Author Topic: “เกมวัดดวง-เนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร” หลุดผังปี 54 “ช่อง5” ยันโปร่งใสไร้รับสินบน โต้แบนเพศที่3 อ  (Read 3579 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


"พลโท ฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ” ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก

ช่อง 5 เปิดผังใหม่ปี 54 เน้นบันเทิง 30% สาระความรู้-ข่าว 70% เป็นทีวีสาธารณะเพื่อความมั่นคง “เกมวัดดวง” และซิทคอม “เนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร” หลุดผังแบบมีข้อกังขา “ผอ.ช่อง 5” ยันไม่มีการรับสินบน ฝันทำช่อง 5 เป็นทีวีในอุดมคติ พร้อมปัดแบนเพศที่ 3 ออกจอ
       
       เปิดโผผังใหม่ประจำปี 54 ให้ได้เห็นกันแล้ว สำหรับสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ที่ได้จัดงาน “รวมใจเดียวกันมุ่งมั่นไปกับททบ.5 ปี 54” ขึ้นเมื่อวันก่อน โดยนอกจากจะนำเสนอผังใหม่ในปี 54 และทิศทางการดำเนินงานของสถานีแล้ว และเนื่องในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางสถานีจึงได้เพิ่มช่วงเวลาพิเศษ เพื่อเสนอเรื่องราวโครงการพระราชดำริ กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ พระราชจริยวัตร และความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพสกนิกรชาวไทย ที่มีต่อพระองค์ท่านตามนโยบายบริการสังคมเพื่อความมั่นคง โดยมั่นใจว่าในปี2554 สถานีจะคงความนิยมผู้ชมเพิ่มมากขึ้นเป็นอันดับที่ 3
       
       ในส่วนของการปรับเปลี่ยนผังรายการ รายการเก่าที่ต้องหลุดผังไปอย่างน่าเสียดาย มี “เกมวัดดวง” ที่อยู่คู่สถานีมาเป็นเวลานาน รวมทั้งซิทคอม “เนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร” ที่เพิ่งออกจอช่อง 5 ได้เพียงปีเดียว และมีอีกหลายรายการที่มีการขยับปรับเปลี่ยนเวลา เช่นรายการ “ตลก 6 ฉาก” ที่ย้ายมาออกอากาศในวันเสาร์ เวลา 12.50น.จากเวลาเดิมวันศุกร์ เวลา 23.00น. และรายการ “ระเบิดเถิดเทิง” ที่เปลี่ยนชื่อมาเป็น “ระเบิดเถิดเทิงลั่นทุ่ง” พร้อมเปลี่ยนเวลาจากเดิม 14.00-15.30น. เป็น 13.55-14.45น. ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว “พลโท ฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ” ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงทิศทางการทำงานของทางสถานีในปี2554ว่า...
       
       “ผลประกอบการที่ผ่านมาของเราก็เข้าเป้าเป็นไปตามที่ต้องการ พอใจครับ ผมเข้ามาดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันนี้ยังอยู่ในผังเดิม ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนผังใหม่ แต่จะเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ 1 ม.ค.54 ซึ่งทุกอย่างที่ผมทำก็ทำโดยคณะกรรมการ อย่างที่เรียนไปว่าเราก็เอาหลักเกณฑ์หลักๆ ว่า เราเป็นทีวีสาธารณะควรจะมีผังยังไง สัดส่วนก็เป็นบันเทิง 30 เปอร์เซ็นต์ อีก70 เปอร์เซ็นต์เป็นสาระความรู้รวมทั้งข่าวด้วย ซึ่งทั้งหมดของกรอบก็เป็นไปตามอสมท.กำหนดให้ ในลักษณะทีวีที่เป็นแบบนี้ เรียกว่าทีวีสาธารณะเพื่อความมั่นคงครับ”
       
       “สาระความรู้ ความบันเทิงไม่ได้น้อยลงไปเลย เดี๋ยวนี้สาระเราสอดแทรกความสนุกสนานด้วย แม้กระทั่งดูข่าวเราก็สามารถสนุกได้ ในส่วนของความบันเทิงของเราไม่ใช่ว่าจะมีน้ำอย่างเดียว อย่าไปพูดอย่างนั้นเพราะเดี๋ยวมันก็จะมีน้ำเน่า เราเพียงแต่เลือกละครที่สร้างประโยชน์ให้กับประชาชน ได้ทั้งความสนุก ได้ทั้งเนื้อหาสาระที่ดี ได้ประโยชน์ในการชมด้วย ละครเราก็ไม่ได้ไปเข้มงวดอะไรครับ เพราะละครเราเรตติ้งดีมากเลยครับ ละครตอนนี้มีคนให้ความสนใจเยอะมาก ยิ่งต่างประเทศตอนนี้อย่างเมืองจีน ท่านนายกฯไปมาทราบเลยว่าละครไทยช่อง 5 ชนะเกาหลีที่จีน เรตติ้งดีมาก เป็นความภาคภูมิใจไม่ใช่แค่กับช่อง5 แต่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยด้วย ที่เราไปทำชื่อเสียงถึงต่างแดน”
       
       ยืนยันผังใหม่โปร่งใสไม่เคยรับสินบน ฝันเป็นสถานีสาธารณะในอุดมคติอย่างแท้จริง
       
       “เรื่องรับสินบนไม่มีครับ เป็นแค่ข่าวลือ ผมว่าเขาตีปลาหน้าไซ รู้สึกว่าก่อนผังออกก็จะมีการพูดอย่างนั้นอย่างนี้ พอผังออกแล้วคงจบครับไม่มีอะไร ผมไม่รู้สึกเป็นกังวลเลย ผมว่าปีนี้เงียบที่สุดด้วยซ้ำไป และผมรู้สึกสบายใจที่มีคนมาถามนะ เพราะจะได้อธิบายและยืนยันครับว่า เราทำงานอย่างโปร่งใสที่สุด แล้วผมก็แทบจะเห็นเรื่องอย่างนี้มาตลอดหลายๆ ปีที่ผ่านมา ไม่เฉพาะเจาจงที่ช่องใด พอเปลี่ยนผังทีก็จะมีการพูดกันแบบนี้ แต่ ณ วันนี้เปลี่ยนผังแล้วผมรู้สึกสบายใจ ผมไม่กังวลเพราะมันเป็นแค่ข่าวลือ”
       
       “ผมมีความตั้งใจทำให้ทีวีช่อง 5 ของเรา เป็นทีวีที่อยู่ในอุดมคติจริงๆ เป็นทีวีสาธารณะเพื่อความมั่นคง นี่คือเป้าหมายหลัก ที่ต้องเอาจริงเข้มงวดขึ้น เพราะผมจะทำให้ทีวีเราสร้างประโยชน์ นำคุณค่าสู่สังคมไทย ผมคิดว่าไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกครับ แต่ทุกคนก็คงจะทำแบบผม ผมไม่ปล่อยผ่านหรอก เพราะจะทำให้สถานีของบ้านเราดีขึ้น”
       
       “อย่างในเรื่องของการเซ็นเซอร์ที่มีการโมเสกภาพที่มันวาบหวิว ที่หลายๆ คนมองว่าค่อนข้างจะโบราณ ต้องเรียนอย่างนี้ครับว่าทุกอย่างมันมี 2 ด้านหมดเลย คนชมก็เยอะ แต่บางคนที่หัวสมัยใหม่ก็อาจจะเห็นว่าอย่างนี้มันเชยไป แต่อย่างว่ามันก็มี 2 ด้านเสมอ แล้วบ้านของผมเป็นบ้านที่ออกกึ่งๆราชการ บ้านผมอยู่กับความมั่นคง เป็นทีวีที่ไม่ได้ทำเพื่อการตลาดเสียเท่าไหร่ ความจริงเรื่องของการตักเตือนผู้จัด เราก็เรียกเข้ามาคุยอยู่แล้ว แต่ด้วยความรวดเร็วในการรับชมของคนดู ก็เลยต้องทำเช่นนั้น”
       
       ยันไม่เคยคิดแบนเพศที่ 3 ออกจอช่อง 5 แค่ต้องนำเสนอให้เหมาะสมและถูกกาลเทศะ เข้ากับเจตนารมณ์ของสถานี
       
       “เรื่องแบนเพศที่3ไม่จริงเลย เรื่องนี้มีความเข้าใจกันคลาดเคลื่อนเยอะเลย ผมไม่เคยว่าและไม่เคยกีดกั้นเพศที่3 ผมว่าเพศที่3 หลายคนเก่งมากนะ คนเราวัดกันที่ความรู้ความสามารถ ไม่ได้วัดกันที่เรื่องแบบนั้น เพียงแต่ว่าคนที่จะเป็นเพศไหนก็ตาม ถ้ามาออกรายการทางช่อง 5 ก็ควรจะอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ผมไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นใดเลย นอกจากความเป็นทีวีสาธารณะเพื่อความมั่นคง เราจึงเน้นเรื่องของกาลเทศะและความเหมาะสมเป็นสำคัญ”
       
       “สังคมไทยทุกวันนี้เราก็อยากเห็นพวกหนูๆ เชื่อได้ครับว่าหนูๆสมัยนี้มีความคิดแปลกแตกต่างไป จากเด็กๆ หลายคนพูดกันว่าประเทศชาติเรากำลังถูกกลืนกินไป ตอนนี้เราก็เลยเริ่มที่จะหันมามองกันว่า ทำไมเราถึงไม่เริ่มที่จะรักษาวัฒนธรรมที่ดีของเรามาก่อน ผลตอบรับที่ได้รับกลับมาจากที่เราได้เข้มงวดก็ถือว่าเป็นที่พอใจมาก หลายคนก็ชมว่ามันน่าจะมีอย่างนี้เกิดขึ้นกับทีวีบ้านเราบ้าง หลายคนอาจจะมองว่าช่องเราค่อนข้างที่จะล้าสมัย ตรงนี้ต้องเรียนตามตรงผมว่าวัฒนธรรมและความทันสมัย มันต้องแยกออกจากกัน ความทันสมัยทุกคนต้องมีเพราะเราต้องพัฒนาต่อไป แต่เรื่องของวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่เราควรจะต้องรักษาไว้”
       
       ลั่นยังคงเข้มงวดเรื่องโฆษณาแฝงในรายการ แม้จะลดลงเป็นที่น่าพอใจแล้ว
       
       “เรื่องโฆษณาแฝงเราพยายามมาตลอดอยู่แล้ว ตรงนี้มีคณะกรรมการ มีเจ้าหน้าที่คอยดูอยู่ แล้วเราเองก็ถูกตรวจสอบจากคณะกรรมการของทางบอร์ดอีกที อย่างที่ถูกพูดถึงว่าค่ายเอ็กแซ็กท์เราปล่อยผ่านมาก จริงๆ แล้วไม่หรอกครับ เรามีเจ้าหน้าที่ของเราที่เรียกว่าฝ่ายตรวจรายการดูแลอยู่ แล้วก็มีผู้กำกับฝ่ายตรวจอีกชั้นนึง รวมไปถึงผม ซึ่งผมเองก็ถูกกำกับโดยบอร์ดอีกทีเหมือนกัน มันก็มีขั้นตอนเหมือนกันหมดแหละครับ ไม่มีใครได้มากกว่าใคร สมัยผมคงไม่มีใครได้ทำอย่างนั้น”
       
       เผยในส่วนของรายการข่าว ไม่คิดเร่งแข่งขันกับสถานีใด เน้นสร้างพันธมิตรเพื่อผนึกกำลังสร้างรายการที่มีสาระประโยชน์ เพื่อประสานรอยร้าวความแตกแยกในสังคมไทย
       
       “ข่าวเราก็มีการปรับเพิ่มเวลานะครับ เราก็พัฒนาอยู่เรื่อยๆ ส่วนเรื่องการแข่งขันนั้นผมไม่คิดที่จะแข่งกับใคร แล้วมันก็เป็นอุดมการณ์ที่แน่วแน่ของผมเลย ผมจะทำของผมให้ดีที่สุด เวลานี้ผมก็ได้สร้างพันธมิตรในทุกช่อง เชิญท่านผู้อำนวยการทุกช่องมาทานข้าวด้วยกัน แล้วก็ช่วยกันทำงาน เรามีอาชีพเหมือนกัน ก็คือเราเป็นสื่อโทรทัศน์ เราก็พยายามทำสื่อโทรทัศน์ของเราให้มันมีคุณค่า เราต้องช่วยกันทุกช่อง เวลานี้บ้านเมืองเรากำลังมีปัญหาในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องของความแตกแยกของคนในชาติ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย”
       
       “ผมอายุ 50 จะ 60 ปีแล้ว รับราชการมาก็ตั้ง 30 กว่าปี ผมไม่เคยเห็นเวลาใดของบ้านเมืองที่เกิดความแตกแยกเท่ากับเวลานี้เลย เราเองก็ได้เตรียมรายการต่างๆ ในสมองรองรับตรงจุดนี้ ซึ่งมันอยู่ในแนวทางของผมอยู่แล้วครับ ที่จะสรรหาเลือกรายการที่มันเป็นประโยชน์ และสร้างสังคมที่ดีขึ้น”





ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)