ทันทีที่ศาลสหรัฐฯอ่านคำพิพากษาให้เอสเอพี (SAP) จ่ายเงินค่าเสียหายแก่ออราเคิล (Oracle) เป็นเงินจำนวน 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 39,000 ล้านบาท) คดีนี้จึงกลายเป็นคดีละเมิดลิขสิทธิ์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์โลกไอที สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เอสเอพีชอกช้ำรายเดียว แต่แรงสั่นสะเทือนยังส่งถึงนานาบริษัทรายย่อยที่ทำธุรกิจให้บริการสนับสนุนด้านเทคนิคของระบบซอฟต์แวร์ออราเคิล
เหตุที่ทำให้ออราเคิลต้องเรียกร้องเงินค่าปรับจำนวนมหาศาล จนส่งให้คดีนี้กลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ในกลุ่มคดีละเมิดลิขสิทธิ์เทคโนโลยี คือการเป็นเดิมพันในการลุยตลาดให้บริการโปรดักต์ซัปพอร์ตของออราเคิลเองในอนาคต
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2007 ครั้งนั้นออราเคิลประกาศฟ้องร้องคู่แข่งตัวเอ้อย่างเอสเอพีโดยระบุว่า ถูกบริษัทลูกของเอสเอพีที่ชื่อว่าทูมอร์โรนาว (TomorrowNow) เข้าไปขโมยความลับทางการค้าของออราเคิลอย่างผิดกฏหมาย ในสำนวนฟ้องจำนวน 44 หน้า ออราเคิลกล่าวหาว่าเอสเอพีต้องการสร้างรายได้จากการให้บริการโปรดักต์ซัปพอร์ตซอฟต์แวร์ของออราเคิล แต่กลับไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะให้บริการได้ จึงเริ่มสอดแนมเจาะระบบของออราเคิลตั้งแต่เดือนกันยายน 2006 จนถึงเดือนมกราคม 2007 เพื่อหวังใช้ข้อมูลลับเหล่านี้ในการแย่งชิงลูกค้าของออราเคิล
บริการโปรดักต์ซัปพอร์ตนั้นหมายถึงการให้บริการติดตั้ง จัดหา ให้คำปรึกษา รวมถึงการแก้ไขปัญหาแก่องค์กรบริษัทที่ต้องการใช้ซอฟต์แวร์จัดการข้อมูลที่จะช่วยให้หน่วยงานสามารถจัดการงานได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งออราเคิลและเอสเอพีซึ่งเป็นผู้นำในตลาดซอฟต์แวร์จัดการข้อมูลเหล่านี้ ต่างต้องการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดโปรดักต์ซัปพอร์ตด้วยตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นคือทั้งคู่พยายามขยายบริการโปรดักต์ซัปพอร์ตให้รองรับซอฟต์แวร์ค่ายอื่นให้มากที่สุด ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นคู่แข่งของกันและกันอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
เอสเอพีเริ่มต้นด้วยการซื้อบริษัททูมอร์โรว์นาวช่วงต้นปี 2005 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ออราเคิลควบรวมพีเพิลซอฟท์ (PeopleSoft) ด้วยเงินจำนวน 1.1 หมื่นล้านเหรียญ ปรากฏว่าทูมอร์โรว์นาว (ซึ่งเริ่มดำเนินงานในชื่อ SAP TN) ชูจุดเด่นสำคัญคือการมุ่งให้บริการโปรดักต์ซัปพอร์ตซอฟต์แวร์ของออราเคิลในราคาที่ต่ำกว่ารายอื่น จุดนี้เองที่ทำให้ออราเคิลระบุว่าเอสเอพีนั้นไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะให้บริการซัปพอร์ตซอฟต์แวร์ของออราเคิล จึงเริ่มสอดแนมระบบของออราเคิลเพื่อนำไปใช้ในการแข่งขัน
ออราเคิลระบุว่ามีการตรวจพบทราฟฟิกดาวน์โหลดผิดกฏหมายจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของเอสเอพีมากกว่า 1 หมื่นครั้ง โดยจากการสำรวจไอพีแอดเดรสเบื้องต้นพบว่าทราฟฟิกเหล่านี้วิ่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ในสำนักงานใหญ่ของ SAP TN ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
แม้ออราเคิลจะระบุว่าจุดประสงค์ของการฟ้องร้องคือความต้องการให้ศาลออกคำสั่งลงโทษเอสเอพี แต่นักวิเคราะห์กลับมองว่า นัยสำคัญของการฟ้องร้องครั้งนั้นคือการเสียผลประโยชน์ที่ออราเคิลควรจะได้รับจากสิทธิบัตรเทคโนโลยีที่ออราเคิลคิดค้นพัฒนาอย่างยากลำบาก โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา เอสเอพีเปิดฉากเซ็นสัญญาเพื่อให้บริการโปรดักต์ซัปพอร์ตแก่กลุ่มลูกค้าของออราเคิลจำนวนมาก ทำให้ออราเคิลเสียประโยชน์มหาศาลเพราะการสำรวจพบว่ารายได้จากบริการโปรดักต์ซัปพอร์ตและการจำหน่ายชุดอัปเดตซอฟต์แวร์นั้นคิดเป็นสัดส่วนราวครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดของออราเคิล
นอกจากหน่วยธุรกิจ SAP TN ที่ถูกปิดไปแล้ว ออราเคิลยังเฉือดไก่ให้ลิงดูด้วยการฟ้องร้องบริษัทรายย่อยผู้ให้บริการโปรดักต์ซัปพอร์ตผลิตภัณฑ์ออราเคิลอย่าง Rimini Street Inc. ด้วย และคาดว่าจะมีการฟ้องร้องบริษัทอื่นที่ดำเนินธุรกิจในลักษณะเดียวกันตามมาอีก ทั้งหมดนี้เชื่อว่าตลาดการให้บริการโปรดักต์ซัปพอร์ตทั่วโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างน่าจับตา
สิ่งสำคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นนับจากนี้คือการรุกตลาดอย่างเต็มตัวของพีเพิลซอฟท์ เนื่องจากการฟ้องร้องครั้งนี้ได้กรุยทางสะดวกให้บริษัทลูกของออราเคิลกลายเป็นบริษัทที่มีภาษีดีที่สุดในการให้บริการเทคโนโลยีของออราเคิลเอง ซึ่งจะทำให้ออราเคิลสามารถยืนหยัดในตำแหน่งที่เป็นต่อในตลาดซอฟต์แวร์โลก
แม้เงินค่าปรับ 1,300 ล้านเหรียญจะคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของกำไรของเอสเอพีในปีที่แล้ว แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าการปรับครั้งนี้จะไม่สร้างผลกระทบต่อเอสเอพีในระยะยาว
ที่มา: manager.co.th