“กฤษณ์” ยันไม่ปอกลอก โชว์สัญญายืมเงิน “มาช่า” 5 ล้าน ปัดมั่วหญิง เรียกร้องอดีตแฟนแจงใน 7 วันทำเสียหาย “กฤษณ์” โชว์หลักฐานยืมเงิน “มาช่า” แค่ 5 ล้าน ยันคืนแน่ ปัดเอาโฉนดที่ดิน 20 ล้านไป บอกอยู่ที่นักร้องสาวเอง ปัดมั่วหญิงและไม่คิดแฉอีกฝ่ายกลับ ขู่สื่อตั้งทนายฟ้องถ้าลงข่าวทำให้เสียหาย พร้อมเรียกร้อง “มาช่า” ให้ออกมาชี้แจงถึงข่าวต่างๆ ที่ทำให้ตนเสียหายภายใน 7 วัน
หลังจากสวมคอนเวิร์สทางใครทางมัน และถูกม่ายสาว “มาช่า วัฒนพานิช” แฉลากไส้แทงหลัง ว่า ดีเจหน้าตี๋ “กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์” อดีตแฟนหนุ่มมั่วผู้หญิงหลายคนในขณะที่ยังคบกันอยู่ ทำให้ตนเป็นกังวลถึงขั้นต้องไปตรวจเลือด และโล่งใจที่ไม่เป็นอะไร แต่ประเด็นหลักที่ทำให้ต้องตัดสินใจแยกทางใครทางมัน เป็นเพราะเรื่องเงิน ที่ถูกอีกฝ่ายยืมไปทั้งหมด 8 ล้านบาท แต่ได้คืนมาเพียงส่วนหนึ่ง ทั้งยังมีโฉนดที่ดินรวมมูลค่ากว่า 20 ล้านที่ถูกยืมไปด้วย แต่ยังไม่ได้คืน ตนจึงได้ปรึกษาทนายความเรียบร้อยแล้ว และไม่ขอพูดอะไรมากอีกหวั่นเสียรูปคดี
ด้าน “กฤษณ์” ภายหลังเกิดประเด็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ ดังกล่าว และเอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่หลายวัน ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น.ที่ผ่านมา (9 ธ.ค.) ดีเจหน้าตี๋พร้อมทนายความ “สุชาติ จันทโรภาสกร” ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงกรณีดังกล่าว ที่ชั้น 21 อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ย่านอโศก โดย “กฤษณ์” ได้เปิดใจว่า
“สืบเนื่องจากข่าวที่ลงในวันที่ 4 และ 5 ธ.ค.วันนี้ที่ผมเชิญพี่ๆ สื่อมวลชนมา ผมจะพูดหลักๆ 4 เรื่องที่เกิดจากประเด็นที่เป็นข่าวทั้งนั้น ส่วนประเด็นที่ไม่ได้เป็นข่าวผมจะไม่ขอพูดถึงทั้งสิ้น ประเด็นที่ 1 มีการลงเรื่องของเงิน 6 8 หรือ 9 ล้านก็แล้วแต่ ประเด็นที่ 2 เรื่องของโฉนดที่ดินมูลค่า 20 ล้านของคุณมาช่า ประเด็นที่ 3 คือ เรื่องมั่วผู้หญิง และประเด็นที่ 4 เรื่องที่ผมจะออกมาแฉคุณมาช่า ผมขอเริ่มเรื่องที่ 1 ก่อน คือ ในหนังสือพิมพ์ (โชว์หนังสือพิมพ์ให้ดู) ได้มีการเขียนบอกว่า คุณมาช่า วัฒนพานิช วัย 40 กะรัตออกมาแฉพฤติกรรมของอดีตแฟนหนุ่มรุ่นน้อง กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์ ซึ่งก็คือตัวผม ถึงชนวนเหตุที่ต้องเลิกกันว่าเป็นเพราะเรื่องเงินที่ฝ่ายชายยืมไปจำนวน 8 ล้านบาท แต่ใช้กลับคืนมา 2-3 ล้านบาท และยังมีเรื่องกังวลอีกหนึ่งเรื่องคือเอกสารเกี่ยวกับโฉนดที่ดินมูลค่า 20 ล้านบาท ที่กฤษณ์ขอใช้ดำเนินการอะไรสักอย่าง ซึ่งตนไม่ทราบจริงๆ ว่า ตอนนี้โฉนดอยู่ที่ไหน และเอาไปทำอะไรบ้าง โดยตนให้ทนายทวงถามไปแล้ว”
“ผมจะขอพูด 2 เรื่องนี้ก่อน คือ ผมกับคุณมาช่าคบกันมา 6 ปีเต็มๆ แน่นอนว่า มันก็ต้องมีเรื่องของเงินที่ผ่านมือผมและคุณมาช่าแน่นอน จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เป็นการยืมกันอย่างเดียว บางทีก็เป็นการฝากกันทำอย่างโน้นอย่างนี้บ้าง ซึ่งตัวผมเองคงไม่ลงรายละเอียด จริงๆ เรื่องของเงินผมเองก็ไม่ใช่ว่าจะยืมคุณมาช่าอย่างเดียว มันก็มีที่คุณมาช่ามายืมผมเหมือนกัน มันยืมกันไปมา ผ่านมือกันไปมา ซึ่งผมถือว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ตลอดระยะเวลา 6 ปีตัวผมกับคุณมาช่าถ้าเราไม่ได้ดีต่อกันเลย เรามีแต่เรื่องทะเลาะเบาะแว้ง มีแต่เรื่องไม่ดีต่อกันตลอด เราคงไม่คบกันมานานถึง 6 ปี ถึงขั้นตัดสินใจที่จะแต่งงานกันตามที่เป็นข่าว ปัจจุบันความรู้สึกผมที่มีต่อคุณมาช่าก็ยังรักเขาเสมอมา และไม่เคยรู้สึกไม่ดีกับคุณมาช่าเลย คนเราคบกันควรจะจำแต่สิ่งที่ดีๆ เอาไว้ดีกว่า ปัจจุบันเราแยกทางและอยู่ด้วยกันไม่ได้ ด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผมไม่ขออธิบายเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ”
“เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ตัวผมเองได้เริ่มทำธุรกิจ คือ เปิดบริษัทกับทางหุ้นส่วน มีอยู่ครั้งหนึ่งผมได้คุยกับคุณมาช่า เกี่ยวกับเรื่องของการยืมโฉนดที่ดินของคุณมาช่ามาเพื่อที่จะแบ็กอัพ แล้วก็ขอวงเงินโอดีจากทางธนาคาร ซึ่งตอนนั้นทางบริษัทเพิ่งเปิดทำการก็ยังไม่มีเครดิตที่จะขอตัววงเงินโอดีนี้ได้ เราก็ได้พูดคุยกัน แล้วคุณมาช่ามีสติดีทุกอย่าง และทราบว่าผมจะเอาโฉนดที่ดินอันนี้ไปทำอะไร ซึ่งกระบวนการตรงนี้ยังไม่เกิดขึ้นนะครับ ยังเป็นแค่การพูดคุยกัน แล้วก็ดูรายละเอียดกันว่า ถ้าเราจะเอาที่ดินตรงนี้ไปขอโอดีจะต้องทำยังไงบ้าง คุณมาช่าได้คุยกับผมว่า ที่ดินเป็นชื่อคุณมาช่า ส่วนบริษัทเป็นชื่อผมกับพาร์ทเนอร์ ถ้าเรายังไม่ได้แต่งงานกัน แล้วที่ดินตรงนี้มาแบ็คอัพให้บริษัทผม ต่อไปถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมาจะทำยังไง”
“ผมเองก็ได้คุยกับคุณมาช่า ว่า ถ้าผมได้ใช้ที่ดินตรงนี้แบ็กอัพให้กับบริษัทผม ผมจะมีการตกลงโอนหุ้นครึ่งหนึ่งของบริษัทให้กับคุณมาช่า นี่คืออยู่ในขั้นตอนการคุยกัน ยังไม่มีการทำนิติกรรมใดๆ ทั้งสิ้น พอผ่านไปสักพักปรากฏว่าผมกับคุณมาช่าเริ่มรู้แล้วว่า เราไปด้วยกันไม่ได้ จะต้องแยกทางกัน สิ่งที่เราได้คุยกันเรื่องผมจะเอาโฉนดมา แล้วเรื่องที่ผมจะโอนหุ้นให้คุณมาช่าทุกอย่างได้ล้มเลิกไป ไม่ได้มีการทำนิติกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งโฉนดตัวจริงยังอยู่กับคุณมาช่า แต่ที่มีการลงข่าวว่าให้ทนายทวงถาม อันนี้ผมยืนยันว่าไม่มีทนายมาทวงถามผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ วิธีการที่จะเช็คว่าโฉนดนั้นได้ถูกนำไปทำนิติกรรมหรือเปล่า หรือเอาไปใช้หรือเปล่า เดี๋ยวผมให้ทนายผมอธิบายให้ฟัง”
ทนาย “สุชาติ” ได้ชี้แจงให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ว่า “ในส่วนของเรื่องโฉนดมูลค่า 20 ล้านที่ทางคุณมาช่ามีความกังวลว่า ทางคุณกฤษณ์เอาไปดำเนินการอะไรสักอย่าง ซึ่งไม่ทราบว่าตอนนี้โฉนดอยู่ที่ไหน ทางคุณกฤษณ์เองก็ยืนยันว่า ต้นฉบับโฉนดไม่ได้อยู่ที่คุณกฤษณ์ ซึ่งถ้าคุณมาช่ายังติดใจในส่วนนี้อยู่ว่า มีการไปดำเนินการยังไง ก็ให้คุณมาช่าไปที่สำนักงานที่ดิน ไปตรวจสอบสาระบบ ในฐานะที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์สามารถที่จะตรวจสอบได้อยู่แล้ว ไปตรวจสอบต้นฉบับโฉนดที่ดิน ด้านหลังจะมีสารบัญอยู่ ถ้ามีการไปดำเนินการใดๆ ด้านหลังมันจะปรากฏนิติกรรมที่ไปดำเนินการ ฉะนั้น ในส่วนนี้ที่คุณมาช่ามีความกังวล ก็ขอให้คุณมาช่าไปตรวจสอบได้”
ดีเจหน้าตี๋ รีบกล่าวแทรกเสริมทันที “ถ้าเกิดตัวโฉนดหาไม่เจอ โดยหลักกฎหมายเราสามารถแจ้งความได้เลย คุณมาช่าสามารถแจ้งความและออกใบแทน ก็มาดูสิว่าโฉนดนี้ถูกนำไปทำนิติกรรมใดๆ หรือเปล่า สามารถเช็กได้ ผมยืนยันว่า 1.ตัวโฉนดนี้ไม่ได้มีการทำนิติกรรมใดๆ เกี่ยวกับตัวผมหรือบริษัททั้งสิ้น และ 2.โฉนดนี้ไม่ได้อยู่ที่ผม คุณมาช่าจะต้องไปเช็กดูว่าเป็นยังไง ฉะนั้น ข้อความข่าวที่ว่าขอยืมไปทำอะไรสักอย่าง ซึ่งตนไม่ทราบว่าตอนนี้โฉนดอยู่ที่ไหน อันนี้เป็นเรื่องกังวลที่เกิดขึ้น อันนี้คงจะไม่ใช่ข้อความที่ถูกต้อง ผมขอยืนยัน”
ส่วนประเด็นเรื่องยืมเงินม่ายสาว ดีเจหนุ่มนำหลักฐานเป็นสัญญามาโชว์ให้เห็นชัดเจนว่า ยืมไปแค่ 5 ล้านบาท ไม่ใช่ 8 ล้านอย่างที่เป็นข่าว
“ทีนี้พอเรื่องโฉนดและหุ้นจบเรียบร้อยแล้ว เราไม่ได้มีการทำเกิดขึ้น ในปีนี้ที่ผ่านมาทางบริษัทผมได้เครดิตและวงเงินจากทางธนาคารมาพอดี ซึ่งเครดิตและวงเงินอันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับตัวโฉนดนี้ทั้งสิ้น เป็นเครดิตที่ทางบริษัทได้สร้างมา และทางธนาคารพิจารณาและมอบให้ แล้วพอเราตัดสินใจที่จะแยกทางกัน เราได้มีการเคลียร์ทรัพย์สินทั้งหมดระหว่างผมกับคุณมาช่าแบบชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือว่าอะไรก็แล้วแต่ แม้แต่ตัวโฉนดก็ได้มีการคุยกัน ซึ่งตอนที่ผมคุยกับคุณมาช่าว่าจะแยกทางกัน คุณมาช่าได้บอกเองว่าตัวโฉนดอยู่กับตัวเธอ แต่ทีนี้พอเคลียร์กันเสร็จแล้ว ยังมีสิ่งหนึ่งที่ติดค้างกันอยู่ คือจำนวนเงินที่ผมได้ติดคุณมาช่าอยู่ 5 ล้านบาท ไม่ใช่ 6 7 8 ล้านอย่างที่เป็นข่าว”
“เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา คุณมาช่าได้ให้ผมเซ็นสัญญาเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ฉบับหนึ่ง ก็คือ หนังสือรับสภาพหนี้อันนี้ระบุตัวเลขชัดเจนว่า จำนวนเงินที่ผมได้ติดคุณมาช่า หลังจากเราเคลียร์ทุกสิ่งเรียบร้อย เป็นจำนวนเงิน 5 ล้านบาทถ้วน มีการเซ็นลายเซ็นของผม และของคุณมาช่า ถูกต้อง แล้วมีลายเซ็นของพยาน ซึ่งก็คือทนายความที่ผมเป็นคนแนะนำให้คุณมาช่าเองให้ทำสัญญาฉบับนี้ ผมคงไม่เอาสัญญาฉบับนี้ให้ดูแล้วถ่ายรูปลงไป แต่ผมจะขอสัก 1 ท่านได้ดูตัวเลขว่าคือเท่าไหร่ (เอาสัญญาให้สื่อมวลชนคนหนึ่งดู ระบุตัวเลขเป็น 5 ล้านบาทถ้วน) ถูกต้องนะครับ สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือตัวเลข 6 ล้าน 8 ล้านไม่จริงเลยนะครับ ซึ่งเดี๋ยวต่อไปผมจะให้ทนายทางฝั่งผม ได้คุยกับทนายทางฝั่งคุณมาช่า แล้วมีการทำหนังสือสัญญาถูกต้องตามกฎหมาย ลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการคืนเงิน ถามว่า ตัวสัญญาอันนี้ไม่ได้ลงรายละเอียดหรือเปล่า ใช่ครับ มันเป็นสัญญาแค่ว่าผมได้มีการยืมเงินคุณมาช่า เดี๋ยวทางผมเองจะยื่นข้อเสนอให้ลงรายละเอียดในการคืนแบบชัดเจน ระบุวันที่และสำนวนชัดเจน”
ปัดชอบมั่วหญิง ทำให้นักร้องสาวถึงกับต้องวิ่งโร่ไปตรวจเลือด พร้อมยันจะไม่มีการแฉอีกฝ่ายกลับ ขู่สื่อจะฟ้องร้องถ้าลงข่าวทำให้ตนเสียหาย พร้อมเรียกร้องให้อดีตแฟนสาวออกมาชี้แจงประเด็นข่าวต่างๆ ภายใน 7 วัน
“ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผมคบคุณมาช่ามา ตัวผมเองไม่เคยมีเรื่องผู้หญิง หรือเราไม่เคยทะเลาะกันเรื่องผู้หญิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าคุณมาช่าได้ไปรับข่าวสารข้อมูลมาจากไหน แต่ผมกำลังจะบอกว่าข่าวสารข้อมูลนั้นไม่เป็นความจริง พอไม่จริงปั๊บแล้วมีการเอามาลงในสื่อสาธารณะ ซึ่งผมไม่รู้ว่าการลงอันนี้ลงได้ยังไง แต่ตัวผมเสียหาย และลุกลามใหญ่โตถึงขั้นมีการตรวจเลือดอะไรก็แล้วแต่ อันนี้ผมคงต้องขอออกมาชี้แจงและปฏิเสธเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งผมเข้าใจว่า ภาพลักษณ์ผมอาจจะเจ้าชู้ เวลาทำรายการ แฉแต่เช้า อาจมีการแซวกันเกิดขึ้นในรายการ แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า นั่นคือ สิ่งที่เกิดขึ้นในรายการ มันคือการแซวกันเพื่อความสนุกสนาน แต่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นเป็นยังไง เราต้องมีการพิสูจน์กันก่อนที่จะนำมากล่าวอ้างและออกในสื่อสาธารณะแบบนี้ ซึ่งมันทำให้ตัวผมเสียหาย ผมขอบอกเลยว่าไม่เป็นเรื่องจริง”
“ส่วนประเด็นที่ 4 มีข่าวออกมาเยอะมากว่า ตัวผมจะมาแฉคุณมาช่า ผมขอยืนยันว่า ส่วนตัวผมไม่ได้มีนิสัยที่จะมากล่าวหาหรือแฉคนที่ผมรัก ผมไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่ๆ ดังนั้นนับแต่นี้ถ้ามีสื่อไหนที่แอบอ้างว่าผมพูดอย่างนั้นพูดอย่างนี้ แล้วไม่ได้มีหลักฐานที่ชัดเจน ตรงนี้ผมจะขอร้องในการปกป้องสิทธิ์ของตัวผม และดำเนินคดีถึงที่สุด ตอนนี้ผมได้ตั้งทีมทนายขึ้นมาเพื่อ 2 สิ่ง สิ่งแรกคือผมจะให้ทางทนายติดต่อคุณมาช่าและทนายคุณมาช่าให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะทำการคืนเงินก้อนนี้ สัญญาฉบับนี้ทำเมื่อวันที่ 12 ต.ค.53 มาถึงวันนี้ผ่านไป 2 เดือนผมยอมรับว่างงและไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงมีการออกมาพูดถึงเรื่องเงิน จริงๆ แค่คุณมาช่ายกหูขึ้นมาแล้วคุยกับผม ทุกอย่างก็เสร็จสิ้นแล้ว เพราะผมมีความตั้งใจที่จะคืนเงินให้คุณมาช่าอยู่แล้ว สิ่งที่ 2 ที่จะให้ทนายดูแลคือ นับจากนี้ไปไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็แล้วแต่ที่มีการลงข้อความหรือภาพ ที่ทำให้ผมและตัวบริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือเสียหาย ผมก็จะให้ทางกฎหมายดำเนินคดีถึงที่สุดเหมือนกัน”
“แล้วสิ่งที่ผมอยากจะบอกอีก ก็คือ ผมไม่เคยคิดที่จะหลอกลวง ปอกลอกหรือโกงคุณมาช่าเลย ถ้าผมคิดทำแบบนี้ สัญญาฉบับที่ผมให้ดูเมื่อสักครู่คงจะไม่มีการเซ็นเกิดขึ้น ทนายผมก็เป็นคนแนะนำไป ดังนั้นเรื่องการโกงไม่มีแน่นอน แล้วผมมีความตั้งใจคืนเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ผ่านมือกันมาให้คุณมาช่า หลังจากนี้ 7 วันผมอยากจะขอร้องคุณมาช่าได้ออกมาชี้แจงประเด็น 3 เรื่องนี้ที่ผมบอกไปสักครู่ 1.เรื่องเงิน 5 ล้าน 2.โฉนด 20 ล้าน และ3.เรื่องมั่วผู้หญิง 3 เรื่องนี้ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้ผมเสียหาย ผมอยากให้คุณมาช่าออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงว่าเป็นยังไง ถ้าคุณมาช่าไม่ออกมาชี้แจง เอาเป็นว่าผมเรียกร้องเฉยๆ ยังไม่ได้คิดว่าจะอะไร แล้วหลังจากนี้ผมจะไม่ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ถ้ามีอะไรถามทนายได้เลย ผมจะปล่อยให้ทางทนายดำเนินเรื่องต่อ”
เมื่อแถลงข่าวจบ “กฤษณ์” ได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวได้ถามคำถาม สำหรับประเด็นที่ว่าหลังถูกแฉได้มีการพูดคุยกับ “มาช่า” หรือไม่ และเหตุผลที่เรียกร้องให้อีกฝ่ายออกมาชี้แจงกับสื่อ? เจ้าตัวกล่าวว่า
“ก็มีการคุยกับคุณมาช่านะครับ ถามว่าตกลงกันไม่ได้เหรอ จริงๆ เรื่องมันไม่มีอะไรนะ เดี๋ยวผมขอให้คุณมาช่าออกมาพูดเองดีกว่า ที่ผมเรียกร้องให้เขาออกมาพูด เพราะผมเสียหาย ถามว่าเขาต้องเอาหลักฐานอะไรออกมาหรือเปล่า คืออันนี้เรายึดตามหลักความจริงทุกอย่าง ถ้าเกิดผมยืมไป 8 ล้านก็ต้องเอาสัญญาที่เป็น 8 ล้านมาให้ดู แต่นี่สัญญามันระบุ 5 ล้าน มันก็ชัดเจนว่าเป็น 5 ล้าน ส่วนที่เป็นยืมกันยิบย่อยผมคงไม่ขอลงรายละเอียดอย่าง ผมให้คุณมาช่าไปซื้อข้าว 500 (หัวเราะ) มันหยุมหยิมไป หรือคุณมาช่าให้ผมไปซื้อแชมพู 250 (หัวเราะ) ส่วนที่เป็นหลักล้านผมก็ไม่ขอลงรายละเอียด ขอเอาปัจจุบันดีกว่า ไม่งั้นจะไปขุดกันวุ่นวายปวดหัว”
“ถามว่าเวลาทำธุรกิจผมยืมเงินแฟนบ่อยไหม ไม่ยืมครับ คือ การทำธุรกิจเรื่องเงินเป็นการผ่านมือเฉยๆ แต่ไอ้ที่ว่าวงเงินโอดีตอนนั้น มันเป็นเรื่องของทรัพย์สินที่จะทำ แต่ไม่ได้มีการจดทำนิติกรรมเกิดขึ้น ก็ถ้าจะทำธุรกิจแล้วต้องยืมเงินแฟนตลอดเวลา ก็ไม่ต้องทำแล้วครับ (หัวเราะ) (กลัวเรื่องไม่จบไหมถ้ามาช่าออกมาพูดต่อ?) จริงๆ แล้วการที่เราจะดูว่าใครผิดใครถูกอะไร มันต้องดูจากหลักฐานที่ชัดเจน การที่เราจะพูดจากันมันสามารถพูดได้หมด ผมจะพูดว่ายืมเงินพี่ 200 ล้านก็ได้ใช่ไหม แต่มันต้องออกมาบอกและมีหลักฐานชัดเจนว่าโฉนดเป็นยังไง สมมติมีตัวโฉนดมาแล้วมีการสลักหลังเป็นชื่อผม อย่างนี้เอามาแสดงได้เลย ผมยืนยันว่าโฉนดอยู่กับคุณมาช่า และผมก็ไม่เคยเอามาถือหรือเก็บไว้เลย”
ต่อข้อซักถามที่ว่า มีเรื่องเกิดขึ้นกันแบบนี้ ทำให้คนมองว่าจากกันไม่ดี เจ้าตัวยืนยันเลิกกันดีกับม่ายสาว ทุกวันนี้ก็ยังคุยกันอยู่
“ผมไม่ได้จากคุณมาช่าไม่ดี เรายังคุยกันอยู่ แต่ว่าเรื่องรายละเอียดลึกๆ เดี๋ยวรอคุณมาช่าออกมาพูดดีกว่าว่ามันคืออะไร บางคนถามว่ามันน่าจะเป็นเรื่องที่คนสองคนคุยกันแล้วจบกันได้ ผมมองว่าถ้าเป็นประเด็นเรื่องอื่นมันก็ควรจะเป็นเรื่องที่คนสองคนคุยกัน และน่าจะจบ แต่พอมันเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับทรัพย์สินและสัญญา ใจผมอยากให้ทางทนายผมคุยกับทนายคุณมาช่า เพราะเราต้องยอมรับว่าตัวบุคคลธรรมดาไม่สามารถรู้กฎหมายมากไปกว่าทางทนาย เราทำให้มันถูกต้องดีกว่า และเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจของผมต่อคุณมาช่าด้วย”
“แต่ที่ผมเรียกร้องให้เขาออกมาชี้แจงภายใน 7 วัน ถามว่า ได้คุยกับคุณมาช่าส่วนตัวไหม ผมได้มีการฝากบอกผ่านไปครับ แต่เดี๋ยวผมจะโทรบอกเองด้วย เรื่องข่าวไม่ว่าจะเป็นที่เขาให้เวลาผมคืนเงินภายใน 2 อาทิตย์หรืออะไร รอให้คุณมาช่าพูดเองดีกว่า ผมไม่ขอพูดในสิ่งที่ผมไม่ได้ฟังจากคุณมาช่าละกัน (จะแถลงพร้อมมาช่าอีกครั้งไหม?) ผมไม่ได้มีปัญหากับการแถลงพร้อมคุณช่านะครับ แต่อันนี้ต้องคุยกับทางคุณช่าด้วย ส่วนเรื่องจะยาวถึงขึ้นศาลไหม ส่วนตัวไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นนะ แต่อนาคตเราก็ไม่ทราบเหมือนกัน”
“ถามว่า เป็นอย่างนี้จะกลับไปคืนดีกันได้ไหม ณ ปัจจุบันเราได้บอกไปแล้วว่าเราเลิกกันก็ชัดเจนอยู่แล้ว เรื่องคืนดีเป็นเรื่องของอนาคตผมไม่ขอพูดถึงละกัน คือเราแยกทางกันแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณมาช่าเริ่มมีปัญหากันมา 2 ปีแล้ว และตัดสินใจเลิกกันเมื่อปีนี้ ซึ่งปัญหาที่ทำให้เราเลิกกัน ผมก็ได้บอกไปแล้ว คุณมาช่าก็ได้บอกไปแล้วว่า มันคือเรื่องที่ผมทำงานเยอะ ตัวคุณมาช่าก็ทำงานมากเหมือนกัน เขาก็ต้องการเวลา เพราะความรักมันต้องมีเวลาให้กัน เพื่อให้ความรักมันอยู่ทนเหนียวแน่น หรือพัฒนาขึ้นไปในอนาคตก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่มีเวลาตรงนั้นเลย มันก็ทำให้ความรักของเราดิ่งลงแย่ลง เราก็มีการคุยกันว่างั้นหยุดสถานภาพตรงนี้เอาไว้ดีกว่า ยืนยันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินทองแน่นอน ถ้าเป็นเรื่องนั้นจริงๆ คิดง่ายๆ ป่านนี้คุณมาช่าคงฟ้องยาวนานเรียบร้อยไปแล้ว คงไม่ปล่อยให้มาถึงขนาดนี้”
โกรธ “มาช่า” หรือไม่ที่ออกมาแฉ แล้วไหนจะมี “สุ่ย พรนภา เทพทินกร” ซึ่งเป็นอดีตคนรัก ออกมาพูดตอกย้ำอีกว่า เคยเจอกรณีเดียวกันกับนักร้องสาว?
“ผมขอย้ำด้วยปากผมเองเลยนะว่า ผมไม่เคยโกรธคุณช่า และไม่เคยรู้สึกไม่ดีกับคุณช่าเลย 6 ปีที่ผ่านมาผมว่ามันเป็นระยะเวลาที่พิสูจน์ได้ว่า คุณช่าเป็นคนดีและดีกับผมมาโดยตลอด ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เกิดได้อย่างไร เดี๋ยวติดตามคุณช่าเองละกัน ผมขอพูดแค่นี้ (หัวเราะ)”
“ส่วนที่คนอื่นออกมาพูด ผมคงไม่ไปพูดพาดพิงละกัน เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของผมกับคุณช่ามากกว่า คนอื่นผมขอไม่พาดพิงละกัน (เห็นว่าทางครอบครัวสุ่ยติดต่อไปทางมาช่า?) ผมกับคุณมาช่าไม่ใช่ไม่คุยกันนะครับ ผมกับคุณมาช่าคุยกันตลอด วันที่ข่าวลงในหนังสือพิมพ์ผมกับคุณช่าก็คุยกัน ไม่ทะเลาะกัน แต่เรื่องรายละเอียดให้คุณช่าออกมาพูดเองดีกว่าว่า เรื่องราวเป็นยังไง แต่เราคุยกันตลอด คุณแม่ก็คุยกับคุณช่า ผมก็คุยกับเพื่อนคุณช่า คุยกันตลอด เมื่อคืนก็ยังคุยกับเพื่อนคุณช่าเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เคลียร์ข่าวกับสาวๆ ทั้งภาพเดินทะเลกับสาวนอกวงการ และควง “รัน ณัทธมนกาญจน์ ศรีนิกรโชติ” ไปเชียงใหม่
“ส่วนเรื่องผมกับสาวคนใหม่ ที่มีภาพไปเดินที่ทะเลด้วยกัน อันนั้นผมไปงานของการท่องเที่ยวที่พัทลุง มีนักข่าวไป 40 คน ผมไม่ได้มีอะไรปิดบัง ก็ตั้งใจไป ส่วนที่เชียงใหม่ผมก็ไปจริง ผมไปบางทีก็ไปกับลูกน้องบ้าง ไปกับคนอื่นที่ไม่ใช่คนที่ผมคุยอยู่ด้วยบ้าง ส่วนรันผมไม่เคยไปเชียงใหม่กับเขา แต่อาจจะเป็นเพราะงานอีเอฟเอ็มเฟสล่าสุด ผมไปยืนอยู่ข้างๆ บูธขายไอศกรีมของน้องรัน แล้วน้องรันให้ซื้อไอศกรีม 5 กล่อง อาจจะเป็นจุดนั้นที่ทำให้เป็นข่าว (หัวเราะ) แต่ไม่มีไปเชียงใหม่ด้วยกัน มันเลยกลายเป็นว่าผมเดินกับผู้หญิงไม่ได้เลยตอนนี้ ถามว่าผมจะมีไปตรวจเลือดเหมือนคุณมาช่าไหม ผมคงไม่ไปตรวจเพราะมั่นใจว่าไม่ได้เป็นแน่ๆ และไม่ได้มั่วผู้หญิง ปัจจุบันผมยังไม่มีใครที่คบแล้วเป็นแฟน หรือยังไม่มีการดูใครเป็นพิเศษ สถานภาพปัจจุบันคือโสด”
ยันข่าวฉาวที่เกิดขึ้นไม่มีผลกระทบกับเรื่องงานและธุรกิจ เมินคนมองเป็นคนหลอกลวง
“ผลกระทบกับงานคงไม่เกี่ยวข้อง คือปัจจุบันบริษัทเอเยนซี่ที่ผมทำในปีที่ผ่านมา มีเงินหมุนเวียนในบริษัท 100 กว่าล้าน ดังนั้นจำนวนเงินที่เป็นข่าว คงไม่มีผลกระทบอะไรต่อบริษัทผม ส่วนงานจัดรายการ แฉแต่เช้า ผมก็ไม่ได้ถอนตัวอะไร เขาไล่ก็ไม่ไป (ยิ้ม) เรื่องนี้ผมได้โทรไปหาและเล่าให้พี่ฉอด (สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา) ฟังแล้ว พี่ฉอดก็บอกว่าอยู่อเมริกานะ (หัวเราะ) พี่ฉอดก็ไม่ได้ว่าอะไร มันเป็นเรื่องปกติ คือทุกคนจะกลัวว่ามันเป็นเรื่องซีเรียสใหญ่โต แต่จริงๆ ไม่มีอะไร ก็ว่าไปตามสิ่งที่ผิดถูก”
“เครียดไหมคนมองว่าเป็นคนหลอกลวงไปแล้ว เอาเป็นว่าเข้าใจและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่า และตั้งรับกับมัน จริงๆ ผมไม่เครียดนะ เพราะถ้าเป็นเรื่องจริงเราก็ต้องยอมรับว่ามันจริง ถ้ามันไม่จริงเราก็ไม่ต้องไปเครียด”
ที่มา: manager.co.th