามีปัญหา เราหยุดกัน ไม่เข้าใจกัน ต่างคนต่างมุมมอง ก็จบกันเคลียร์กันคุยกันนะ แต่ที่เราจบกันคือไม่เกี่ยวกับยุ้ยเลยนะ เขาบอกว่าผมไม่มีเวลาในตอนนั้น ผมก็ยังงงๆ ว่าตอนนี้เอาเรื่องยุ้ยมาโยงให้มันไปกันไปใหญ่"
กล้าท้าคำพูด “ต้องคือคนที่รัก ยุ้ยคือคนที่ใช่” เป็นคำพูดในวันที่ตนกับนางเอกสาวเพิ่งรู้จัก ยังไม่สนิทกัน แจงพูดโดยไม่ได้คิดอะไร แต่อดีตแฟนสาวกลับเก็บเอาไปคิดและตีประเด็น ทำให้เป็นเรื่องราวบานปลายจนต้องเลิกกัน
"ถามว่าผมอึดอัดไหม ผมไม่ได้อัดอั้นหรอกครับ โอเคถ้ามันเป็นข่าวเป็นกระแส เราก็ยอมรับได้ก็ปล่อยมันไป แต่หลังๆ เริ่มมีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเยอะมากเลย ไม่ว่าจะเรื่องโทรศัพท์หรือเรื่องนั่นนี่ คำพูดบางคำ คือผมงงกับคำว่า ยุ้ยเป็นคนที่ใช่ เขาแปลความหมายยังไง ผมไม่เข้าใจจริงๆ นะ วันนั้นที่ผมพูดคำนี้ ผมกล้าพูดเลยว่าวันนั้นยังไม่สนิทกับยุ้ยเลยด้วยซ้ำ คือเพิ่งรู้จัก เพิ่งได้ร่วมงานกับเขาเอง แล้วเขา (ต้อง) จะเป็นคนที่มาถามว่าเล่นกับคนนี้(ยุ้ย) พี่ธันญ์รู้สึกยังไง คือถามตลอดไม่ว่าจะเล่นเรื่องไหน”
“แต่เราเข้าใจว่าด้วยความเป็นผู้หญิง เขาก็จะถาม ซึ่งเราก็บอกไปว่าเขาดูเป็นคนดีนะ น่ารัก เขาก็ถามว่ายังไง ก็บอกว่าใช่เลย เป็นผู้หญิงที่ใช่เลย นิสัยดี คือเราคุยแบบตลกๆ แต่เราก็บอกว่าต้องเป็นคนที่เรารักอยู่ เราคบกับคุณอยู่ ผมจะไปชอบใครได้ยังไง ผมรักคุณอยู่ คือคำแค่นี้ แล้วหลังๆ จะมีคนมาถามคำนี้ตลอดเวลา ผมว่าอย่าไปตัดความหมายสิครับ จริงๆ เขาก็ถามเราเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เราไม่ได้คิดอะไร ผมเป็นผู้ชายที่ตอบแบบไม่คิดอะไรอยู่แล้ว โอเคบางมีผมอาจจะไม่ฉลาดมากมาย ก็ตอบไปปกติของเรา"
"มันไม่เชิงพูดเล่น แต่เขาเอาไปคิดเป็นเรื่องจริงหรอก เหมือนกับถามแล้วก็ตอบ แต่มันไม่มีความหมาย ไม่ได้คิดอะไร แต่พอหลังๆ ก็มีคำเก่าๆ มาเต็มไปหมดเลย เขาก็เช็คโทรศัพท์ดูของผมตลอด ไม่ว่าใครโทรมาเบอร์แปลกๆ เขาก็ถามตลอดว่าเป็นใคร อะไร ยังไง แต่พอกลายเป็นยุ้ยหรือเปล่า เลยกลายเป็นข่าวใหญ่โตไปกันใหญ่ ผมก็งง อย่างที่บอกว่าเรื่องเราจบไปสักพักใหญ่ๆ แล้วนะ เขาก็เป็นคนที่บอกผมเองว่า เขาพร้อมอยู่คนเดียวแล้ว ผมง้อไหม ผมก็ยอมรับว่าง้อ ผมเป็นผู้ชาย ผมง้อ”
“แต่มาวันนึงผมไม่มีเวลาให้ เราโตขึ้นเรื่อยๆ เราต้องสร้างอนาคต เราต้องทำงาน อย่างเหนื่อยแค่ไหน ถ่ายละครเยอะแค่ไหน เย็นๆมืดๆ ดึกๆ ผมก็ยังโทรชวนเขากินข้าวกันไหม แต่พอเป็นเวลานั้นแล้วมันอาจจะไม่ใช่แล้วไง เราก็เข้าใจเขาแหละว่า เขามองในอีกแบบนึงของเขา อย่างที่บอกตอนนี้เขามองลบอยู่แล้ว ผมทำอะไรก็ลบ มาหามาเจอมาง้อก็ลบ แค่ 2-3 อาทิตย์อย่างที่เขาบอก โอเคเราเป็นผู้ชาย เราผิดเองแล้วกัน เรายอมรับผิด เราคงไม่ดีพอ”
“แต่ถ้าเกิดถามผม ผมว่า 7 ปีที่ผ่านมามีสิ่งดีๆ เยอะมากนะ ผมว่าผมทำเต็มที่ อย่างที่เคยบอกไปว่าคนเรารักกันอยู่ด้วยกัน เราไม่เห็นจะสนใจใครเลย แต่วันนึงเราเลิกกัน ทำไมเราต้องทำให้เหมือนคนอื่นรู้เรื่องส่วนตัวของเรา มันก็งงๆ นะ อันนี้ผมไม่ได้ออกมาแก้ตัว เพราะเราเป็นผู้ชายอยู่แล้ว เราไม่อยากพูดอะไร แต่บางทีผมก็งงๆไงว่าวันนึงเขามาบอกเลิกเรา แต่พอหายไปสักพักก็มาเสียใจ แล้ววันนั้นเราก็เสียใจเหมือนกันนะ งงว่าเขาต้องการอะไร"
เผยโทรเคลียร์อดีตแฟนสาวทันทีหลังมีข่าว ตอนนี้เคลียร์กันเข้าใจแล้ว ส่วนที่พ่อของ “ต้อง” ประกาศไม่ให้เหยียบบ้าน เจ้าตัวบอกเคารพการตัดสินใจของผู้ใหญ่
"หลังจากมีเรื่องมีราวก็บอกความรู้สึกของผมกับเขาไปแล้วครับ ว่าผมรู้สึกยังไง ผมยอมรับว่าโทรไปคุยกับเขาว่าเธอเป็นอะไรเหรอ มีอะไรหรือเปล่า เราคุยกันดีๆ ก็ได้นะ วันนั้นก็คุยกันดีนะ เขาก็บอกว่าไม่มีเรื่องนี้แล้วพี่ ก็แค่รู้สึกไม่ดีแค่นั้นเองที่พูดออกไป ก็โอเค ตอนที่คุยกันก็เข้าใจกัน ก็เคลียร์กันดีๆ ผมก็ยังบอกเขาว่าผมยังเป็นห่วงเหมือนเดิมนะ ไปกินข้าวกันบ้างก็ได้นะ ยังเจอกันอยู่ คือคนเรามีความรู้สึกดีๆ ผมอยากเก็บความรู้สึกดีๆ ไว้ แต่เขากลับมองว่าผมไม่มีค่าอะไรเลยใน 7 ปีที่ผ่านมาของเขา ผมก็โอเค”
“อย่างที่เขาบอกว่า เขาอยู่มา เขาทน เขาไม่มีความสุข วันนี้เขาจบกับผมไปแล้ว เขาก็ต้องมีความสุขสิครับ แต่นี่ดูยิ่งไม่มีความสุขกันไปใหญ่ ผมก็อ้าว...ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ แล้วยิ่งเรื่องราวบานปลายไปใหญ่ ถึงขั้นมีข่าวว่าพ่อของเขาประกาศไม่ให้ผมเหยียบบ้าน ตรงนี้อย่างที่บอกว่าผมเคารพผู้ใหญ่อยู่แล้ว ผมเคารพพ่อแม่เขาอยู่แล้ว ซึ่งเราจะเลิกรากันไปหรือจบกัน เราก็คิดถึงคนอื่นด้วย แต่ยิ่งมีข่าวผมว่าต้องเกรงใจผู้ใหญ่ด้วยนะ”
“บางทีบางเรื่องราวผมก็อยากให้เขาเบาๆ ลงหน่อยก็พอ ตอนนี้ผมงงว่า วันนึงเราเลิกกันแล้ว วันนี้ต้องการอะไรจากผมอีก ผมก็งง ผมทำดีไม่พอ ยังมีอะไรหลายๆ อย่างที่เขาบอกว่าผมไม่ใช่ ผมไม่ได้ ซึ่งผมก็พยายามทำเต็มที่ที่สุดแล้ว แต่ว่าวันนึงเราจบกันแล้ว เราเก็บความรู้สึกดีๆ ดีกว่าไหม ไม่ใช่ปล่อยให้มันเป็นเรื่องเป็นราวอย่างทุกวันนี้ มันไม่เป็นผลดีกับใครเลยจริงๆ"
ที่มา: manager.co.th