Author Topic: “แอ๊ด คาราบาว” รูดซิปปาก “เนวิน” เทกโอเวอร์วง เลิกยุ่งการเมืองแขวะเป็นเรื่องสกปรก  (Read 1037 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“แอ๊ด คาราบาว” งดตอบ “ เนวิน” แกนนำพรรคภูมิใจไทย เทกโอเวอร์วง “คาราบาว” บอกเลิกแต่งเพลงเสียดสีการเมืองมานาน เพราะการเมืองเป็นเรื่องสกปรก เลยไม่อยากเอาเพลงตนไปเกลือกกลั้ว ทั้งแฟนเพลงแยกแยะได้เองแล้ว เผยตั้งมูลนิธิคาราบาวหารายได้ช่วยศิลปินที่ต้องการความช่วยเหลือ และให้โอกาสเด็กที่มีความฝันเรื่องดนตรี
       
       หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า “นายเนวิน ชิดชอบ” แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้เข้าซื้อกิจการและกิจกรรมทั้งหมดของ “คาราบาว” วงดนตรีเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง ซึ่งมี “แอ๊ด คาราบาว”หรือ “ยืนยง โอภากุล” เป็นหัวหน้าวงและนักร้องนำ ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินธุรกิจด้านบันเทิง และใช้สำหรับรณรงค์กิจกรรมทางการเมืองในปี 2554 และจากกรณีดังกล่าวทำให้กลายเป็นข่าวครึกโครมทั้งในแวดวงการเมือง รวมไปถึงวงการบันเทิง ทั้งนี้เมื่อมีโอกาสเจอ “แอ๊ด คาราบาว” ในงานคอนเสิร์ตการกุศล “ดนตรีสร้างคุณค่าชีวิต” ณ โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง รามอินทรา จึงได้สอบถามถึงประเด็นดังกล่าว แต่เจ้าตัวขอหุบปากไม่ตอบ และเลี่ยงไปพูดถึงเรื่องงานของวงคาราบาวแทนว่า เลิกทำเพลงเกี่ยวกับการเมืองมานานแล้ว เพราะการเมืองเป็นเรื่องสกปรก
       
       “สำหรับปีหน้าคาราบาวจะเป็นปีที่ครบรอบ 30 ปีของวง เราจะทำเรื่องที่ตั้งใจ 30 ปีที่ผ่านมาเราได้ทำอะไรไปบ้าง และเราอยากจะเห็นอนาคตของประเทศไปอย่างไร เราต้องฝากคนรุ่นใหม่ เนื้อหาเพลงที่จะแต่งขึ้นมา ก็จะมีส่วนช่วยเหลือทางสังคมมากขึ้นด้วย สิ่งแวดล้อมก็คงยังไม่ทิ้ง แต่ว่าเรื่องการเมืองก็คงจะพอแล้ว ที่ผ่านมาการเมืองวันนี้ทุกคนรู้แล้ว ใครดีใครชั่ว ใครผิดใครถูกก็ไปว่ากันเอง เราไม่อยากให้เพลงเรามันสกปรก (หัวเราะ) เราหยุดทำเพลงแนวนี้มานานแล้ว ตอนนี้การเมืองมันเป็นเรื่องสกปรก”
       
       “แต่เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับอุดมการณ์นะ อุดมการณ์เรามีมาตลอด แต่เราคิดว่ามันไม่ใช่เฉพาะการเมืองอย่างเดียว ที่เราทำได้ให้กับสังคม ในภาวะที่การเมืองอึมครึม เราอย่าไปแตะต้องกันดีกว่า ให้คนได้เรียนรู้บทเรียนด้วยตัวเองดีกว่า 4-5 ปีที่ผ่านมาเราไม่เคยเปลี่ยนแนวเพลง แฟนเพลงก็เข้าใจ ตั้งแต่ตัวเราเองไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เราก็ไม่ได้เขียนเพลงแบบนี้อยู่แล้ว เราว่าคนเข้าใจแล้ว เหมือนกับว่าเราสอนเขาจนจบ ม.6 เขาควรไปหามหาวิทยาลัยเรียนต่อ ไปฉลาดต่อไป ค้นคิดเอาเองไม่ใช่เรามานั่งสอนเขา”
       
       “ส่วนอนาคตของคาราบาว ผมบอกได้เลยว่าไปได้อีกไกล อีก 30 ปี (หัวเราะ) คงต้องไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรที่ดีที่สุดเท่ากับความหวัง ของสิ่งที่สวรรค์ประทานให้กับมนุษย์ ที่สุดยอดที่สุดก็คือความหวัง เมื่อเรามีความหวัง เราก็ไม่ท้อแท้ แต่คนที่สิ้นหวังมันก็จะท้อแท้ คนที่เจ็บไข้ได้ป่วยหรือเป็นมะเร็ง ก็มีหวังว่าจะรอด ซึ่งมันก็มีโอกาสรอด ซึ่งผมเองและเพื่อนๆ คาราบาว ต้องขอบคุณแฟนๆ ที่อุ้มชูเรามาถึง 30 ปี เราเหมือนเป็นต้นโพธิ์ต้นไทรใหญ่ สามารถที่จะให้ผลของมันกับสังคม แต่ทั้งหลายทั้งปวงไม่ได้มาจากเรา มันมาจากแรงศรัทธาของแฟนเพลงคาราบาวครับ”
       
       เผยมูลนิธิคาราบาวได้ก่อตั้งและช่วยเหลือสังคมมานาน 13 ปีแล้ว แต่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเพื่อจัดกิจกรรมและประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไปมาบริจาคเงินช่วยศิลปินที่กำลังเจ็บป่วย รวมถึงให้โอกาสเด็กที่มีความฝันในเรื่องดนตรี
       
       “คอนเสิร์ตในครั้งนี้ก็จะมีน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่เราชาวคาราบาวชวนให้หันมาเล่นดนตรีกันเยอะๆ คาราบาวที่มีวันนี้ได้เพราะเรารักดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ จนกลายเป็นอาชีพ เราก็อยากย้อนกลับไปในอดีต มาสอนเด็กๆ อย่างน้อยก็ทำให้พ่อแม่เขาภูมิใจ ที่ลูกหลานได้มีโอกาสมีอนาคตเหมือนที่เราเคยเป็นมาก่อน อนาคตต่อไปเราก็อาจจะให้เขามีคอนแท็คกับบริษัทที่สนใจ ซึ่งอันนี้ก็จะเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาแล้ว เราจะไม่เข้าไปเกี่ยว เราอยากจะเทรนอยากจะฝึกพวกเขาเท่านั้น”
       
       “วันนี้ที่เราจัดงานก็เพื่ออยากบอกกับสังคมว่า วงคาราบาวมีมูลนิธิคาราบาวมา 13 ปี แต่ 13 ปีที่ผ่านมาเราอาจจะไม่ค่อยชัดเจน ไม่เป็นรูปเป็นร่าง แต่ตอนนี้มันอยู่ช่วงเวลาที่เหมาะสม เราครบ 30 ปี ก็เลยจะประกาศให้สังคมรับรู้ว่า มูลนิธิของเราต่อไปนี้จะทำกิจกรรมทางสังคมให้ชัดเจนมากขึ้น เราจะทำเพื่อคนรุ่นเก่าด้วย อย่างเช่นนักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรี ที่ทุกวันนี้มีชีวิตลำบากจากโรคภัยไข้เจ็บ ขาดคนดูแล มูลนิธิของเราก็จะเข้าไปช่วย อย่างวันนี้ก็เชิญตัวอย่างมา 10 ท่าน อย่าง ชาย เมืองสิงห์, ศรชัย เมฆวิเชียร, ดอน สอนระเบียบ เพื่อจะรับมอบเงินจากมูลนิธิของเรา อีกอย่างเรื่องของเด็ก เราอยากให้เด็กไทยหันมาสนใจเรื่องดนตรี โดยเฉพาะดนตรีที่มีเนื้อหาสาระที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัว”


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)