เซ็ดจีห์ ลาเอชพี มีผลกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา อ้างเพื่อทำธุรกิจส่วนตัว ขณะที่รายงานข่าวชี้สไตล์การทำงานไม่เหมาะกับเอชพี เวย์
รายงานข่าวจากบริษัทฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นายอลัน เซ็ดจีห์ กรรมการผู้จัดการ และผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มธุรกิจ เทคโนโลยี โซลูชั่นส์ กรุ๊ป ได้ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว หลังจากร่วมงาน 6 เดือน โดยรับตำแหน่งเมื่อ 1 พ.ย. 2551
เอชพีจะสรรหาบุคคลเพื่อเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ทันที บุคคลที่เหมาะสมจากทั้งภายในและภายนอกองค์กรจะได้รับการประเมินและพิจารณา และจะประกาศผู้เข้ามารับตำแหน่งทันทีที่การตัดสินใจเสร็จสิ้นลง
ขณะนี้ มีนายเบง เทค เลียง ผู้จัดการทั่วไปของหน่วยธุรกิจ พับลิค เซ็คเตอร์ เฮลธ์ แอนด์ ไลฟ์ ไซแอนซ์ เอชพี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้รักษาการ
แหล่งข่าว กล่าวว่า การลาออกของนายเซ็ดจีห์ ให้เหตุผลว่า เพื่อไปประกอบธุรกิจส่วนตัว โดยมีผลทันทีอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธที่ 22 เม.ย. 2552 หรือใช้เวลาในตำแหน่งนี้เพียง 5 เดือนเศษ
"การโดนปลด หรือเรียกภาษาทางการว่า การลาออกของผู้บริหารระดับสูงที่มีผลทันที มีเพียง 2 ทาง คือ ไปทำงานกับคู่แข่ง หรือมีปัญหาด้านการบริหาร ซึ่งกรณีนี้น่าจะเป็นเรื่องที่สอง เพราะถ้าไปทำงานกับคู่แข่งจะเร็วกว่านี้ และต้องห้ามเข้าบริษัทเด็ดขาด"
แหล่งข่าวอีกรายหนึ่ง กล่าวว่า จุดเริ่มของปัญหาเกิดจากพนักงานไม่พอใจการทำงานของนายเซ็ดจีห์ จึงร้องเรียนไปเมืองนอก ซึ่งก็มีฝ่ายทรัพยากรบุคคลเดินทางเข้ามา "คุย" และ "ให้ออก" เลย
ส่วนสาเหตุความไม่พอใจน่าจะมาจากการที่สไตล์การทำงานของนายเซ็ดจีห์ค่อนข้างแรง หากใครทำงานไม่ถึงเป้าจะปลดทันที พนักงานจึงรวมตัวกันร้องเรียนไปเอชอาร์
แหล่งข่าว กล่าวว่า การมีผู้บริหารใหม่เข้ามา ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง และปรับตัวขึ้น ถ้าไม่ใช่ผู้บริหารปรับ ก็ต้องเป็นพนักงานปรับ แต่การที่เอชพี ไทยตั้งมา 20 ปี มีพนักงานอายุงาน 15-16 ปีไม่ใช่น้อยๆ และการทำงานบริษัทอินเตอร์จะมีระบบให้ "คอมเพลน" กันได้ เมื่อสไตล์ไม่ตรงกันก็อาจอยู่ด้วยกันไม่ได้
เอชพี เป็นองค์กรเก่าแก่ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2482 โดยนายบิล ฮิวเลตต์ และนายเดวิด แพคการ์ด ที่ริเริ่มสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกในโรงรถมี "เอชพี เวย์" ที่ผู้ก่อตั้งบริษัทถือว่า พนักงานเป็นสิ่งสำคัญมาก ต้องดูแลให้ดีที่สุด เมื่อมีคนใหม่ที่มาจากองค์กรที่ต้องต่อสู้มาโดยตลอด มีวิถีทางอีกแบบหนึ่ง เข้ากันไม่ได้ ก็ต้องจากไป
ตั้งแต่เอชพี ไทยตั้งขึ้นเมื่อปี 2532 ยกเว้นนายคิม เปา ยู กรรมการผู้จัดการคนแรกที่เป็นชาวต่างชาติแล้ว จากนั้นมาก็มีผู้บริหารชาวไทยสับเปลี่ยนกันดำรงตำแหน่งโดยตลอด กระทั่งเอชพีได้แต่งตั้งนายเซ็ดจีห์นี้
ที่มา: bangkokbiznews.com
