Author Topic: หนังไทยปีเสือ: ตลก-ฮา-ขายขำ โกยเงินกระเป๋าตุง  (Read 1432 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


แม้ว่าเมื่อช่วงกลางปี 2553 สถานการณ์บ้านเมืองของประเทศไทย ค่อนข้างที่จะดุเดือดและทวีความรุนแรง มีการชุมนุมก่อม็อบและมีการประกาศเคอร์ฟิวจากรัฐบาล ซึ่งส่งผลกระทบต่อวงการภาพยนตร์ไทย ทำให้ธุรกิจภาพยนตร์หยุดชะงักไปช่วงหนึ่ง แต่เมื่อผ่านพ้นช่วงวิกฤตของประเทศมาได้ แวดวงหนังไทยก็เริ่มกลับมายิ้มได้อีกครั้ง จะเห็นได้จากตัวเลขหนังทำเงินในปี2553 ซึ่งเป็นสิ่งที่การันตีได้ว่า คนไทยยังคงต้องการความบันเทิงเพื่อคลายความตึงเครียด จากสถานการณ์รุนแรงของบ้านเมืองที่ผ่านมา
       
       โดย 10 อันดับหนังไทยทำเงินประจำปี 2553 มีดังนี้
       
       1.กวนมึนโฮ (GTH ) 131 ล้านบาท 2.สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก (สหมงคลฯร่วมกับเวิร์คพ้อยท์ฯ) 80 ล้านบาท 3.สาระแนสิบล้อ (สหมงคลฯร่วมกับลักษ์ 666) 70 ล้านบาท 4.ตุ๊กกี้เจ้าหญิงขายกบ (สหมงคลฯร่วมกับเวิร์คพ้อยท์ฯ) 67 ล้านบาท 5.บ้านฉันตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้) (GTH ) 50ล้านบาท / โป๊ะแตก (สหมงคลฯร่วมกับเวิร์คพ้อยท์ฯ) 50 ล้านบาท 6.องค์บาก 3(สหมงคลฯ) 46 ล้านบาท 7.หลวงพี่เท่ง 3 (พระนครฟิล์ม) 37 ล้านบาท 8.นาคปรก (สหมงคลฯ) 36 ล้านบาท 9.ชั่วฟ้าดินสลาย (สหมงคลฯ) 35 ล้านบาท 10.ตายโหง (พระนครฟิล์ม) 31.43 ล้านบาท
       *ข้อมูลอ้างอิงจากบริษัท GTHและสหมงคลฯ
       
       แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นที่น่าตกใจ ที่ยังมีหนังไทยรายได้รวมต่ำที่สุด ชนิดที่ว่าค่าฟิล์มยังแพงกว่า ได้แก่
       
       1.สมานฉัน (เอกเพชรฟิล์ม) 6 หมื่นบาท 2.4สิงห์คอนเฟิร์ม (ดิ แอคชั่น) 1แสน8หมื่นบาท 3.ดวงอันตราย (ที มูฟวี่ส์) 3แสน 9หมื่นบาท 4.อาฟเตอร์ สคูล วิ่งสู้ฝัน (อควา คอร์เปอเรชั่น) 6แสน 7หมื่นบาท 5.เงา (96ฟิล์ม) 8แสนบาท 6.วิทเลิฟ ด้วยรัก (96ฟิล์ม) 9แสน 7หมื่นบาท 7.อ.หนูกันภัย ศึกมหายันต์ ยิงกันสนั่นจอ (โอมมหารวยฟิล์ม) 1.3 ล้านบาท 8.คนไททิ้งแผ่นดิน (กันตนาฟิล์ม) 2.83 ล้านบาท 9.ครูบ้านนอก (สหมงคลฯ) 3.52 ล้านบาท 10.นางตะเคียน (แปซิฟิกไอส์แลนด์ฟิล์ม) 3.75 ล้านบาท
       *ข้อมูลอ้างอิงจากเวปPOSTJUNGและพันทิป ด็อทคอม
       

       ส่วนหนังไทยที่เพิ่งเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในเดือนธันวาคม อย่าง “Yer or No อยากรักก็รักเลย”, “ผู้ชายลัลล้า”, “โคตรสู้โคตรโส”, “กะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกเจ้า”, “กระดึ๊บ”, “สาระแนเห็นผี”, “สุดเขตสเลดเป็ด” ยังคงต้องรอลุ้นผลรายได้กันอีกทีในต้นปีหน้า
       
       สำหรับภาพรวมของแต่ละค่ายหนัง ปีนี้ค่าย 5 ดาวอย่าง “ไฟว์สตาร์” ส่งหนังฟอร์มยักษ์ “อินทรีแดง” ที่งานนี้ลงทุนไปกว่าร้อยล้านบาท แถมยังได้พระเอกหนุ่มแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” มาสวมบทบาทอินทรีแดงฮีโร่สัญชาติไทย หวังครองใจคนดู แต่กลับไม่สามารถกอบกู้รายได้ในเมืองไทย ให้เป็นที่น่าพอใจเท่าที่ควร ไฟว์สตาร์เลยต้องทั้งผลักทั้งดันอินทรีแดง ให้ไปผงาดอยู่ในตลาดหนังต่างประเทศ เพื่อให้คุ้มทุนสร้าง
       
       ซึ่งแพลนปีหน้าทางค่าย5ดาว ก็ยังสานต่ออินทรีแดง ภาค 2 ให้ได้ติดตามชมกันอีก และจะผลิตภาพยนตร์แนวที่ตลาดไม่ค่อยเห็นประมาณ 4-6 เรื่อง ทั้งแนววัยรุ่นจ๋า, ตลกสนุกสนาน ที่ฮาตลอดเรื่อง แต่ไม่ไร้สาระ, แนวระทึกขวัญ, แอ็คชั่นฟอร์มใหญ่บู๊เหนือจินตนาการ เรียกว่ามีครบทุกอรรถรสเพื่อเอาใจผู้ชม


       
       มาทางฟากค่าย "GTH" ที่ปีนี้ส่ง “กวน มึน โฮ” หนังโรแมนติกคอมเมดี้ลงโรง และซิวตำแหน่งอันดับ 1 รายได้หนังทำเงินไป 2 ปีซ้อน ต่อจาก "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" แต่ในขณะเดียวกันหนังที่ส่อแววแป๊กของจีทีเอชก็ยังมีให้เห็น คือเรื่อง “กระดึ๊บ” หนังแนวมอนสเตอร์-คอมเมดี้ ฝีมือการกำกับของตลกชั้นแนวหน้าของเมืองไทย “จตุรงค์ มกจ๊ก” ที่งานนี้อาจขำไม่ออกเมื่อรายได้หนังไม่วิ่งฉิวเท่าที่ควร
       

       ส่วนปีหน้า “นายวิสูตร พูลวรลักษณ์” ประธานกรรมการบริหารบริษัท จีทีเอช เผยว่า ครึ่งปีแรกจะส่งหนัง “SuckSeedห่วยขั้นเทพ” และหนังผีเรื่องใหม่ของผู้กำกับ “โปรแกรมหน้า..วิญญาณอาฆาต” ให้ได้ชมกัน
       
       “ปีหน้า จีทีเอช มีโปรเจกต์ผลิตหนังออกมาสู่ตลาดประมาณ 4-5 เรื่อง ไอเดียแต่ละเรื่องเราค่อนข้างมั่นใจกว่าปี 2553 เราพยายามรักษาแนวทางความสด ใหม่ คุณภาพ ผลิตนักแสดงใหม่ๆ ให้กับวงการ เราจะไม่มีการลดต้นทุนผลิต ซึ่งโปรเจกต์หนังแต่ละเรื่อง ยังคงอยู่ที่ต้นทุน 20-30 ล้าน ถ้าฟอร์มใหญ่จะอยู่ที่ 30-50 ล้าน สำหรับภาพรวมปีหน้าหนังไทยจะคล้ายๆ กันทุกปี รัก ตลก แอ็คชั่น ผี แต่สำหรับ จีทีเอช จะพัฒนางานสร้างหาไอเดียใหม่ๆ ในปีหน้าผมมั่นใจว่าหนัง 4-5 เรื่องของ จีทีเอช จะโดนใจผู้ชม”
       
       ด้านค่ายใบโพธิ์ "สหมงคลฯ" ของ “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” ปีนี้ดันหนังใหญ่ลงโรงเพียบเหมือนเช่นทุกปี มีทั้งทางค่ายสร้างเองกับร่วมมือกับค่ายพันธมิตร แต่ที่เด่นๆ ถูกจับตาและถูกพูดถึงมี “องค์บาก3” ที่มีข่าวฉาว “จา พนม” มีปัญหากับสหฯ มาช่วยดันก่อนหนังจะทำเสร็จ แต่พอฉายแล้วรายได้ไม่หวือหวามากเท่าที่ตั้งใจไว้ หรือ “นาคปรก” หนังไทยที่ต้องบันทึกไว้ว่าถูกดองไม่ให้ฉายนานถึง 3 ปี หลังรอพรบ.ภาพยนตร์ประกาศใช้ ในที่สุด "นาคปรก" ก็ผ่านกระบวนการพิจารณาการจัดเรตภาพยนตร์ และทำรายได้ทำให้อมยิ้มได้พอประมาณ และอีกเรื่องที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้คือ “ชั่วฟ้าดินสลาย” ของ “ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” ที่ถือว่าเป็นหนังไทยน้ำดีอีกเรื่องของสหมงคลฯ
       
       ซึ่งรายได้ของสหมงคลฯในปีนี้โตขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ได้กว่า 3000 ล้าน ส่วนปีหน้าวางแพลนจะทำหนังไทยกว่า 10 เรื่อง ลงทุนประมาณ 500-600 ล้านบาท โดย 1 ในนั้นมีหนังของ จา พนม ที่จะใช้ทุนสร้างสูงถึง 200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีหนังของหม่อมน้อยที่จะทำออกมาในแนว ที่หลายคนไม่คิดว่าค่ายใบโพธิ์จะทำ ส่วนหนังของ หม่ำ-เท่ง-โหน่ง-ตุ๊กกี้ และกลุ่มสาระแน ก็ยังมีอีก ส่วน “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 3” ของ “ท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล” ได้ฉายราวต้นปีหน้าแน่นอน
       
       ปิดท้ายที่ค่าย "พระนครฟิล์ม" ของกลุ่มสายหนัง ธนาซีเนเพล็กซ์ (ตระกูล ธนารุ่งโรจน์) ที่หลายปีที่ผ่านมาจนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีหนังฟอร์มยักษ์ออกมาให้เห็นโดดเด่นสักที แต่ถึงแม้หนังจะไม่โดดเด่นสร้างกระแส แต่ก็ยังเอาตัวรอดถูๆ ไถๆไปได้ เช่นเรื่อง “หลวงพี่เท่ง 3” ฝีมือการกำกับของ “โน๊ต เชิญยิ้ม” และ “ตายโหง” ของ “พจน์ อานนท์”
       
       สำหรับแพลนปีหน้าค่ายพระนครฟิล์มจะประเดิมปี 2011 ด้วย “หอแต๋วแตก แหวกชิมิ” ของผู้กำกับ “พจน์ อานนท์” ต่อด้วย “เป้ ท่าทราย (Friday Killer)” และ “วงจรปิด” ของ “ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค” หนังตลกเรื่อง “เหลือแหล่” ของ “โน้ต เชิญยิ้ม-โย่ง เชิญยิ้ม” นอกจากนี้ยังมี “ศพเด็ก 2002 ศพ - ปล้นนะยะ 2” โดยผู้กำกับพจน์ อานนท์, “ก้านคอกัด” ผลงานของนักร้องหนุ่มโจอี้ บอย , “จ่าฮวย แซ่เซ็ง” ของผู้กำกับเฉลิม วงศ์พิมพ์ เป็นต้น




ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)