Author Topic: “ดี้” ทบทวนครั้งสุดท้าย เตรียมโบกมือลาแกรมมี่  (Read 1013 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


สวนทางประธานบริษัท “ดี้ นิติพงษ์” รับคิดจะลาออกจากแกรมมี่จริง ยันไม่ได้ผิดใจกับผู้บริหารแต่เป็นเรื่องของธุรกิจที่เปลี่ยนไป ด้านแหล่งข่าวเผยค่ายยักษ์เล็กลงฮวบหลังสั่งปลดพนักงาน-ผู้บริหารออกอื้อ!
       
       หลังมีกระแสข่าวลือถึงเรื่องการถอนตัวออกมาจากค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่างแกรมมี่ กระทั่งหัวเรือใหญ่ของค่าย “เล็ก บุษบา” ต้องออกมาชี้แจงยืนยัน ล่าสุด “ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค” ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวผ่านรายการไนน์ เอ็นเตอร์เทน เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (27 ธ.ค.)
       
       โดยนักแต่งเพลงชื่อดังยอมรับว่าตั้งแต่ทำงานในวงการเพลงให้กับแกรมมี่มานานกว่า 27 ปี ไม่เคยรู้สึกหนักใจเท่ากับในช่วง พ.ศ.นี้ เนื่องจากการดำเนินการทางธุรกิจทางด้านตลาดเพลงได้เปลี่ยนจากการขายเทปซีดีมาสู่ยุคดิจิตอลรวมถึงการดาวน์โหลดมากขึ้น และนั่นเองเป็นสิ่งที่ทำให้ตนคิดจะลาออกจากแกรมมี่จริงๆ ตามข่าวที่ออกมา
       
       “ตอนนี้อยู่ในช่วงประชุมอยู่คนเดียวว่า อนาคตจะเป็นยังไง ก็อย่างที่บอกมันมีบางเรื่องที่ถึงเวลาแล้ว บางเรื่องก็ยังดีอยู่ บางเรื่องก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ได้มีอะไรที่นอกเหนือความเข้าใจ เราทำงานที่ไหนก็มีปัญหากับที่นั่นทุกคน หลายอย่างมันมีความเปลี่ยนแปลง องค์กรที่เกิดขึ้น จากวันนี้สู่วันต่อๆ ไป จากปีนี้สู่ปีต่อๆ ไป มันมีการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงวิธีคิด เปลี่ยนแปลงการทำงาน เปลี่ยนแปลงนโยบาย เปลี่ยนแปลงผู้คนอะไรต่างๆ นานา ซึ่งก็มีบางครั้งที่รู้สึกว่าเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย มันเป็นเรื่องตามธรรมชาติ ตอนนี้ก็ยังต้องนั่งชั่งตวงกันอีกว่า อนาคตมันจะเป็นยังไง”
       
       “ถามว่าที่คิดเกี่ยวกับทัศนคติในการทำงานไม่ตรงกันหรือเปล่า มันก็มีบ้างที่ตรงกัน แต่ก็อย่างที่บอกเมื่อเวลามันผ่านไปมากๆ เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน ตั้งแต่ไรใจหนอใจคน อัสนี (โชติกุล) ท่านว่าไว้นะ (ยิ้ม) คือพอเปลี่ยนปุ๊ป คนนี้อาจจะเปลี่ยนไปทางนี้หน่อยนึง เขยิบไปทีละนิดทีละน้อย คนนี้ก็เปลี่ยนไปทางนี้อีกคนละนิดละน้อย ก็เป็นไปได้ มันก็อาจจะห่างๆกันไปมากขึ้นในระบบวิธีคิด ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้มีคนเปลี่ยนแปลงไปเยอะ อยู่ไม่ครบหรอก มีตาย (หัวเราะ) ออกบ้าง ไปทำธุรกิจอื่นบ้าง บางคนก็ไปทำร้านพิซซ่าบ้าง ไปขายก๋วยเตี๋ยวบ้าง เพราะมันมีเหตุอื่นๆ อย่างเช่นเรื่อง เทปผี ซีดีเถื่อน หรือการดาวน์โหลดอะไร ซึ่งทำให้ธุรกิจอาจจะอ่อนตัวลง แล้วก็รายได้เขาเริ่มไม่ค่อยจะพอใช้ ก็มีหลายคนที่เราดูแล้วก็ เออ...ไม่ค่อยทำงาน ก็เลยให้ออก ก็มีเหตุผล บางคนที่เราเห็นอยู่ว่าเพิ่งทำงานเสร็จหมาดๆ ก็ลดเงินเดือน แล้วก็ให้ออก เราก็รู้สึกเจ็บปวดแทนเล็กน้อย มันเป็นความรู้สึกที่สะสมมา เป็นเรื่องธรรมดา”
       
       เผยแท้ที่จริงมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แต่รอเข้าไปพูดคุยกับบอสใหญ่แกรมมี่ แย้มที่ผ่านมาเคยคิดลาออกจากต้นสังกัดปีละ 12 ครั้ง
       
       “ตอนนี้เรากำลังคิดกันอยู่ว่ามันใช่หรือไม่ใช่ พูดไปมันก็เสียรูปคดีเปล่าๆ (หัวเราะ) เราก็มีคำตอบอยู่ในใจประมาณนึงแล้ว แต่เราก็ต้องเข้าไปพูดคุยกับพี่เขา ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตาม ก็ต้องเป็นแบบด้วยความคิดที่ดี ถามว่าเราเคยคิดจะลาออกไหม ปีนึงคิดลาออกประมาณสัก 12 หน (หัวเราะ) คือคนเราเวลาทำงานมันจะเป็นแบบนี้แหละ เวลาเราเครียดๆ เวลาที่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ เชื่อว่าทุกคนแหละ ที่อยู่ในบริษัททุกบริษัทก็จะคิดแบบนี้ คับที่อยู่ได้ แต่คับใจก็อยู่ได้บ้าง ส่วนเรื่องน้อยใจในการทำงานเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เชื่อไปถามทุกคนได้ แม้กระทั่งตัวพี่ใหญ่เองก็น้อยใจน้องๆ ทุกคนน้อยใจได้ตลอดเวลา เพราะนี่เป็นการทำงาน แล้วนอกจากนั้นมันเป็นการทำงานที่ค่อนข้างจะเป็นนามธรรมมาก เพราะมันเป็นศิลปะ เป็นอะไรหลายอย่าง เพราะฉะนั้นไอ้เรื่องน้อยใจ เรื่องมีอะไรไม่พอใจบ้างเป็นเรื่องปกติเลย ที่จะต้องมีแอบซุบซิบ เมาท์อะไรบ้าง”
       
       “เงื่อนไขสำคัญที่เราใช้ตัดสินใจว่าจะอยู่หรือไป คืออาชีพทำให้ตัวเองและครอบครัวอยู่รอดได้ไหม ซึ่งตอนนี้ต้องบอกตรงๆ ว่า มันค่อนข้างจะหนัก เนื่องจากมันมีรายได้ที่ลดลงไป เพราะธุรกิจมันลดลง ตัวเราเองก็รายได้ลดลง คนอื่นๆ ก็ลดลงด้วย เพราะมันมีปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกเรื่องการดาวน์โหลด หรือการฟังเพลงฟรีในยูทูปบ้าง ซึ่งเป็นโดนพายุทุกคน รายได้ก็เลยไม่ได้เหมือนอบต.หรือข้าราชการที่เงินเดือนขึ้น แต่อันนี้เงินเดือนลง กับอีกเรื่องคือ การได้ทำงานแบบนี้ใครๆ ก็อยากได้นะ ทำงานแบบที่ไม่ต้องมีคนตัดสินให้อีกทีหนึ่ง เช่น ไม่ต้องเอาไปเสนอใคร มันเป็นความฝันของคนทำงาน หมายความว่าก็คงอยากจะเป็นเจ้านายตัวเอง”
       
       ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์เพลงทั้งหมดที่เจ้าตัวเป็นคนแต่ง “ดี้” เผยว่าหากวันหนึ่งต้องเดินออกจากตึกแกรมมี่จริงๆ จะเหลือเพียงแต่ตัวเปล่าๆ
       
       “ถ้าไปผมก็ไปแต่ตัวเลย เอาเพลงไปทำอะไรไม่ได้ เพราะในสัญญาที่เซ็นไป คือเราเอาไปทำอะไรไม่ได้ ต้องบริษัททำได้ถึงเอามาแบ่งกัน แต่คิดว่าก็คุยๆ กันได้ เพราะในลักษณะของสัญญาแกรมมี่ จะเป็นแบบการดูแลลิขสิทธิ์ ถ้ามีธุรกิจค้าขายอะไรกับใครยังไง ก็นำมาแบ่งตามสัดส่วน”
       
       ต่อข้อซักถามที่ว่าเมื่อมีกระแสข่าวออกไป มีค่ายอื่นมาทาบทามให้ไปอยู่ด้วยหรือยัง? นักแต่งเพลงชื่อดังกล่าวว่า
       
       “คนเรามันมีจินตนาการ มันคิดได้ตั้งแต่วันแรกว่าจะทำยังไง ถ้าเป็นเรา เราจะทำยังไง มันจะมีโครงสร้างยังไงก็แล้วแต่ มันมีจินตนาการมาตั้งเป็นสิบๆ ปีแล้วล่ะ แต่ถามว่าถึงวันนี้มีใครมาทาบทามไหม แม้แต่โรงกลึงอะไรยังไม่เคยมีเลยครับ ก็เอาเป็นว่าถ้าผมออกจากห้องประชุมแล้ว ได้ข้อสรุปแล้ว ก็จะบอกกัน ตอนนี้ยังเป็นข่าวลืออยู่”
       
       ทั้งนี้ การออกมาเปิดเผยของนักแต่งเพลงคู่บุญของแกรมมี่ในครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลังจากที่ “เล็ก บุษบา ดาวเรือง” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เพิ่งจะออกมาชี้แจงถึงข่าวลือดังกล่าวโดยยืนยันว่า ดี้ นิติพงษ์ ยังคงอยู่กับแกรมมี่เพียงไม่กี่วัน
       
       ซึ่งนอกจากเรื่องของนักแต่งเพลงชื่อดังแล้ว ในครั้งนั้น ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ยังได้ชี้แจงถึงกรณีของค่ายมอร์มิวสิคที่มีข่าวว่าถูกยุบลงไป โดยบอกว่าค่ายมอร์มิวสิคได้ยุติบทบาทการทำงานมา 4-5 ปีแล้ว โดยที่ผู้บริหารของค่าย “ป้อม อัสนี” นั้นทางแกรมมี่ยังดูแลอยู่ในฐานะของศิลปินคนหนึ่ง
       
       รวมไปถึงในส่วนของกระแสข่าวของการสั่งปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่ทาง “เล็ก บุษบา” เผยว่าเป็นการปรับโครงสร้างองค์กรตามปกติเพื่อให้มีความคล่องตัว โดยธุรกิจไหนต้องลดจำนวนลงก็ต้องมีการปรับ เช่น กลุ่มโรงงานผลิตซีดี และหน่วยงานไหนมีแนวโน้มที่จะทำตลาดได้ก็จะรับพนักงานเข้ามา เช่น กลุ่มธุรกิจดิจิตอล ธุรกิจทีวี-วิทยุดาวเทียม ซึ่งจำนวนคนที่รับเข้ามานั้นมีมากกว่าอัตราส่วนของพนักงานที่ลดลงแน่นอน
       
       อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องของการปรับลดพนักงานนี้ ทีมข่าว Super บันเทิง ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวคนหนึ่งว่า ตลอดระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมาทางแกรมมี่ ได้มีการปรับลดคนเป็นจำนวนมาก อาทิ ในส่วนของ MGA ที่ปรับออกไปกว่า 400 คน, จีเอ็มเอ็มไลฟ์ จากทีมงาน 4-5 ทีมก็ปรับออกเหลือเพียงแค่ทีมเดียว ขณะที่ในส่วนที่รับเข้ามานั้นส่วนใหญ่เกือบจะทั้งหมดก็จะเป็นพนักงานฟรีแลนซ์เสียมากกว่า
       
       นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า ในส่วนของผู้บริหารระดับสูงเองหลายต่อหลายคนต่างก็ถูกให้ออกไป โดยที่บางส่วนก็ได้ไปตั้งบริษัทเล็กๆ เพื่อรับงานเอง
       
       อย่างไรก็ตามในขณะที่แกรมมี่กำลังอยู่ในช่วงระส่ำ ทางฟากค่ายเพลงคู่แข่งอย่างอาร์เอสกลับมีแต่เรื่องแฮปปี้ดี๊ด๊า เนื่องจากหุ้นของบริษัทกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้ “เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอาร์เอสฯ รีบกว้านช้อนซื้อหุ้นเพิ่มเกือบ 18 ล้านหุ้น เป็นเงินกว่า 40 ล้านบาท ทั้งที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่มีหุ้นอยู่ในมือ 120 ล้านหุ้นแล้วก็ตาม โดยว่ากันว่าหุ้นที่เฮียฮ้อซื้อเพิ่มจะเก็บไว้ปันผล ไม่มีเหตุผลอื่นใดแอบแฝงทั้งสิ้น


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)