“เคลลี่” ควงคู่ “บี” ย้ำรักยังหวาน แจงเหตุไม่ค่อยเห็นออกงานคู่ เพราะยุ่งทั้งคู่ แต่ยังได้เจอและคุยกันตลอด ปัดเข้าวัดหาฤกษ์แต่ง ลั่นขอทำงานเก็บตังค์ก่อน ถ้าแต่งจริงคงเป็นฤกษ์สะดวก ยันฉากเลิฟซีนกับคนอื่นแค่ทำงาน พอเลิกกองแล้วจบกันไม่มีสานต่อ
มีข่าวรักล่มออกมาเป็นระลอก สำหรับคู่รักมาราธอนอย่างดาราหนุ่ม “เคลลี่ ธนพัฒน์” กับนางแบบสาว “บี น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” ที่ก่อนหน้านี้มีแต่ฝ่ายหญิงที่ออกมาแก้ข่าวว่า ยังรักกันดีไม่มีปัญหา ล่าสุดเพื่อเป็นการยืนยันว่าความรักยังเหนียวแน่น ทั้ง “บี” และ “เคลลี่” เลยจูงมือกันเดินแฟชั่นโชว์ในงาน spirit of japan ซะเลย แถมยังโชว์หวานสบตาซึ้งใส่กันจนคนในงานพากันอิจฉายกใหญ่ ซึ่งทั้งคู่ก็เผยว่าจริงๆ มีงานติดต่อให้รับทรัพย์คู่ด้วยกันเยอะ แต่เพราะงานยุ่งด้วยกันทั้งคู่ เลยอาจทำให้คนเข้าใจผิดว่าความสัมพันธ์เริ่มห่างเหิน
บี : “จริงๆ มีงานคู่ติดต่อเข้ามาเยอะเหมือนกัน แต่เป็นเพราะคิวไม่ตรงกันด้วยค่ะ ก็เลยดูหายๆไปบ้างเวลาออกงานคู่ แต่ว่าเราก็มีเวลาให้กันตลอดเนอะ (หันไปหาเคลลี่)”
เคลลี่ : “คือถ้ามีงานเราก็ยินดีรับนะครับ แต่สำหรับเราอาจไม่จำเป็นต้องมาโปรโมตว่าเรายังรักกันอยู่ ยังหวานกันอยู่จากการที่มาออกงานคู่ เพราะปกติเราก็ยังได้ทานข้าว ไปดูหนัง ได้เจอกัน ได้คุยกันอยู่แล้ว ถึงแม้ไม่เจอกันเราก็คุยกันทุกวันนะครับ แต่ถ้ามีงานอะไรที่อยากให้เราออกคู่กันก็ยินดีที่จะรับ แต่คงต้องลองดูเรื่องคิวกันนิดนึง”
บี : “มีข่าวว่าเราทะเลาะกันเหรอ ไม่มีนะ แต่สำหรับบีเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะเรายังเหมือนเดิม แล้วเราก็ไม่ได้อ่านข่าวด้วย”
เคลลี่ : “คือเราไม่ได้ตามข่าวด้วยซ้ำครับ และถ้าข่าวมันไม่จริงเราก็ไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวมันก็ผ่านๆ ไป คือคนรอบข้างคนที่สนิทเขาก็จะรู้อยู่แล้ว แต่ถ้าคนไม่สนิทเขาก็คงไม่กล้าถาม จริงๆ มันไม่มีใครมาถามเรื่องนี้ ซึ่งถ้าถามผมก็ยังไม่รู้เลยว่าข่าวอะไรบ้าง ก็เห็นมีแค่ข่าวเดียวที่บีล้มแล้วร้องไห้ ก็คงจะคิดเรื่องอื่นไม่ได้ ก็เลยต้องเป็นเรื่องเราทะเลาะกัน แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เป็นอุบัติเหตุจากการทำงานครับ”
ปัดหมั่นเข้าวัดทำบุญเพื่อหาฤกษ์เตรียมจะมีข่าวดี บอกทำเป็นปกติอยู่แล้ว ยันเรื่องแต่งงานยังไม่มีเร็วๆ นี้แน่นอน
เคลลี่ : “จริงๆ ข่าวควงกันไปวัดหาฤกษ์นี่เห็นอยู่บ่อยๆ นะ แต่เป็นเพราะผมกับบีชอบไปทำบุญที่วัดกันมากกว่า ค่อนข้างจะบ่อยอยู่เหมือนกัน ซึ่งทุกครั้งที่เข้าวัดก็จะมีข่าวว่าเราไปดูฤกษ์ ดูดวงกัน แต่ก็ยังไม่มีนะครับ(ยิ้ม) แต่ถ้าจะแต่งจริงๆ ผมว่าสำหรับเราคงเป็นฤกษ์สะดวกครับ ปีไหนที่สะดวกพร้อมก็คงเป็นปีนั้น แต่ความรู้สึกผมถ้าหากปีนี้พร้อมก็อาจจะไปดูว่าวันไหนดี ช่วงไหนดี ถามว่าเชื่อไหม ผมคิดว่ามันก็ไม่ได้บังคับอะไรกับชีวิตในตรงนั้น แต่ถ้าไปดูฤกษ์บ้างก็ไม่เสียหายอะไร”
บี : “ช่วงนี้ก็คงทำงานเก็บตังค์ก่อนค่ะ เศรษฐกิจอย่างนี้ด้วย พวกเราก็ต้องหาตังค์กันก่อน(หัวเราะ) ถ้าจะมีครอบครัวก็ต้องมีตังค์ก่อน”
ยันเวลาที่ต้องทำงานกับคนอื่นแล้วต้องเล่นบทสวีต ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของทั้งคู่ ยอมรับได้ว่าเป็นแค่เรื่องงาน จบแล้วไม่มีสานต่อแน่นอน
บี : “สวีตกับคนอื่นเหมือนจริงเหรอ ไม่ๆ คือที่เห็นเวลาเดินแบบแล้วต้องมีจุ๊บบ้าง มันก็เป็นแค่ธีมงานของเขาที่อยากให้เป็นสีสันเท่านั้นเองค่ะ หนึ่งคือเราแอ็คติ้งได้อยู่แล้ว อย่างทำท่าสวีตวิ้ดวิ้ว เราก็ทำตามออเดอร์ที่เขาสั่งมา เราเจอบ่อยค่ะ ก็เลยเฉยๆ แล้วก็ไม่ใช่ว่าเราไปกรี๊ดใครเป็นพิเศษด้วย”
เคลลี่ : “ผมก็ไม่ได้อะไรนะ ยังไม่เห็นข่าวเลยด้วย คือมันเป็นการแสดง เรื่องแค่นี้มันเป็นเรื่องเล็กมากเลย”
บี : “เหมือนกับละครค่ะ ทุกเรื่องไม่เคยมีใครมาจูบจริงกันนอกรอบแน่นอน ไม่มีทางเลย ส่วนใหญ่แค่ทำงานกันก็จบแค่นั้น”
เคลลี่ : “อย่างผมก็ทนหอมแก้มในละครมาก็เยอะแล้ว เรื่องงานก็คืองาน คือผมก็รู้ว่าบีดูแลตัวเอง รับผิดชอบตัวเองได้อยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้หรอก เขาทำงานในวงการมานานแค่ไหนแล้วเราย่อมรู้ดี”
บี : “จริงๆ บีก็ไม่ได้ห่วงภาพอะไรมากมายนะ ถ้าห่วงก็ห่วงความรู้สึกตัวเองมากกว่า คือถ้ามันจำเป็นต้องจูบจริงก็โอเคค่อยว่ากัน แต่ว่าถ้ามันไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่ต้องก็ได้มั้ง เซฟตัวเองดีกว่า ไม่ใช่เราไม่เต็มที่กับงานนะ เราก็เต็มที่ แต่เซฟได้ก็เซฟค่ะ”
เคลลี่ : “อย่างของผมที่ผ่านมาก็มีใน นักสู้พันธุ์ข้าวเหนียว กับน้องกี้(รฐกร สถิรบุตร) แต่เพราะเราสนิทกันมาก รู้จักกันมาหลายปีแล้ว แต่จริงๆ แล้วไม่ควรจะรู้สึกอะไรอยู่แล้ว เราเป็นนักแสดงเป็นมืออาชีพ เวลาจะให้มากอดผู้หญิง มาหอมจูบ ใกล้ชิดกับเขาก็ไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้ว มันเป็นงานครับ คือเราไม่ได้ชอบเขาโดยส่วนตัวในทางที่แบบจะไปจีบเขาหรืออะไรอย่างนั้น ผมก็มองแค่มันเป็นงาน เพราะฉะนั้นเวลาใกล้ชิดกันก็ไม่ได้ตื่นเต้น ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย นอกจากว่านี่คือหน้าที่ แต่เวลากับบีตื่นเต้นไหมเหรอ ไม่นะ กลัวมากกว่ามั้ง(หัวเราะ) ”
“ไม่หรอก ผมพูดเล่น ก็ให้เกียรติกันครับ ถามว่าผมกลัวบีไหม คือเราก็เจอกันครึ่งๆ นะ ส่วนมากมีอะไรเราจะคุยกัน อย่างที่บอกว่าเราคบกันเหมือนเพื่อนมากกว่า พอเราคบกันเหมือนเพื่อนเราก็ให้เกียรติกันนะ ก็พยายามที่จะรับฟังแต่ละฝ่าย บีเขาก็ไม่ได้กลัวผม ผมก็ไม่ได้กลัวเขา แต่ผมว่าให้เกียรติกันมากกว่า แต่ความเกรงใจมันมีอยู่แล้วล่ะ เพราะว่าเขาเป็นแฟนเรา เราก็ต้องเกรงใจเขาอยู่แล้วครับ”
ที่มา: manager.co.th
