Author Topic: “โอ” โต้เป็นเอดส์ น้ำตาซึมคิดถึงลูก อ้อน “เก๋” กลับมาอยู่ด้วยกัน  (Read 924 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“โอ วรุฒ” โต้เมียเคยแย่งแฟนกิ๊กใหม่ ยันไม่มีกิ๊ก ปัดเป็นเอดส์ และเมินข่าวลือเรื่องเมียเคยเป็นสาวไซด์ไลน์ น้ำตาซึมยันยังทำหน้าที่พ่อส่งเสียลูก และติดต่อกับภรรยาอยู่ เคยโทรอ้อนให้กลับมาอยู่ร่วมกัน แต่เมียขอเว้นระยะสักพัก รู้ตัวแล้วเป็นสามีที่หลงระเริงเกินไป
       
       ถึงกับน้ำตาซึม เมื่อดาราหนุ่มรุ่นใหญ่ “โอ วรุฒ วรธรรม” ได้ออกมาเปิดใจอีกครั้ง ระหว่างการบันทึกเทปรายการ “เจาะใจ” ที่สตูดิโอมนตรี ย่านลาดพร้าว 101 เมื่อคืนวานที่ผ่านมา (7 ธ.ค.) เกี่ยวกับกรณีข่าวเตียงหักกับเมียสาว “เก๋ เจษฎาวัลย์ จันทร์แตง” และ “น้องแอร์บัส” ไม่ใช่ลูกที่แท้จริง ที่ล่าสุดมีข่าวเมาท์เพิ่มมาอีกระลอกว่า กิ๊กใหม่ของเจ้าตัวซึ่งเป็นเพื่อนของเก๋ ได้ออกมาแฉเคยถูกเมียของหนุ่มโอแย่งแฟนไป รวมไปถึงสาวเก๋เคยเป็นสาวไซด์ไลน์มาก่อนเมื่อสมัยอยู่ที่จ.เพชรบูรณ์ และตัวเขากำลังป่วยเป็นโรคเอดส์
       
       “ความจริงแล้ววันนี้ผมไม่ได้อยากออกมาพูดนะ แต่มีข่าวออกมาอีกแล้วว่า กิ๊กใหม่ผมเป็นเพื่อนกับภรรยาผม ซึ่งภรรยาผมเคยไปแย่งแฟน โอ๊ย (เสียงสูง) ผมเวียนหัวมาก ขอยืนยันตรงนี้ว่ากิ๊กใหม่ไม่มีแน่ๆ ชัวร์ๆ เรื่องกิ๊กอะไรผมไม่รู้เรื่อง ไม่มีกิ๊กเลย แต่โค (โคโยตี้) เพียบเลย (หัวเราะ) กิ๊กใหม่ไม่มีแน่นอน ถ้ามีก็ไม่ใช่คนเพชรบูรณ์หรอก เป็นคนปราจีนบุรี (หัวเราะ) ส่วนข่าวที่ว่าเป็นเอดส์อะไรก็ไม่มีครับ มีแต่เป็นงูสวัด ที่ขึ้นตรงหน้าผาก (ชี้ให้ดู) ไม่เป็นหรอกครับเอดส์ งงเหมือนกันข่าวมาจากไหน เขาเรียงลำดับมายังไงผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เอาเป็นว่าสำหรับตัวผมเองไม่มีกิ๊กใหม่ และก็ไม่ได้เป็นเอดส์แน่นอน”
       
       “แล้วเรื่องในทวิตเตอร์ทั้งหลายแหล่ ก็ไม่รู้ใครโพสต์เข้ามาเรื่องกิ๊ก ซึ่งไม่มี ไอ้เรื่องเที่ยวติดโคโยตี้ เรื่องเที่ยวก็คือยังเที่ยวอยู่ เที่ยวบ่อย แต่ไม่ถึงกับไปติดโคโยตี้นะครับ แต่ว่าไปบ่อยๆ มีอยู่สองสถานที่ที่ผมไปบ่อยๆ ก็จะมีบิ๊กแอ๊บเปิ้ลกับเนเวอร์แลนด์ (หัวเราะ) คือจริงๆ จะเรียกได้ว่าประจำอยู่ที่นั่นเลย เดินเข้าไปรู้จักตั้งแต่คนรับรถยันเจ้าของ กินกันจนสนิทกับเจ้าของร้าน”
       
       “ซึ่งผมไม่มีถึงขั้นไปติด หรือไปซื้อดื่ม หรือไปหาทุกคืน ก็เป็นน้องๆ ที่เรารู้จักกันทั้งหมด บางทีเวลาเราไปแล้วมันสนุก แต่ไม่มีติดเป็นคนๆ นะ เขาเรียกว่าเราเป็นคนของประชาชนคือได้ทุกคน(หัวเราะ) แล้วก็ไม่มีพันธะผูกพันกับใคร เขาก็คงไม่มีพันธะกับเราครับ ณ ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นโสดเลย ตอนนี้เป็นโสดแต่มีภรรยา”
       
       “ส่วนข่าวที่บอกว่าภรรยาผมเคยเป็นสาวไซด์ไลน์ อืมเรื่องนี้ผมไม่สนใจเรื่องอดีตที่ผ่านมาครับ ผมไม่เคยเอามาคิด”
       
       แจงยังติดต่อกับภรรยาอยู่ ล่าสุดวันพ่อที่ผ่านมาภรรยาให้คุยกับลูกชาย บอกอยากให้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แต่ฝ่ายหญิงยังไม่อยากกลับ
       
       “กับภรรยาก็ยังติดต่อกันอยู่ครับ เมื่อวานเขาก็โทรมาให้ลูกสวัสดีคุณพ่อในวันพ่อ เราแยกกันอยู่คนละบ้านเท่านั้นเอง ถามว่าอยากกลับมาคืนดีกันไหม อืมจริงๆ ตอนนี้ชีวิตเป็นอยู่คือเราก็ไม่ทะเลาะกัน ไม่ได้อะไรกัน แต่ถ้ากลับมาอยู่ด้วยกันเดี๋ยวมันก็เป็นอย่างนี้อีก ก็อยู่ไปแบบนี้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร จริงๆ ก็อยากให้เขากลับมาอยู่เหมือนกัน อยู่ห่างกันกับอยู่ใกล้กันมันไม่แตกต่างเลย มันจะกลับหรือไม่กลับก็มีค่าเท่ากัน ผมเองก็เคยคุยกับเขานะ เคยบอกให้กลับ แต่เขาบอกว่าเดี๋ยวก่อน อีกสักพักนึงก่อน ขออยู่แบบนี้ไปก่อนแล้วกัน เราก็โอเคได้ไม่เป็นไร”
       
       “ผมก็เคยถามอยู่เหมือนกันนะว่าเขาน้อยใจอะไรหรือเปล่า ตัวเขาเองก็ไม่เคยแสดงออก ไม่ถามไม่พูด แต่ก็คงน้อยใจบ้างเหมือนกัน อย่างเวลาเราพาเพื่อนมาบ้านแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจเขามั้ง แล้วเขาก็ไม่เคยขออะไร ไม่ดุ ไม่โกรธ เราก็อ้าว...ทำได้ก็ทำต่อไป ก็สนุกดี(หัวเราะ)”
       
       เชื่อหากได้กลับมาทำงานชีวิตครอบครัวคงดีขึ้น แต่ต้องใช้เวลาปรับปรุงตัว ส่วนเรื่องโอกาสนั้นต้องแล้วแต่ทางผู้ใหญ่
       
       “ถ้าผมได้กลับมาทำงาน ชีวิตครอบครัวของผมก็น่าจะดีขึ้น ผมว่ามันคงต้องใช้เวลาปรับปรุงตัว แล้วก็ไปหาเขาให้บ่อย ไปสร้างความสัมพันธ์ให้มันดีกว่าเดิม เพราะว่าในการกลับมาก็คงต้องสร้างความสัมพันธ์ สร้างความผูกพันกันใหม่ เพื่อที่จะให้เขากลับมาไม่งั้นเขาคงไม่กลับ”
       
       “ความหวังในเรื่องกลับมาทำงานก็ยังมีอยู่นะครับ แต่ว่าอันนี้มันต้องแล้วแต่ทางผู้ใหญ่ แล้วแต่จะกรุณา เขาดูความประพฤติของเรา ถ้าผู้ใหญ่ดูแล้วว่าดีขึ้น ผมว่าผู้ใหญ่ก็น่าจะให้โอกาสเราอีกครั้งนึง ผมก็คุยกับพี่โจ้ (ภัทรภร วรรณภิญโญ) ก็โทรมาบ่อยๆ มีแต๋ง (ภูษิต ไล้ทอง) ก็โทรมาบ่อยๆ เหมือนโทรมาเช็คพฤติกรรมว่าวันนี้เราทำอะไรอยู่”
       
       “ตอนนี้การันตีตัวเองได้ว่า สิ่งที่มันผ่านมาผ่านพ้นไปแล้ว สิ่งที่เราสับสน เครียด มาทำตัวเองเละเทะมันผ่านไปแล้ว มันจบแล้ว ผมก็คงจะใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ ที่ต้องดูแลตัวเองและทำงาน คงไม่มีอะไรที่จะทำให้ผมหวั่นไหวได้อีกแล้ว เพราะว่าอันนี้ถือว่าแรงสุดแล้วในชีวิต ถือว่ามันเป็นเรื่องระดับครอบครัวแล้ว ไม่ใช่แค่ไปกิ๊กคนนั้นคนนี้ อันนั้นมันเรื่องสิวๆ อันนี้หนักที่สุด ไม่น่าจะมีอะไรอีกแล้ว แต่ถ้าปีหน้าเป็นเกย์ก็อาจจะเป็นข่าวได้อีก(หัวเราะ)”
       
       จากการที่ถูกพักเบรกงานทั้ง 3 รายการของทีวีธันเดอร์ อย่าง “สะบัดช่อ- โอโน่โชว์-หลวงตามหาชน” ส่งผลกระทบทำให้รายได้หดหายไปเป็นหลักแสน จนเจ้าตัวต้องเอาเงินเก็บออกมาใช้จ่าย
       
       “รายได้ก็เป็นหลักหลายๆ แสน เรื่องผลกระทบจริงๆ ก็ยังไม่มีผลกระทบเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เริ่มเอาเงินเก็บที่เรามีออกมาใช้ เพราะปกติผมรับเป็นเงินเดือน เราก็เอาเงินส่วนนี้เอามาใช้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างควักเงินเก็บทั้งหมดแล้ว แต่ถ้ามกราคม-กุมภาพันธ์-มีนาคม หรือปีหน้าไม่มีงาน คงต้องมีการขายของกินกันแล้ว ตอนนี้ก็ขายเรืออยู่ ถ้าใครสนใจก็ติดต่อได้”
       
       “หลายคนอาจมองว่าผมเบื่อวงการแล้ว ส่วนหนึ่งคืออยู่มานาน คนอาจจะมองว่าเบื่อแล้วใช่ไหม เพราะว่าคุณอยู่มา 20 กว่าปีแล้ว แต่จริงๆ แล้วผมไม่ได้เบื่อ บางครั้งมันมีปัญหา ซึ่งผมเป็นคนเหมือนวิ่งหนีปัญหา ซึ่งไม่สมควรเลยวิ่งหนีปัญหาตลอด มันต้องแก้ปัญหาดีกว่า ถ้ามัวมาวิ่งหนีปัญหา มันก็ยิ่งสุมเข้ามาอีก”
       
       แจงปัญหาเรื่องสุขภาพดีขึ้น เบาหวานลดลง ติดตลกเหลือแต่โรคใจง่าย
       
       “เรื่องสุขภาพตอนนี้โรคเบาหวานก็ยังไม่ค่อยรุนแรงเท่าไหร่ เพราะถ้ารุนแรงต้องฉีดอินซูลิน เรื่องสุขภาพก็กังวลเหมือนกัน ก็พยายามหาสมุนไพร หายารับประทาน ก็คิดว่ามันน่าจะยังทันอยู่ ตับยังไม่ตายทั้งหมด ตับยังทำงานอยู่ ตอนนี้หมอก็นัด 3 เดือนครั้ง แต่เราต้องมีเรคคอร์ดของตัวเองด้วย เขาก็จะมีตัวเลขออกมา ซึ่งผลตรวจล่าสุดที่ไปตรวจมาต้นเดือนที่แล้ว คุณหมอบอกค่าอะไรต่างๆ ปกติ มันแปลกมาก ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมกินยาอยู่ตัวแล้ว”
       
       “ส่วนโรคอื่นก็ไม่มีครับ จะเอาเอดส์ด้วยไหม ไม่มีหรอกครับ ผมไม่ได้เป็นเอดส์ แล้วก็เป็นงูสวัดที่มันขึ้นที่หน้าผากนิดหน่อย แล้วก็เป็นโรคใจง่ายทุกคืน (หัวเราะ)”
       
       ยืนยันยังทำหน้าที่พ่อ แต่ไม่คิดแยกลูกออกจากภรรยา เพราะมองตัวเองเป็นสามีและพ่อที่หลงระเริงเกินไป
       
       “ถามว่าจะวางแผนอนาคตลูกยังไง เราก็ต้องส่งเสียแน่นอน ในฐานะพ่อก็คงได้ทำหน้าที่บ้าง อาจจะพาเขามาเรียนในกรุงเทพฯ แต่แม่เขาคงไม่ยอมหรอก ผมอยากให้ลูกมาอยู่กับผม อยากได้ลูก แต่ด้วยความที่เขารักลูกมาก ผมก็โอเคเห็นใจเขา ก็เลยให้ลูกได้อยู่กับแม่ ถามว่าจะมีไปง้อไหม ก็มีผมก็ขับรถไปหาเขาถามว่ากลับไหม เขาก็บอกว่ายัง ยังไม่กลับสักพักนึงก่อน”
       
       “ถ้ามองตัวเองเป็นสามีและพ่อของลูกยังไง ก็เป็นสามีที่(นิ่งไปสักครู่)หลงระเริงจนเกินไปมั้ง แล้วการเป็นพ่อ การที่ให้เงินเลี้ยงดูอย่างเดียวมันไม่พอ เรายังเป็นพ่อที่ไม่สมบูรณ์ มันต้องให้ความรักความอบอุ่นกับลูกด้วย ถึงจะเป็นพ่อที่ดี ผมว่าส่วนใหญ่สังคมไทยยังไม่พร้อมการมีครอบครัวก็เยอะนะ มันเป็นพฤติกรรมของคนไทยเราเอง ที่นึกจะพร้อมอยู่ก็อยู่ แล้วก็ไม่ได้วางแผน”
       
       “แล้วที่นักแสดงส่วนใหญ่ที่เป็นข่าวเตียงหักเยอะแยะ เพราะไม่มีการวางแผน หลายๆ คนเตียงหักแบบหักแล้วมีเรื่องกันเลย แต่ของผมหักแล้วไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน ก็โดยสันติวิธี แต่ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไป ระยะห่างมันก็น่าจะทำให้ยิ่งห่างกันมากขึ้นนะ แต่ว่าความห่างก็ยังมีการโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา มันก็คงไม่ห่างไปกว่านี้แล้ว เพราะนี่ก็ห่างพอสมควรอยู่แล้ว ช่วงนี้ผมว่างงาน อีกไม่กี่วันผมก็คงไปหาลูกแล้วล่ะ แม่เขาเองก็น่ารักจะชี้ให้ลูกดูในโทรทัศน์ ในหนังสือพิมพ์ตลอด ก็คือจะบอกว่าพ่อๆ ทุกวันนี้ลูกเขาก็รู้ ก่อนจะแยกกันอยู่ ลูกก็เรียกพ่อแล้ว ติดพ่อเหมือนกัน ถ้าพ่ออุ้มเขาจะชอบ เหมือนผู้ชายกับผู้ชายเล่นกันมันจะสนุกกว่า แม่เขาอุ้มจะไม่มีมาโยนหรอก อู๊ย (เสียงสูง) แม่เขาเลี้ยงแมลงวันยังไม่ให้ตอม หวงลูกเกิน”
       
       แนะทุกคนให้เผชิญปัญหา และถึงกับน้ำตาซึมเมื่อให้ฝากคำพูดถึงลูกเมีย
       
       “อยากฝากทุกๆ คนว่า ทุกคนต้องเจอปัญหา ปัญหามันต้องเกิดขึ้นสักปัญหาหนึ่งแหละ แต่อย่าวิ่งหนีปัญหา ออกมาเผชิญกับปัญหา สู้กับมัน คิดกับมัน เพราะทุกปัญหามีทางออกครับ ส่วนภรรยาก็อยากจะฝาก แหม...พูดแล้วกระดากปาก (หัวเราะ) ไม่ครับ คือเวลาผมอยู่กับแฟนจะเรียกว่าที่รักตลอดเวลา ที่รักก็ฝากดูแลลูกด้วยแล้วกันนะจ๊ะ ดูแลลูกและดูแลตัวเองด้วยนะ แล้วยาไทรอยด์หมดหรือยัง จะเข้ามาเอาหรือให้เขาส่งไปให้ก็ได้ แค่นี้แหละ (น้ำตาซึม) ส่วนจะให้ฝากถึงลูก เกรงว่าลูกฟังไม่รู้เรื่อง แอร์บัสครับ ทำอะไรลูก กินข้าวหรือยังพอแล้ว (น้ำตาซึม)”


โอ วรุฒอุ้มน้องแอร์บัส มีเก๋ ภรรยาอยู่เคียงข้าง

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)