“ปิงปอง สะแกวัลย์” หวนคืนวงการบันเทิง หลังจากหายหน้าไปนานถึง 7 ปี พร้อมเผยอาการป่วยเป็นอัมพฤกษ์ดีขึ้น แต่ยังต้องกายภาพบำบัดควบคู่กินยา โต้ทะเลาะกับตระกูล “ยงใจยุทธ” ลั่นตัดขาดเฉพาะครอบครัวตนเอง เหตุถูกมองเป็นคนเกเร
7 ปีที่ห่างหายไปจากวงการบันเทิง นานซะจนแฟนๆ เกือบลืมหน้า สำหรับดาราสาว “ปิงปอง สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ” ที่ก่อนหน้านี้เครียดมากจนล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์ และสมองฝ่อ หลังจากหยุดพักรักษาตัวอยู่นานจนอาการเริ่มดีขึ้น แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีกเมื่อไม่นานมานี้ เจ้าตัวได้ประสบอุบัติเหตุหกล้ม ทำเส้นข้อเท้าเลื่อน 2 มิลลิเมตรต้องเข้าเฝือกที่ขาข้างซ้าย และต้องใช้ไม้ช่วยพยุงเวลาเดิน ล่าสุด มีโอกาสได้เจอ “ปิงปอง” จึงสอบถามอัปเดตเรื่องราว เจ้าตัวเผยอาการป่วยจากโรคอัมพฤกษ์ดีขึ้นกินยาลดลงตามลำดับ แต่ยังมีผลกระทบเรื่องความจำ พร้อมแย้มได้กลับคืนวงการเล่นละครแล้ว
“ก็กินยาอยู่ค่ะจากวันละ 10 เม็ด เม็ดละร้อย เหลือวันละเม็ด จนเหลือสองวันเม็ด เรากินติดต่อกันมา 3 ปีจะ 4 ปีแล้ว อาการก็ลดลงเรื่อยๆ ก็ดีขึ้นนะ 99% คุณหมอบอกว่า หนึ่งในล้านที่จะหายได้ถึงขนาดนี้ อาการที่ยังแย่ที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องความจำ การอ่านก็ยังช้าอยู่ แต่การพูดเร็วขึ้น ปกติพูดเร็วอยู่แล้วยิ่งเร็วหนักอีก แล้วพอจะพูดอะไรก็เอ๊ะพูดอะไรไปแล้ว มันจะมีตรงนี้ซึ่งไม่ดีเลย การเดินก็ยังคงต้องใช้ไม้คอยพยุงอยู่ ยังเดินเองไม่ไหว แล้วก็ต้องทำกายภาพ โอกาสจะหายเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ปิงปองไม่แน่ใจนะ คุณหมอก็แปลกใจทำไม เพราะเรากินยามานาน แต่บางครั้งยังต้องใช้ยานอนหลับบางตัวอยู่ ใครที่ทานอยู่มันเป็นภัยมืดนะ คนอาจคิดว่ากินไปเถอะไม่ติดหรอก ติด (เน้นเสียง) ติดโดยไม่รู้ตัว”
“แล้วตอนนี้ก็ได้กลับมาเล่นละครแล้วนะ จะตั้งใจทำงาน อยากคว้าโอกาสไว้ แต่ยังไม่บอกนะคะว่างานอะไร เพราะกลัวเดี๋ยวมันไม่ขลัง คือเวลาเราบอกไปก่อนแล้วยังไม่ได้เล่น อย่างเรื่องงานบ้าง แฟนบ้าง หลุดทุกทีเลย กลัวจะโดนปลดไง แต่บอกได้ว่าเป็นละครทางช่อง 3 ค่ะ บทบาทก็เล่นเป็นพี่เลี้ยง ซึ่งเราก็ถามนะตอนแรกว่าให้เล่นเป็นคนใช้หรือเปล่า เขาบอกไม่ใช่ เป็นบุคคลที่สำคัญที่แบบว่าปกป้องนางเอกตลอดเวลา เรื่องนี้เป็นตัวดี สงสัยต้องเคาะสนิมอย่างแรง เพราะเรื่องนี้ต้องพูดเหนือด้วย เครียดเลย”
โต้ทะเลาะขัดแย้งกับตระกูล “ยงใจยุทธ” แจงตัดขาดเฉพาะครอบครัวตัวเอง เหตุถูกมองเป็นคนเกเร ลั่นยังเผาผีแม่ และโดนญาติพี่น้องกีดกันไม่ให้เจอ
“เรื่องครอบครัวตอนนี้ก็ไม่ได้คุยกันเลย ตัดขาดแล้ว ตอนที่ออกมาจากบ้านแรกๆ ก็ลำบาก เงินก็ไม่มี งานก็ไม่มีเลย ถามว่า เสียใจไหม ก็เสียใจ เรารักครอบครัวอยู่แล้ว ถ้าใครรู้ปิงปองเป็นคนรักครอบครัวมาก แต่คือเขาไม่เข้าใจเรา เขาคิดว่าเราเกเร ก็เกเรจริงๆ แหละ แต่มีน้องชายมาเปรียบเทียบว่า เรียนก็ดีเกือบเกียรตินิยม จบซานฟรานซิสโก ทุกอย่างดีหมด ขณะที่เราเรียนก็ไม่จบ เกเรอีก คือเราพูดอะไร น้ำหนักเขาจะเชื่อน้องชายมากกว่า ทุกคนก็เลยเข้าใจว่าเราอิจฉาน้องชาย ถามว่าอิจฉาหรือไม่ เราเลี้ยงมาแต่เด็กจะอิจฉาทำไมล่ะ เราไม่อิจฉาหรอก”
“จะไม่เผาผีกันเลยหรือเปล่า อุ๊ย....(อุทาน) คุณแม่เผานะ ไม่ได้แช่งเพียงแต่ว่าคุณแม่อายุมากแล้ว ตอนนี้คุณแม่ไม่รู้เรื่อง คุณแม่คิดว่าเราออกไปอยู่ข้างนอกธรรมดา เรามีปัญหากับที่บ้าน คือทุกคนที่บ้านกีดกันหมดเลยไม่ให้เจอคุณแม่ ไม่ให้รู้ว่าคุณแม่เข้าโรงพยาบาลที่ไหน รู้ได้ก็รู้จากญาติพี่น้อง รู้จากคนรอบข้าง คือบ้านเราแรงไง พี่ก็เป็นอย่างนี้ น้องก็เป็นอย่างนี้ จริงๆ พูดจาเล่นๆ แต่เหมือนทะเลาะนะ เสียงดังไปเรื่อย เราคิดว่าทิฐิหมดทั้งบ้าน มันแบบอีโก้สูงทั้งบ้าน ทุกคน”
“เรื่องผลกระทบที่ตามมาก็ไม่มีอะไรนะ มันกลายเป็นข่าวไปกันใหญ่ เราทะเลาะกับตระกูล ยงใจยุทธ ก็ใจเย็นๆ ญาติพี่น้อง พี่ ป้า น้า อา มันไม่เกี่ยวเลย คือมันเป็นระหว่างเรากับครอบครัว และพี่น้องเราแค่นั้นเอง แต่อ่านข่าวก็งง กลายเป็นว่าเราขัดกับตระกูล มันไม่เกี่ยว แต่ข่าวที่ออกไปอาจจะขาดก็ได้นะ”
แย้มมีหนุ่มๆ มารุมตอม แต่ยังไม่ขอเลือกใคร เพราะยังไม่เจอที่มีคุณสมบัติครบตามที่ตั้งไว้
“เรื่องหัวใจตอนนี้มีคนมาชอบแล้วกันค่ะ 7-8 คน เยอะไหม เยอะจริงๆ (หัวเราะ) แต่เราไม่เอา คือที่เข้ามาชอบหมดแหละ แต่คือเรามีกฎ 10 ข้อไง ที่เข้ามามีอย่างละข้อมันไม่เต็มเลย แล้วตอนนี้เราบ้างาน ขอเก็บเงินก่อน พอเราแก่ไปผู้ชายไม่เลี้ยงนะ ถ้าจะหาว่าเลือกปิงปองไม่แคร์ค่ะ เพื่อนปิงปองเยอะ ถ้าใครอยากเป็นแฟนนะคะ เอาพ่อตาย แม่ตาย ญาติไม่มี บ้านรวย โง่ หล่อ รักเราคนเดียวพอ”
ที่มา: manager.co.th
