“หนิง” เผยปฏิเสธค่าตัว 7 หลักถ่ายปฏิทิน แต่ลงทุนควักกระเป๋าถ่ายหวิวให้กับเครื่องสำอางของตัวเอง เพื่อเป็นของสมนาคุณลูกค้า รับ “เบียร์” ไม่ปลื้ม แต่เชิดใส่ไม่สนเพราะเป็นงาน เปรยความรักกระท่อนกระแท่น อยู่ในช่วงห่างเพื่อทดสอบหัวใจ ลั่นถ้าไม่ใช่ก็ต้องเลิก
หลังจากที่นางร้ายสาว “หนิง ปณิตา พัฒนาหิรัญ” ควักกระเป๋าทำธุรกิจนำเข้าเครื่องสำอางเกาหลีภายใต้แบรนด์ “ครีมน้ำแตก (Dr.jart)” ซึ่งนอกจากเจ้าตัวจะมุ่งมั่นกับการเป็นแม่ค้าแล้ว ล่าสุดยังยอมลงทุนถ่ายปฏิทินหวือ เพื่อเป็นของสมนาคุณให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าของตัวเองด้วย พอมีโอกาสได้เจอเจ้าตัวสอบถามเรื่องดังกล่าว หนิงก็แจงว่า
“รูปที่ถ่ายให้ผลิตภัณฑ์ตัวเองก็มีหลายเวอร์ชั่น ก็มีที่เป็นแบบเกาหลีด้วย แต่พอถ่ายออกมาแล้วฝ่ายการตลาดบอกว่ามันไม่ใช่หนิง เขาบอกว่าให้มันดูเป็นงาน สำหรับหนิงเป็นคนเลือกรูป เป็นคนดูการถ่าย เป็นคนจัดการเองทั้งหมด ถ้าสมมติว่าจะโดนติหรือโดนตำหนิก็น้อมรับด้วยดีค่ะ เพราะมันเป็นงานที่เราตั้งใจทำเอง แต่สำหรับหนิงว่าภาพที่จะนำเสนอ ถ้าเทียบกับแมกกาซีนหลายๆ เล่มที่วางตามแผงหนังสือ หนิงว่ามันไม่ได้แรง เพราะว่าโดยแบรนด์มันจะเป็นผู้หญิงที่มั่นใจ สมาร์ท ดูเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ ต้องเป็นผู้หญิงที่กล้า”
“และจริงๆ แล้วก็ไม่กลัวคนจะมองว่าขายเซ็กซี่แทนที่จะขายผลิตภัณฑ์ เพราะว่าถ้าคนจำเราได้ก็จะจำผลิตภัณฑ์เราได้ แล้วเราจะไม่ทำอะไรให้ดูโลว์หรือดูแย่ ซึ่งที่ผ่านมามีคนติดต่อให้หนิงถ่ายปฏิทินสองอัน เสนอค่าตัวแบบเจ็ดหลัก แทบจะปฏิเสธไม่ได้ แต่หนิงก็ปฏิเสธไปเลยที่จะไม่เอาค่าตัว แล้วยอมควักเงินทำของตัวเอง แปลว่าหนิงทำงานที่ตั้งใจ ที่อยากได้งานของหนิงจริงๆ”
“กลัวคนเมาท์ปฏิเสธเพื่ออัพค่าตัวหรือเปล่า อันนี้มันเมาท์ไม่ได้นะ เพราะว่าเราไม่เอาค่าตัว เรายอมควักเงินทำของตัวเอง และสุดท้ายแล้วมันก็จะเป็นของสมนาคุณ สิ้นปีหนิงต้องปิดงบทุกปลายปี ต้องขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชนทุกคนมากๆ แฟนคลับทุกๆ คนที่ทำให้หนิงหายใจได้อีกครั้งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบในช่วงนั้น ที่ทุกคนช่วยหนิง และสิ่งที่หนิงทำมันก็เป็นสิ่งที่หนิงอยากทำให้คนที่หนิงรัก”
เผยแม่เข้าใจที่ถ่ายหวิวโปรโมตธุรกิจตัวเอง ผิดกับหวานใจนอกวงการ เจ้าของธุรกิจหนังปลากรอบฮาจิมะอย่างหนุ่ม “เบียร์” ที่ไม่แฮปปี้ พร้อมรับช่วงนี้ความรักไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่
“ผลตอบรับจากคนรอบข้าง คุณแม่ไม่ได้ว่าอะไรเลย คุณแม่ดีมาก แต่กับพี่เบียร์ก็จะมีปัญหานิดหน่อยว่ามันดูเซ็กซี่ไปไหม เหมือนบางทีเขาอยู่นอกวงการ เขาอาจจะไม่รู้ว่าในวงการทำแบบนี้ แต่งานก็คืองาน หนิงเป็นนางร้าย หนิงก็วางให้เป็นแบบนี้มันก็เป็นแบบนี้ และคนรอบข้างหนิงก็เข้าใจค่ะ มันแค่เป็นการพูดจาที่ไม่เข้าใจกันนิดหน่อย แต่สุดท้ายแล้วเรื่องงานหนิงก็คงต้องเลือกและต้องตัดสินใจ ถ้าอะไรมันทำให้งานของหนิงเดินได้ก็จะทำ เพราะหนิงก็มีครอบครัวที่ต้องดูแล”
“ตอนนี้เหมือนความรักกระท่อนกระแท่น หนิงก็จะทำวันนี้ให้ดีที่สุด สุดท้ายแล้วมันไม่ใช่ หนิงก็จะน้อมรับมันเหมือนรักครั้งเก่า หนิงทำทุกอย่างจริงๆ และฮึดจริงๆ แบบที่ว่าร้องไห้กี่รอบแล้วก็ไม่รู้ แต่ที่ทำไปเพราะมันมีความรัก เพราะถ้ามันมีความรักอยู่เราก็จะมีความพยายามอยู่ แต่ถ้าไม่มีความรักแล้วมันก็จะจบไป แต่หนิงไม่ค่อยสมหวังเรื่องพวกนี้ จะผิดหวังกับเรื่องพวกนี้ตลอด เราก็เอาความรักครั้งเก่ามาระวังกับความรักครั้งใหม่ทุกวิถีทางแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ผล คนเราคบกันแต่ละคนมันก็ไม่เหมือนกัน”
“ก็ยอมรับนะคะว่าเหนื่อยเหมือนกันเวลาที่จะพูดเรื่องความรัก เพราะเราก็อยากมีชีวิตความรักเหมือนชาวบ้านเขานะ อยากมีมุมสวีตบ้างเวลาเราเหนื่อยๆ แต่ว่าด้วยการทำงาน หรือทางที่บางทีเขาก็อยู่นอกวงการ หนิงอยู่ในวงการก็ถือว่าพยายามอยู่ค่ะ เหมือนว่าตอนนี้ทิ้งระยะห่างช่วงหนึ่ง แล้วกลับมาคิดว่าเรายังต้องการกันอยู่ไหม ถ้าไม่ต้องการก็ไม่ต้องพยายาม เขาก็พยายามเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเราจะอดทนกันไปได้ถึงฝั่งไหม คบกันมาสองปีมันน้อยมาก เพราะแปดปีเรายังเลิกกันเลย”
ที่มา: manager.co.th
