Author Topic: “เอ” ตั้งกฎเหล็กเด็กในสังกัด ใครมีเงินเก็บ 10 ล.เชิญตีปีกออกจากบ้านได้  (Read 1121 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai




“เอ” นั่งยันนอนยันไม่เคยใช้กระเป๋าแอร์เมสปลอม ลั่นอยากฟ้องคนปล่อยข่าวเพราะทำให้โกรธมาก มองเป็นการดูถูกและหยามเกียรติอย่างรุนแรง พร้อมแจงเหตุ "หมาก" หอบของออกจากบ้าน เพราะต้องไปอยู่กับพี่สาว ปัดถูกจำกัดโลกส่วนตัว เผยกฎเหล็กเด็กในสังกัดถ้ามีเงินเก็บ 10 ล้านยินดีให้ออกจากบ้าน
       
       เป็นผู้จัดการส่วนตัวดาราชื่อดัง ที่ทำตัวไฮโซนิยมถือกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อแอร์เมส แต่ล่าสุดตำรวจได้บุกจับโรงงานก๊อปปี้กระเป๋าแบรนด์เนม และเมื่อไปตรวจสอบรายชื่อลูกค้าที่สั่งซื้อ ก็มีชื่อของ “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” รวมอยู่ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ทำเอาผู้จัดการดาราดังถึงกับควันออกหูเพราะความโกรธ ออกปากว่าการถูกตราหน้าใช้ของปลอมเป็นการหยามเกียรติตนที่สุด
       
       “เรื่องนี้ไม่จริงเลย ขอยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์เอาหัวเป็นประกันเลย ยืนยันและนอนยันเลยว่า ยังไงก็ไม่จริงแน่นอน ความจริงการที่เราจะมีของจริงหรือของปลอม เราไม่ได้ไปแอนตี้กับเรื่องตรงนี้ แต่ด้วยความที่พี่เอถือแอร์เมสมาตั้งแต่ยังไม่รู้ว่ากระเป๋าใบนี้ยี่ห้ออะไร แล้วพี่เอรู้สึกชื่นชอบในคุณภาพของมัน พี่เอก็เลยซื้อ ฉะนั้นการที่พี่เอซื้อกระเป๋า1ใบ พี่เอซื้อเพราะคุณภาพ ไม่ได้ซื้อเพราะว่ามันเป็นยี่ห้อ แต่เผอิญว่ามันเป็นยี่ห้อนี้ แล้วพี่เอรู้สึกว่าซื้อมาแล้วใช้ได้เต็มเหนี่ยว เราจะทำอะไรก็ได้ฉีกก็ไม่พัง”
       
       “พอมีข่าวออกมาพี่เอก็โดนอั้ม (พัชราภา ไชยเชื้อ) ว่า ว่าเธอซื้อของปลอมมาใช้เหรอ พี่เอก็บอกกับอั้มว่าเธอก็สอนพี่เอตลอดไม่ใช่เหรอ ว่าใช้อะไรก็ให้ใช้ของที่มันมีลิขสิทธิ์ มันมีเจ้าของ เราก็บอกกับอั้มว่าเราไม่เคยใช้ของปลอมเลยนะ แต่ตัวพี่เอไม่ได้แอนตี้หรือไปว่าใครเลยนะว่า ใครจะใช้ของแบบไหนแบรนด์อะไร พี่เอไม่ได้มองคนที่วัตถุ หรือค่านิยมที่ว่าต้องใช้แบรนด์นี้ๆ มันไม่ใช่ แต่ยืนยันว่าเราใช้กระเป๋าแบรนด์นี้จากต้นสังกัดจริงๆ ไม่ได้ไปซื้อของก๊อปจากที่ไหน”
       
       “ตอนนี้พี่เอมีกระเป๋ายี่ห้อนี้อยู่เป็นสิบๆ ใบ เป็นของจริงๆ ล้วนๆ หมดเลย ไม่ใช่ว่ามีเป็นสิบแล้วมีของจริงอยู่แค่ใบเดียว คือพี่เอคิดกลับกัน ถ้าพี่เอซื้อของปลอมมาใช้แค่ใบเดียว คนก็จะมองว่ากระเป๋าของพี่เอทั้งหมดเป็นของปลอมหมด แล้วพี่เอจะใช้ของปลอมทำไม ถ้าพี่เอจะใช้ของปลอม สู้พี่เอเลือกซื้อกระเป๋าธรรมดาดีไซน์เก๋ๆไม่ดีกว่าเหรอ พี่เอเองอาจจะไม่ใช่ตัวนำด้านแฟชั่น แต่เราก็เป็นอะไรที่เป็นโลโก้ของกระเป๋าแบรนด์นี้ไปแล้ว มีคนบอกว่าทำไมเจ้าของไม่จ้างไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ เราเลยบอกว่าจะจ้างได้ไง เขากำลังจะเอาคืนอยู่ตอนนี้”
       
       “พอมีข่าวแบบนี้เราเองก็เสียหายนะ บอกตรงๆ ว่าอยากฟ้องนะเพราะว่าโกรธมาก โกรธมากกว่าข่าวเมาท์อย่างอื่นทั้งสิ้นเลย การที่มาบอกว่าเราใช้ของปลอมเหมือนเป็นการดูถูกเรามากเลยนะ แต่ก็ช่างมันเถอะ ก็ได้แต่บ่นกับอั้มว่า ถึงอยากจะฟ้องแต่ก็ไม่รู้จะฟ้องใคร แล้วก็ไม่มีว่าฟ้องไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา พอมีข่าวน้องๆ ในสังกัดที่อยู่บ้านเดียวกันกับเรา ก็ขึ้นไปดูในห้องนอนเลยแล้วบอกว่า พี่เออยากรู้จังเลยว่าพี่เอใช้ของปลอมอย่างที่ข่าวลงจริงหรือเปล่า พี่เอก็บอกว่าเชิญขึ้นไปดูได้เลย แล้วจะเชิญนักข่าวขึ้นไปดูที่บ้านพี่เอเลยด้วยว่า พี่เอใช้ของปลอมจริงหรือเปล่า”
       
       “คือเมาท์อย่างนี้มันเหมือนหยามกันจริงๆ อั้มยังบอกเลยว่า พี่เอเธอนี่ไม่ได้แล้วนะ ข่าวออกมาอย่างนี้เธอเสียหายมากเลย เพราะเธอเองก็เป็นคนที่แอนตี้เรื่องแบบนี้อยู่แล้ว พี่เอกลัวมากที่สุดคือกลัวคนจะหาว่าเราถือของปลอม ใช้ของปลอม คือพี่เอเองก็พอมีเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่จะซื้อได้ มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปซื้อของปลอม บอกเลยตรงนี้ว่าพี่เอไม่ได้แอนตี้คนที่ถือแบรนด์อื่นอะไรยังไง ถ้าเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ของทางรัฐบาลในการก๊อปปี้”
       
       เผยพยายามไม่เครียดเพราะหวั่นกระทบอาการป่วย ยอมฝืนคำสั่งหมอที่ห้ามถือกระเป๋าแอร์เมสใบหนัก เพราะใจรักจริงๆ
       
       “ตอนนั้นที่ไม่สบายแอร์เมสมันก็หนักเกินไปสำหรับคนป่วยไง ตอนนี้พี่เอหายป่วยแล้ว แต่คุณหมอก็บอกว่าอย่าถือของหนักมาก ด้วยกระเป๋ายี่ห้อนี้ลองท้าพิสูจน์ได้ว่า ของจริงมันจะหนักแบบนี้ (ยื่นกระเป๋าให้นักข่าวลองถือ) คุณหมอก็สั่งห้ามเพราะหนักเกิน เราเลยต้องไปใช้กระเป๋าอีกแบรนด์นึง จริงๆ ก็กลัวกระเป๋าหนักมากๆ แล้วจะกลับไปเป็นแบบเดิมอีกหากพักผ่อนน้อย เพราะโรคนี้มันเกี่ยวกับการพักผ่อนด้วย แต่ก็ช่างมันเถอะ เรามีความสุขกับตรงนี้ก็สู้ตายครับ เพราะอยากถือกระเป๋า”
       
       แจงเหตุ “หมาก ปริญ สุภารัตน์” ย้ายออกจากบ้านตน เพราะต้องไปอยู่เป็นเพื่อนพี่สาว ไม่เกี่ยวตนจำกัดโลกส่วนตัวมากจนอีกฝ่ายทนไม่ไหว
       
       “คือหมากเลือกที่จะอยู่บ้านพี่เอแบบไปๆ มาๆ พอดีคุณพ่อของน้องหมากเดินเข้ามาคุยว่า พี่สาวของน้องหมากอยู่หอที่มหาวิทยาลัยรังสิตคนเดียว แล้วตอนนั้นพี่สาวของหมากโดนฉกกระเป๋า แล้วด้วยความที่หมากเคยอยู่กับพี่สาวเขามาก่อนที่จะเข้ามาอยู่ที่บ้านพี่เอ เขาก็เลยขอเลือกจะกลับไปอยู่แบบไปๆ มาๆ เพราะจะได้อยู่เป็นเพื่อนพี่สาวเขา ด้วย”
       
       “มันไม่ใช่อย่างที่ข่าวบอกว่า พี่เอไปจำกัดโลกส่วนตัวอะไรของน้องหมากเลย เพราะกฎที่บ้านพี่เอเป็นกฎที่ตั้งไว้เป็นมาตรฐานที่ทุกคนต้องสามารถรับได้ ถ้าเป็นสิ่งที่ทุกคนรับไม่ได้ แสดงว่าสิ่งนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สิ่งที่พี่เอตั้งไว้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนแล้ว อย่างหมากเองพี่เอว่าเขาก็โอเคนะครับ หมากเป็นคนน่ารัก แล้วการที่เขากับคุณพ่อเดินเข้ามาหาพี่เอเอง เราก็รู้สึกโอเค แล้วพี่เอก็มองว่าเขาค่อนข้างแข็งแรงแล้ว”
       
       “กฎที่บ้านของพี่เอคือ ถ้าคนไหนมีเงินเก็บเป็น 10 ล้าน พี่เอก็จะเชิญออกเลย พี่เอจะได้ให้พื้นที่กับเด็กใหม่คนอื่นๆ ตอนนี้หมากเองก็มีเยอะครับ แต่ไม่แน่ใจว่าถึง 10 ล้านหรือเปล่า เพราะบางทีพี่เอก็ไม่ได้ดูของเขา พี่เอเองก็ต้องเตรียมเด็กล็อตใหม่เพื่อที่จะมาปั้นแทนน้องๆ ที่เขาแข็งแรงแล้ว บ้านพี่เอก็เหมือนโรงเรียนประจำ ที่มีทั้งการอบรมบ่มนิสัย ฟิตหุ่น ฟิตร่างกาย มีการส่งไปเรียนการแสดง ถ้าคนไหนไม่ถึงก็พาไปเกาหลีอะไรอย่างนี้ ก็ว่ากันไปครับ”


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)