“แดน” หุบปากอดีตแฟนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา บอกเรื่องถึงศาลแล้วหวั่นเสียรูปคดี ลั่นไม่มีเคลียร์อีกฝ่ายนอกรอบ ให้คุยกันที่ศาลอย่างเดียว เผยแผลถูกโซดาไฟสาดดีขึ้นไม่ต้องศัลยกรรม เล็งหาที่อยู่ใหม่เพื่อความสบายใจ ลั่นต่อไปมีใครจะให้พ่อแม่ช่วยสกรีนด้วย
เกี่ยวกับกรณีที่ดาราหนุ่ม “แดน ดนัย สมุทรโคจร” ถูกอดีตแฟนสาว “ก้อย แพรวพันธุ์ สมพงษ์มิตร” บุกเอาโซดาไฟสาดถึงบ้านจนได้รับบาดเจ็บ เพราะความหึงหวงเห็นภาพบาดตาที่ฝ่ายชายอยู่ในห้องนอนกับเพื่อนสาวชาวอเมริกัน จากนั้นดาราหนุ่มได้วิ่งโร่เข้าแจ้งความใน 3 ข้อหา ทั้งทำร้ายร่างกาย บุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ และเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา แฟนเก่าของ “แดน” ได้เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สน.โคกครามแล้ว โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามความรู้สึกของดาราหนุ่มในเรื่องนี้ เจ้าตัวปิดปากเงียบ บอกพูดอะไรมากไม่ได้เพราะเกรงจะเสียรูปคดี แต่เรื่องได้ดำเนินการไปถึงขั้นศาลแล้ว
“ผมทราบเรื่องที่ก้อยไปให้ปากคำที่สน.โคกครามแล้ว และก็ทราบว่าเขาปฏิเสธทุกข้อหา เท่าที่แดนพูดได้คือ มันไม่ได้เหมือนกับหลักฐานที่ตำรวจมี และสิ่งที่แดนพูดมามันก็ตรงข้ามกัน ทางตำรวจเลยส่งเรื่องไปที่ศาล ผมพูดได้แค่นั้น เพราะพูดตรงๆ ตอนนี้เรื่องไม่ได้อยู่ในอำนาจแดนแล้ว มันไปถึงศาลถึงตำรวจแล้ว ซึ่งทนายบอกผมว่าไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เพราะเดี๋ยวจะมีปัญหาทำให้เสียรูปคดี ทุกอย่างตอนนี้อยู่ที่ทนายที่ผมรู้จัก เขาก็จะดำเนินการทุกอย่างให้ ผมพูดได้แค่นี้”
“สภาพจิตใจผมตอนนี้ก็ดีขึ้น สบายใจขึ้น เพราะทุกอย่างไปที่ศาลแล้ว แต่ก็พูดตามตรงก็ยังระแวงอยู่ ก็ดูแลตัวเองตลอดเวลา เป็นห่วงตัวเองตลอดเวลา ถามว่าทางนั้นได้มีติดต่อมาเคลียร์นอกรอบไหม ไม่มีครับ และก็ไม่ว่าผมอยากจะยุติคดี ตอนนี้ก็ทำไม่ได้แล้ว เพราะเรื่องไปถึงศาลแล้ว ก็ไปคุยที่ศาลละกัน เท่าที่ผมเข้าใจนะน่าจะมีการขึ้นศาลประมาณต้นปีหน้า แต่ขึ้นศาลที่ไหนไม่ทราบ ต้องคุยกับทนายก่อน ถามว่าผมอยากให้เรื่องนี้จบอย่างไร แดนคิดว่าตอนนี้ให้ศาลตัดสินทุกอย่างดีกว่า ดีที่สุดเลย แดนว่าการที่เราจะมาพูดคุยกันตอนนี้ มันไม่ได้อะไรแล้วต้องให้ศาลตัดสิน ผมไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านั้นจริงๆ”
ถามถึงเพื่อนสาวชาวอเมริกัน ที่โดนสาดโซดาไฟจนเป็นแผลพุพองเช่นกัน จะเอาเรื่องอีกฝ่ายหรือไม่ แดนตอบปฏิเสธ แค่มาเป็นพยานให้ตนและบ่นทำไมการดำเนินการต่างๆ ถึงทำช้ากว่าที่อเมริกา
“เพื่อนผมไม่ได้เอาเรื่องอะไรครับ เขาแค่มาเป็นพยานให้ผม เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง ซึ่งตอนนี้เพื่อนผมก็ขึ้นศาลแล้ว เป็นพยานเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างต้องดำเนินไป เพราะเขาต้องรีบกลับไปอเมริกาไปทำงานต่อ เขาก็งงว่าทำไมทุกอย่างมันดำเนินการช้าจังเลย เพราะถ้าเป็นอเมริกาทุกอย่างน่าจะดำเนินการได้เร็วกว่านี้อีก แดนก็บอกว่านี่มันคือคนละประเทศกัน มันก็บอกลำบากที่เอาประเทศโน้นมาเทียบประเทศนี้”
“เขาก็ค่อนข้างที่จะไม่พอใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น เพราะเขาคิดว่าเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย แต่เขามาโดนแบบนี้ ก็รู้สึกว่ามันลำบากใจเขาเหมือนกัน หลังเกิดเรื่องเขาก็พูดประมาณว่า เขามาประเทศไทยไม่กี่ครั้งก็เจอแบบนี้ เขาก็ค่อนข้างกลัวเหมือนกัน ถามว่าต่อไปเขาจะกล้ากลับมาเที่ยวเมืองไทยอีกไหม ผมว่าเขาไม่น่าจะกล้ามาแล้ว ผมเดาเอานะครับว่าเป็นยังไง เพราะถ้าผมไปอเมริกาแล้วเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมก็ไม่กล้ากลับไปเหมือนกัน”
“ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ก็อย่างที่บอกไปว่าเป็นเพื่อนกัน เวลาแดนไปต่างประเทศก็จะไปอยู่บ้านเพื่อน แต่สำหรับคนไทยอาจจะคิดว่ามันเป็นประเพณีที่แปลก แต่สำหรับแดนไปอยู่ต่างประเทศมา อย่างเช่นเวลาเราไปเล่นกีฬาต่างประเทศไปกับโรงเรียน เราก็ไปพักบ้านคนอื่น ซึ่งแดนก็คิดว่าปกติ เพราะต่างคนต่างไม่ใช่เด็กแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว ซึ่งคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้เป็นเรื่องปกติ”
เผยโชคดีที่บาดแผลถูกโซดาไฟสาดดีขึ้นเอง ไม่ต้องทำศัลยกรรม พร้อมรับครอบครัวเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ลั่นต่อไปถ้ามีใครใหม่จะให้ที่บ้านช่วยสกรีน
“ผมถือว่าโชคดีมาก ผมมีหมอที่มาพบก็คือ หมอศัลยกรรมที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เขาก็บอกว่าแผลน่ากลัวนิดนึง เขาเรียก second will be burn ไหม้ระดับสอง ก็คือตรงมุมปากและแก้ม คือตรงแก้มด้านขวาผมค่อนข้างจะสาหัสเหมือนกันตอนนั้น แต่คุณหมอบอกว่าต้องดูเวลาหายแล้วแผลจะนูนไหม ถ้าเกิดนูนก็ต้องศัลยกรรม อาจจะต้องฉีดเลเซอร์ให้มันยุบ แต่หลังจากที่ไปหาเขาประมาณเกือบ 2 อาทิตย์ไปดูใหม่ เขาก็ตกใจเหมือนกันบอกว่า ท่าทางแผลจะหายดีมาก ไม่น่าจะทำอะไร ถ้าเกิดทิ้งไว้ก็น่าจะดีเองครับ ถือว่าโชคดีมาก ส่วนมือดีขึ้นแล้วหายแล้ว เพราะหนังมือมันจะดีกว่าหนังอย่างอื่น ก็หายค่อนข้างไว ตรงมุมปากยังต้องทายาที่คุณหมอให้มาอยู่ ก็เป็นยาสำหรับคนที่ถูกไฟไหม้”
“กับเรื่องที่เกิดขึ้นครอบครัวผมว่ายังไงบ้าง ผมคิดว่าทุกคนนะครับที่มีลูกชายแล้วเจอเหตุการณ์แบบนี้ พ่อแม่ทุกคนก็คงจะเครียดเหมือนที่พ่อแม่แดนเครียด แต่พอรู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างดำเนินไปถึงศาลแล้ว เขาก็สบายใจไปอีกระดับนึง เพราะมีอำนาจที่ใหญ่กว่าเราควบคุมทุกอย่างอยู่ และต่อไปถ้าแดนจะมีใคร ก็จะเอามาให้พ่อแม่ช่วยดูมากขึ้น เพราะแดนคิดว่าถ้าเอาใครเข้ามาในชีวิตนี้ต้องดูให้ดีกว่านี้อีก อาจจะต้องให้คุณพ่อคุณแม่สกรีนดีกว่า เหมือนกับหาคนอื่นที่มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่ามาช่วยดู”
เล็งหาที่อยู่ใหม่เพื่อความสบายใจ ยันยังอยู่ในเมืองไทยไม่ย้ายหนีไปต่างประเทศ เพราะชอบคนไทยที่ใจดีกว่าคนชาติอื่น
“ผมกำลังมองหาที่อยู่ใหม่ เพราะรู้สึกยังไม่มีความสบายใจอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับต้องมีบอดี้การ์ดมาอยู่ด้วยนะ แต่เวลาอยู่บ้านผมไม่กล้าอยู่คนเดียว ต้องมีคนอื่นอยู่ด้วยตลอดเวลา ผมไม่ได้ถืออะไร แต่รู้สึกมันเกี่ยวกับเรื่องโชค ผมรู้สึกไม่ดีที่อยู่บ้านที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ก็มีหลายๆ คนพูดมาดีไหมถ้าจะขายบ้าน พูดตรงๆ ก่อนที่จะเลือกบ้านหลังนี้ก็ใช้เวลานาน รู้สึกว่ามันเพอร์เฟ็คสำหรับแดนเลย แต่ก็ลำบากใจเหมือนกัน อาจจะต้องย้ายเพื่อความสบายใจของตัวเอง ผมอยากลืมภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”
“ทางครอบครัวก็เห็นด้วยอย่างแรงเลยว่า ควรจะหาที่อยู่ใหม่ แต่ก่อนที่จะเล็งบ้านใหม่ก็ต้องขายบ้านนี้ให้ได้ก่อน ก็อาจจะค่อยๆ ดูว่าความปลอดภัยของบ้านใหม่เป็นยังไง หลังจากคดีใกล้จบแล้ว แดนว่าสำคัญมากเลยคือความปลอดภัย แต่แดนก็เข้าใจว่า คนเราถ้าหากมีความพยายามที่จะทำอะไร มันก็มีวิธีอยู่แล้วไม่ว่าเราจะปลอดภัยยังไง ซึ่งถ้าเกิดมีความพยายามที่จะต้องทำอันนี้ให้ได้ มันก็ทำได้ ไม่ว่ามันจะง่ายหรือลำบาก เราต้องระวังไว้อย่างมากเลย”
“ถามว่ามีแนวโน้มจะไปอยู่เมืองนอกไหม คงไม่ครับ เพราะแดนชอบประเทศไทยมาก แดนชอบคนไทย คือรวมๆ แล้วแดนอยู่มาทั้งหมด 7 ประเทศ แล้วก็ไม่ต้องถามเลยว่าผมอยากอยู่ประเทศไหน ก็คือประเทศไทย ไม่ต้องใช้มากกว่าหนึ่งวินาทีคิดเลย โอเคประเทศไทยอาจจะรถติด อาจจะร้อน อาจจะมีมลพิษ แต่สิ่งที่ประเทศไทยมีที่ประเทศอื่นไม่มีก็คือ คนไทยมีความใจดีมากกว่าฝรั่ง มากกว่าคนออสเตรเลีย มากกว่าคนญี่ปุ่น มากกว่าคนปากีสถาน มากกว่าคนเนปาล มากกว่าคนคูเวต คนไทยมีความใจดีเยอะที่สุดเลย แดนไม่อยากไปไหนไกลจากคนไทยแล้ว เพราะว่าแดนไปไกลมาตลอดชีวิตแล้ว ผมอยากอยู่กับคนไทยเยอะๆ ช่วงนี้ครับ”
ที่มา: manager.co.th